ยักษ์ชนยักษ์รถพ่วงชนกันไฟลุกท่วม


เพิ่มเพื่อน    


เมื่อเวลา 04.40 น. วันที่ 27 ก.ย. 63  ร.ต.อ.นธี  ศิริทอง  รองสารวัตรสอบสวน สภ.ไชโย  ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ  รถบรรทุกพ่วงชนท้ายรถเทรลเลอร์จนเกิดเพลิงลุกไหม้  บริเวณถนนสายเอเชียขาเข้ากรุงเทพฯ  หลักกิโลเมตรที่ 59 + 400 อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง  หลังได้รับแจ้งจึงรีบรุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ  พร้อมประสานขอสนับสนุนรถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลไชโย  อบต.ชัยฤทธิ์  และเทศบาลเมืองอ่างทอง  และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยจังหวัดอ่างทอง  เข้าทำการควบคุมเพลิง   

ในที่เกิดเหตุบริเวณช่องทางด้านซ้ายพบรถพ่วงบรรทุกปูน  ยี่ห้ออีซูซุ  หมายเลขทะเบียน 83 5666 นครสวรรค์  ลูกพ่วงหมายเลขทะเบียน 83 5667 นครสวรรค์  สภาพชนอัดอยู่กับท้ายรถเทรลเลอร์หัวลากบรรทุกน้ำ  ยี่ห้ออีซูซุ  หมายเลขทะเบียนหัวลาก 70 8815 ปทุมธานี  จนหัวเก๋งกระเด็นหลุดลงมาที่พื้นถนน  มีเพลิงลุกไหม้ที่หัวเก๋งและท้ายรถเทรลเลอร์อย่างรุนแรง  เนื่องจากรถบรรทุกพ่วงติดแก๊ส  ประกอบกับมีเสียงระเบิดของถังแก๊ส  ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการเข้าควบคุมเพลิง  เพราะเกรงว่าถังแก๊สจะเกิดระเบิดขึ้นมาอีก  อาจจะทำให้ได้รับอันตราย  โดยใช้เวลาในการควบคุมเพลิงประมาณ 40 นาทีเพลิงจึงสงบ  ส่งผลทำให้การจราจรบริเวณที่เกิดเหตุติดขัดใช้ได้ 1 ช่องทาง   
จากการสอบถาม นาย บรมินทร์  ทองยุทธ อายุ 33 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 14  หมู่ที่ 9  ตำบลช่องแมว  อำเภอลำทะเมนชัย  จังหวัดนครราชสีมา  คนขับรถเทรลเลอร์หัวลาก  เล่าให้ฟังว่า  ตนเองขับรถเทรลเลอร์บรรทุกน้ำดื่มเต็มคันรถมาจากอำเภอแม่สอด  จังหวัดตาก  มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ  โดยได้จอดพักรถที่ปั๊มน้ำมันในเขตอำเภอไชโย  หลังจากขับออกมาเพียงไม่นานได้มีรถพ่วงวิ่งเข้ามาชนท้ายและเกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นมา   

ด้าน นาย นิพนธ์  อินทรวิเศษ  อายุ 39 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 202/1  หมู่ที่ 12  ตำบลหนองกลับ  อำเภอหนองบัว  จังหวัดนครสวรรค์  คนขับรถพ่วงบรรทุกปูน  ยืนตั้งสติอยู่หน้าปั๊มน้ำมันที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 50 เมตร  ให้การว่า  ตนเองขับรถพ่วงบรรทุกปูนมาเพียงคนเดียว  ออกจากอำเภอหนองบัว  จังหวัดนครสวรรค์  มุ่งหน้าไปอำเภอนครหลวง  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ระหว่างทางได้ขับตามรถเทรลเลอร์บรรทุกน้ำ  พอมาถึงที่เกิดเหตุตนเองกำลังจะเร่งเครื่องแซงรถเทรลเลอร์  แต่มีรถขนผักที่อยู่ด้านหลังแซงขึ้นมาเสียก่อน  จึงเบรกไม่ทันพุ่งเข้าชนท้ายรถเทรลเลอร์เข้าอย่างจังไปไกลกว่า 50 เมตร  หัวเก๋งหลุดลงไปอยู่ที่พื้นถนน  ส่วนตนเองก็ต้องรีบตะเกียกตะกายออกจากรถรีบวิ่งหนีมาตั้งหลัก  เพราะถังแก๊สที่รถเกิดระเบิดจนเพลิงลุกไหม้รถอย่างรุนแรง  ตนเองได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลเพียงเล็กน้อยรอดตายราวปาฏิหาริย์ 

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบบันทึกภาพเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ  และทำการสอบสวนผู้ขับขี่รถทั้ง 2 คัน  เพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงในครั้งนี้ตามขั้นตอนของกฎหมาย  และเร่งดำเนินการนำรถทั้ง 2 คันที่เกิดอุบัติเหตุออกจากพื้นที่  โดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง  เพื่อให้ผู้ใช้เส้นทางได้ตามปกติต่อไป 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"