เกาะพะงันในคืนวันโควิด-19 (จบ)


เพิ่มเพื่อน    

 

    กลางกันยายน ฟ้าฝนในภาคใต้ยังไม่ออกฤทธิ์เดชมากนัก บนเกาะพะงันกลางวันแดดร้อนเป็นปกติ แต่ตกเย็นเมฆครึ้มมักจะตั้งเค้ามาจากฝั่งแผ่นดินสุราษฎร์ธานี หากลมไม่แรงฝนก็จะตกบนเกาะในช่วงเย็นๆ หรือหัวค่ำ วันไหนลมพัดแรงหมู่เมฆอาจทำได้แค่ลอยผ่านไป ลุ้นอีกทีก็ช่วงใกล้รุ่ง เฉลี่ยแล้วฝนจะโปรยลงมาสักรอบหนึ่งในแต่ละวัน แต่ไม่หนักหนาจนถึงขั้นทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยว


สันดอนทรายเชื่อมหาดแม่หาดและเกาะม้า

                เย็นนี้ผมตั้งใจจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาเพื่อนฝรั่งชาวอิตาเลียนแถวอ่าวโฉลกหลำ ห่างไปจากที่พักบนหาดเจ้าเภาประมาณ 8 กิโลเมตร แต่ฝนเจ้ากรรมเทลงมาตอนกำลังจะออกไปพอดี จึงกินมื้อค่ำที่ร้านอาหารของรีสอร์ต ฝนเว้นวรรคให้หน่อยนึงก็ลองเดินออกไปดูลาดเลาบาร์ริมหาดของรีสอร์ตติดกันเห็นไฟยังเปิดอยู่ เดินกลับที่พักเพื่อไปหยิบกระเป๋าตังค์ ช่วงเวลาสั้นๆ นี้บาร์ริมหาดปิดเรียบร้อยพอดี ผมจึงออกไปซื้อเบียร์ที่ร้านสะดวกซื้อมา 2 กระป๋องยาว กะจะดื่มที่ระเบียงหน้าห้องพัก หันไปเห็นหนุ่มผู้จัดการร้านอาหารนั่งเล่นคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตอยู่ เดินเข้าไปหาแล้วยื่นเบียร์ให้เขา 1 กระป๋อง เขารับไว้และเปิดดื่ม คงเพราะเห็นว่าใกล้เวลาเลิกงานแล้ว

                หนุ่มใต้บ้านเกิดอยู่ปัตตานี เติบโตที่หาดใหญ่ จบ ม.6 แล้วมุ่งหน้าเกาะหลีเป๊ะ เขาบอกว่าเกาะนี้ฝรั่งเที่ยวก่อนคนไทย จนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วด้วยกิตติศัพท์ทะเลสวยน้ำใสหาดทรายขาวนวล เขาย้ายมาอยู่เกาะพะงันได้ประมาณ 5 ปีแล้ว เคยทำงานอยู่ร้านอาหารของชาวอิสราเอล “พวกนี้แปลก” เขาว่า “เอาธรรมเนียมทุกอย่างจากบ้านตัวเองมาใช้ที่นี่ ถ้ากินอาหารไม่อร่อยก็กินจนหมด แล้ววิจารณ์ว่าไม่อร่อย มื้อนั้นจะได้กินฟรี มากินบ้านเราก็ทำอย่างนั้น ผมไม่ยอมก็เกิดมีปากเสียงกันบ่อย”

                ด้วยความใฝ่รู้ เขาสามารถทำงานช่างได้หลายอย่าง รู้เรื่องเครื่องเสียง เป็นดีเจเปิดเพลงตามบาร์ใหญ่ๆ หาลำไพ่พิเศษ พรุ่งนี้เป็นวันหยุด เขาอาสาขับรถพาผมเที่ยวรอบเกาะและขึ้นภูเขาดูวิว หรือไปที่ไหนก็ได้ตามที่ผมต้องการ คงเห็นว่านานๆ ทีจะมีคนใต้ด้วยกันเป็นลูกค้ามาพัก ผมขอบคุณและบอกว่าพรุ่งนี้ดูสถานการณ์อีกที หากมีคำเชิญชวนผมจะไม่รีบปฏิเสธ เพื่อสุดท้ายแม้ไม่ตอบรับก็ดูนุ่มนวลกว่า

                รีสอร์ตและร้านอาหารของรีสอร์ตที่ยังเปิดอยู่ดูจะไม่มีกำไร รายได้ในช่วงนี้คงไม่พอจ่ายค่าพนักงาน แต่เจ้าของยืนยันจะไม่ปิดชั่วคราวเหมือนอีกหลายเจ้า ลูกค้ามีเพียงสามสี่ห้อง ลุงฝรั่งสอนโยคะกินอาหารไม่เกินวันละ 300 บาท ป้าไดอานาผู้เป็นวีแกนปลูกผักข้างๆ บังกะโลไว้กินเอง พนักงานชาวเมียนมาทำงานอยู่ราวสิบคน เหลือเงินเดือนไม่ถึง 2 พันบาท แต่พวกเขาพอใจที่จะอยู่ทำงาน เพราะมีอาหารเลี้ยง 3 มื้อและที่พักฟรี

                วันต่อมาผมเจอป้าไดอานาตั้งแต่เช้า แกเข้านอน 3 ทุ่ม และตื่นตี 5 ทุกวัน ผมถามแกถึงผู้หญิงชาวจีนที่นั่งกินข้าวกับแกเมื่อเย็นวันแรกที่ผมมาถึง แกตอบว่าเธอกลับเมืองจีนไปแล้ว ผมได้ยินป้าไดอานาบอกกับคนอื่นว่าหญิงชาวจีนเป็น “เกิร์ลเฟรนด์” ผมจึงแซวแกว่า “คงเหงาน่าดู เกิร์ลเฟรนด์ไม่อยู่อย่างนี้”


อ่าวโฉลกหลำ ชายหาดมีทั้งหินและทราย

                “อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันเป็นผู้หญิง ไม่ได้เป็นเลสเบี้ยน มีลูกชาย 2 คนกับสามีที่เลิกรากันไป ตอนอยู่เกาะพะงันนี่ก็มีแฟนหนุ่มเป็นบางครั้งนะจะบอกให้”

                “แล้วทำไมป้าเรียกสาวจีนว่าเป็นเกิร์ลเฟรนด์”

                “ฉันก็เรียกอย่างนี้แหละ ในอเมริกาเราเรียกกันอย่างนี้ เพื่อนผู้หญิงเรียกเกิร์ลเฟรนด์ เพื่อนผู้ชายเรียกกายเฟรนด์ ตายละ เขาไม่ได้เรียกกันอย่างนี้หรือ”

                “ป้าเรียกกายเฟรนด์คงไม่เป็นไร แต่ถ้าเรียกเกิร์ลเฟรนด์ ผมเชื่อว่ามีคนเข้าใจผิดแน่นอน”

                “ปกติเราเรียกคู่รักว่าพาร์ตเนอร์ แย่แล้ว ฉันจะต้องเลิกเรียกเกิร์ลเฟรนด์ ต้องเรียกว่าอะไรล่ะ เพื่อนผู้หญิงน่ะ”

                “แค่มายเฟรนด์”


สะพานปลาท่าเรือโฉลกหลำในเย็นวันอาทิตย์กลายเป็นจุดนั่งรับประทานอาหารของตลาดนัดถนนคนเดิน

                ความจริง Girl friend (เขียนเว้นวรรค) หมายถึงเพื่อนผู้หญิง ส่วน Girlfriend คือแฟนสาว หากเขียนจะไม่สับสน ถ้าพูดอาจเข้าใจผิดได้ นอกจากว่าจะเว้นวรรคให้ชัดเจน โดยปกติแล้วจะแยกไม่ออก ต้องดูบริบทแวดล้อม

                ป้าไดอานาเดินกลับบังกะโลเพื่อเปลี่ยนชุดไปเล่นโยคะรอบเช้า แกเล่าให้ผมฟังเมื่อวันก่อนว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมาเล่นโยคะทุกวัน กินแต่อาหารสุขภาพ น้ำหนักลดลงไปตั้ง 5 กิโล เพิ่งรู้ตัวเมื่อไปชั่ง

                เย็นวันนี้ไม่มีเค้าว่าฝนจะตก ผมจึงขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาเพื่อนอิตาเลียน ระหว่างทางแวะหาดแม่หาด น้ำลงพอดีจึงเห็นทะเลแหวกชัดเจน เป็นหาดในลักษณะสันดอนทราย เชื่อมจากฝั่งหาดแม่หาดไปยังเกาะม้าที่อยู่ห่างไปประมาณ 200 เมตร ในยามปกตินักท่องเที่ยวเดินข้ามไปมาสนุกสนาน ช่วงนี้มีคนอยู่น้อยนิด ฝรั่งสาวบางอนงค์เห็นว่าคนไม่มากจึงถือโอกาสเปลือยกายนอนอาบแดด บางคู่เล่นบทรักหวานฉ่ำอยู่ในทะเล

                ก่อนจะเข้าไปยังร้านของเพื่อนอิตาเลียน ผมแวะที่ตลาดนัดถนนคนเดินวันอาทิตย์ที่สะพานปลาท่าเรืออ่าวโฉลกหลำ บรรยากาศคึกคักขึ้นกว่าปีที่แล้วมากกว่าเท่าตัว เจ้าหน้าที่ตรวจวัดอุณหภูมิและคอยบังคับให้ผู้มาเดินตลาดใส่หน้ากากอนามัยบริเวณทางเข้า มีเวทีประชาสัมพันธ์และนักดนตรีร้องเล่นอะคูสติกอยู่ที่มุมหนึ่ง


บ้านโฉลกหลำกับตัวอย่างการคัดแยกขยะที่ดี

                โฉลกหลำเป็นชุมชนเก่าแก่สืบย้อนไปได้กว่า 250 ปี ชาวจีนไหหลำเข้ามาตั้งรกรากทำอาชีพประมงไล่เรียงขึ้นมาจากทางใต้เกาะฝั่งตะวันตกจนถึงทางด้านเหนือของเกาะก็ได้ทำเลดีสำหรับหลบคลื่มลมในอ่าวโค้งยาวราว 3.5 กิโลเมตรแห่งนี้ หากดูในแผนที่เกาะพะงันมีสัณฐานคล้ายรูปหัวใจ ส่วนโค้งหยักด้านบนของหัวใจก็คืออ่าวโฉลกหลำ

                ปัจจุบันบ้านโฉลกหลำเป็นชุมชนท่องเที่ยวนวัตวิถี ได้รับข้อมูลจากคนในพื้นที่ว่าตลาดถนนคนเดินบ้านโฉลกหลำเป็นหนึ่งในสองตลาดถนนคนเดินบนเกาะพะงัน อีกแห่งคือที่ย่านท้องศาลา โฉลกหลำมีตลาดทุกวันอาทิตย์ ส่วนท้องศาลาจัดทุกวันเสาร์

                ผมซื้อของกินมาสี่ห้าอย่างแล้วขี่มอเตอร์ไซค์ต่ออีกนิดไปยังบาร์ของเพื่อนอิตาเลียน เวลา 5 โมงเย็นนิดๆ ร้านเริ่มมีลูกค้าแล้ว ลูกาโผเข้ามากอด รูปร่างเขาดูผอมเป็นปกติมาตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อนที่เริ่มรู้จักกันที่มิลาน เขาเคยบอกผมก่อนหน้านี้ว่าหุ่นเขาผอมไม่เปลี่ยนแปลงอย่างนี้มาตั้งแต่อายุ 18 แล้ว บัดนี้เขาคงประมาณ 35

                ตอนที่เจอเขาที่มิลานนั้นเขาหุงข้าวคลุกกับถั่วลิสงกินเป็นมื้อเช้าทุกวัน ตอนเที่ยงไม่น่าจะกินอะไรมาก ตอนเย็นก็กินง่ายๆ เท่าที่จะหาได้ เมื่อมาเป็นเจ้าของบาร์บนเกาะพะงันตื่นเที่ยงมาคั้นน้ำมะนาวดื่มเป็นอย่างแรก จากนั้นดื่มกาแฟที่ต้มด้วยโมกาพ็อตแบบอิตาเลียน กินมื้อเที่ยงตามร้านอาหารในละแวก จากนั้นกลับมาเตรียมตัวเปิดบาร์ ระหว่างนี้จะดื่มน้ำขิง 2 แก้ว ตามด้วยชาร้อนอีก 2 ถ้วย เขาจะไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเวลา 4 ทุ่ม นี่เป็นกติกาที่ตั้งไว้บังคับใช้กับตัวเองทุกวัน


พระบรมรูปล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ประดิษฐานใกล้พิพิธภัณฑ์เรือหลวงพะงัน บริเวณท่าเรือท้องศาลา โดยเรือหลวงพะงัน 713 เคยปฏิบัติภารกิจยกพลขึ้นบกในสงครามเวียดนาม

                ลูกาเคยมาเมืองไทยหลายครั้งแล้วก่อนที่จะมาเปิดบาร์บนเกาะพะงันเมื่อ 5 ปีก่อน ครั้งหนึ่งเคยมาตกระกำลำบากอยู่บนเกาะเต่ากับเพื่อนจากบ้านเดียวกันอีกคน เงินหายหรือเงินหมดผมจำที่เขาเล่าไม่ได้ มีคนไทยเอื้อเฟื้อให้ผูกเปลนอนในป่าหลังบ้าน ทุกเย็นเจ้าของบ้านจะนำข้าวผัดจานใหญ่และกล้วย 4 ลูกมาให้แบ่งกันกิน 2 คน นี่คืออาหารที่กินเหมือนกันทุกวันเป็นเวลาแรมเดือนกว่าจะมีคนส่งเงินมาให้กลับประเทศ

                บาร์ที่ลูกาเช่านี้ที่จริงเป็นบ้านคน เจ้าของไปทำงานที่กรุงเทพฯ นับสิบปีแล้ว พื้นที่ในการทำบาร์มีเพียงครึ่งหนึ่งของชั้นล่างและหน้าบ้าน วันแรกที่เขาเปิดร้านผมเดินแบกเป้เข้ามาแกล้งเป็นถามหาที่พัก ลูกค้าแน่นร้านตั้งแต่วันแรก บ่ายวันต่อมาผมเดินลงมาจากห้องนอนชั้นบน เปิดประตูปุ๊บเห็นลูกค้าจอดมอเตอร์ไซค์ยืนรออยู่แล้วคนหนึ่ง แล้วก็เข้ามาดื่มเบียร์ทั้งๆ ที่ร้านยังไม่เปิด หมอนี่เป็นช่างไฟฟ้าจากอังกฤษ ทำงานที่อังกฤษ 6 เดือนแล้วมาอยู่เกาะพะงันอีก 6 เดือน

                มองจากภายนอกแล้วเป็นบาร์ที่ไม่เห็นมีเสน่ห์อะไรดึงดูดให้น่าเข้าไปใช้บริการ ทำเลก็ไม่ได้ติดชายหาด ผมมาเยี่ยมลูกาอีกหลายครั้ง พบว่าความง่าย ดูไม่แพง เป็นกันเอง และเพลงถูกใจคือสิ่งที่ทำให้ลูกค้าติด ลูกค้าของลูการ้อยละ 90 เป็นฝรั่ง อีกร้อยละ 10 ที่เป็นคนไทยคือเมียฝรั่ง ชุมชนบ้านโฉลกหลำนอกจากคนในพื้นที่แล้วก็เป็นที่อยู่ของฝรั่งประเภทที่อยู่ยาว บางคนมีธุรกิจร้านอาหาร บางคนสอนดำน้ำ

                ลูกาเปิดเพลงจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กต่อออกลำโพง เพลงร็อกแอนด์โรลเสียเป็นส่วนมาก แต่เขาแทบจะไม่เปิดเพลงกระแสหลักหรือเพลงตลาด ลูกค้าที่สามารถเดินไปเปิดเพลงได้เองตามใจชอบก็ไม่กล้าเปิดเพลงฮิตติดหู หลายคนได้ยินได้ฟังเพลงแล้วก็มักถามกันว่า “เพราะดี เพลงนี้เป็นของใคร”

                วันที่จากมิลานมา เขามีแฟนสาวอายุน้อยมาด้วย อยู่ๆ ไปเธอไม่ช่วยทำงาน กลับไปหมกมุ่นเล่นยากับพวกฝรั่งที่อื่นอยู่เป็นประจำ ลูกาจึงบอกเลิกและไล่เธอกลับอิตาลี เครื่องดื่มในร้านนอกจากเบียร์แล้วก็มีค็อกเทลง่ายๆ แบบที่ไม่ต้องผสมหลายส่วนให้ยุ่งยาก เพราะไม่เช่นนั้นจะทำไม่ทัน ส่วนอาหารเขาไม่เคยคิดจะขาย และอย่างที่รู้ๆ กัน ฝรั่งดื่มเหล้าจะไม่กินกับแกล้ม

                วันนี้ตอนผมเดินเข้าร้านก็มีลูกค้านั่งอยู่แล้วที่โต๊ะหน้าร้าน 2 โต๊ะ และทยอยเข้ามาเรื่อยๆ บางคนดื่มเบียร์แค่ขวดหนึ่งแล้วไป ลูกค้าที่เจอหัวค่ำหลายคนกลับมาใหม่รอบดึก ผมบอกเขาว่านี่คงจะเป็นร้านที่ขายดีที่สุดบนเกาะพะงันในเวลานี้ เขาว่าไม่ใช่ น่าจะขายดีสุดในภาคใต้ต่างหาก


วณิพกชาวอาทิตย์อุทัยในเรือเฟอร์รี่เกาะพะงัน-ดอนสัก

                วันที่ 26 กันยายนนี้มีฝรั่งหลายคนต้องประสบปัญหาการพำนักต่อในประเทศไทยอย่างที่ได้กล่าวถึงไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ลูกค้าของเขาหลายคนจะต้องเดินทางกลับ คนที่ได้อยู่ต่อคือพวกที่มีเหตุจำเป็น เช่น โควิดกำลังระบาดหนักในประเทศของตน และพวกที่สมัครเรียนบางอย่างไว้

                มีคนเล่าให้ลูกาฟังว่า ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสุราษฎร์ธานี พวกที่ไปแจ้งขออยู่ต่อบางคนเล่นโยคะกันในตัวอาคารขณะรอคิว บางคนฉีกแข้งฉีกขาขึ้นยันกับโต๊ะ เก้าอี้ เสา และฝาผนังในตัวอาคาร “ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตก็สมน้ำหน้า พวกนี้ไม่รู้กาลเทศะ”

                ลูกาเตรียมที่จะปิดร้านชั่วคราว เดินทางท่องเที่ยวในเมืองไทย และออกนอกประเทศไปสักระยะ ตอนจะกลับเข้ามาใหม่คือปัญหาและภาระ ค่าใช้จ่ายในการกักตัว 15 วันนั้นตกหลักแสนบาท เขาเชื่อว่าตัวเองคงจะไปแย่งราคาหลักสี่ห้าหมื่นไม่ทัน

                ผมเห็นลูกาเปิดเบียร์ขวดแรกก็นำวิสกี้โซดาไปชนแก้วแล้วขอตัวกลับหาดเจ้าเภา เช้าวันต่อมาตื่นขึ้นด้วยเสียงเด็กวิ่งเล่นจากห้องชั้นบนเหมือนเดิม เปิดประตูห้องไปพบว่าฝนที่ตกลงมาตั้งแต่ก่อนรุ่งยังโปรยสายลงมาไม่ขาด

                ราว 10 โมง ผมเช็กเอาต์แล้วขี่มอเตอร์ไซค์ไปยังบริเวณท่าเรือท้องศาลา แวะที่พิพิธภัณฑ์เรือหลวงพะงันและพระบรมรูปล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 จากนั้นเข้าไปซื้อตั๋วเรือเกาะพะงัน-ดอนสัก เที่ยว 12.30 น. ช่วงบ่ายในห้วงเวลาโควิดนี้ไม่มีเรือวิ่ง รออีกทีก็ 4 โมงเย็น ผมนำมอเตอร์ไซค์ไปคืนเพื่อน เขาขับรถมาส่งขึ้นเรือแล้วร่ำลากัน

                เรือเฟอร์รี่ขากลับขึ้นฝั่งมีฝรั่งหลายคน พวกเขาคงเดินทางต่อเข้ากรุงเทพฯ และรอเที่ยวบินกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนที่จากมาติดเกาะในช่วงโควิดนานหลายเดือน เรือเฟอร์รี่เที่ยวนี้มีผู้โดยสาร 100-150 คน มากกว่าขาลงเกาะเกินเท่าตัว

                ในบรรดาชาวต่างชาติมีหนุ่มญี่ปุ่นคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์ลงเรือมาด้วย เขาสวมกางเกงสีขาวที่คงตัดจากกางเกงขายาวให้กลายเป็นกางเกงขาสั้น สวมหมวกผ้าสีขาวมีดวงอาทิตย์สีแดงแสดงออกว่าเป็นคนญี่ปุ่น ไม่สวมเสื้อ สะพายย่ามใบไม่ใหญ่ มือข้างหนึ่งถือกีตาร์ ข้อเท้าทั้งสองข้างผูกกระพรวนพวงใหญ่เดินเสียงดังแกร๊กๆ นำย่ามไปวางบนเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วเดินกลับออกมาพร้อมกีตาร์และขัน 1 ใบ เขาวางขันลงบนพื้นด้านหน้าของแถวเก้าอี้ทั้งหมด เหมือนว่านี่คือเวทีการแสดงดนตรี แล้วเริ่มเล่นเพลง ผมคิดว่าจะเป็นเพลงแห่งจิตวิญญาณอะไรทำนองนั้น สามเพลงที่เขาเล่นประกอบไปด้วย โดราเอมอน ชินจัง และอิกคิวซัง เรียกเสียงปรบมือและเงินไทยได้หลายบาท ตอนที่ผมล้วงเหรียญสิบเดินไปหย่อนลงขันเป็นคนท้ายๆ ในนั้นมีแบงก์ยี่สิบอยู่หลายใบ แบงก์ร้อยก็มี

                ผมว่าจะคุยกับเขา เผื่อได้ถามไถ่ว่ากำลังเดินทางกลับญี่ปุ่นหรือจะไปไหน แต่ไม่สบโอกาสแม้แต่จังหวะเดียว มาคิดดูอีกที เขานำมอเตอร์ไซค์ลงเรือ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นเพียงมอเตอร์ไซค์เช่า ถึงฝั่งดอนสักเขาก็ตีตั๋วกลับเกาะพะงันใหม่ เงินที่เห็นในขันมากกว่าค่าตั๋วเรืออย่างน้อย 2 เท่า ขากลับก็ร้องเพลงชุดเดิม กับผู้ฟังกลุ่มใหม่ ร้องเพลงไป-กลับวันละ 2 เที่ยว ก็น่าจะพอจ่ายค่าที่พักและค่าอาหาร ผมจำได้ว่าตอนจะลงเรือเจ้าหน้าที่เก็บตั๋วพูดกับเขาว่าอย่าเพิ่งลง ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด

                ห้องแอร์ชั้นล่างของเรือราชาเฟอร์รี่เก้าอี้เอนนอนว่างหลายที่ ผมเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีถึงขั้นไม่ดื่มกาแฟเลยตั้งแต่ตื่นนอน บ่ายโมงกว่าๆ ก็ง่วงเต็มที เปิดประตูเข้าไปเลือกเก้าอี้นอน แต่นอนไม่หลับ เพราะมีเด็กไทยคนหนึ่งวิ่งเล่นในห้องและส่งเสียงดังไม่หยุดหย่อน พ่อแม่ก็ไม่เอาใจใส่ห้ามปราม ผมย้ายขึ้นไปยังห้องแอร์ชั้นบน เก้าอี้ว่างพอๆ กับห้องแอร์ชั้นล่าง เลือกได้ตัวหนึ่ง คิดว่าไม่น่าจะมีอุปสรรคใดมาขวางทางขึ้นสวรรค์อีกแล้ว ทันใดนั้นเสียงกรนก็ดังขึ้น หันไปมองยังต้นเสียง ชายหนุ่มรูปร่างไม่ถึงขั้นอ้วนท้วนแต่พุงชี้ยื่น นี่แหละพิมพ์นิยมนักกรน

                เสียงกรนดังเป็นชุดๆ เว้นวรรคให้ผู้ฟังผ่อนคลายชุดละประมาณ 30 วินาที เขากรนอยู่อย่างนี้ 2 ชั่วโมงกว่า จนกระทั่งเรือเทียบท่าดอนสัก.

แกลลอรี่


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"