ทุกวันนี้อะไรๆ ก็โยงเข้าการเมืองได้หมด...แม้กระทั่งเรื่องบันเทิงและกีฬา
หนังเรื่อง "มู่หลาน" ของดิสนีย์เปิดตัวแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน ถูก "พันธมิตรชานมแห่งเอเชีย" ฮ่องกง-ไต้หวัน-ไทยรณรงค์ให้คว่ำบาตรด้วยเหตุผลทางการเมือง
เหตุเพราะดารานำ "หลิว อี้เฟย์" นักแสดงหญิงชาวจีนสัญชาติอเมริกัน เคยประกาศตนอยู่ข้างตำรวจฮ่องกงที่เผชิญหน้ากับผู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่นั่น
เธอเขียนในเว่ยป๋อซึ่งเป็น app สนทนาอันดับต้นๆ ของจีนเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วว่า
"ดิฉันสนับสนุนตำรวจฮ่องกง คุณโจมตีฉันได้เลย ช่างเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับฮ่องกงเหลือเกิน"
ดิสนีย์เดิมจะออกฉายในโรงหนังสหรัฐฯ เมื่อเดือนมีนาคม แต่ถูกเลื่อนออกไปหลายครั้งเพราะโควิด
ท้ายสุดดิสนีย์ตัดสินใจปล่อยออกทางช่องสตรีมมิง Disney+ คิดค่าดู 30 เหรียญฯ ตั้งแต่วันศุกร์สัปดาห์ก่อน
วันเดียวกันนั้น "มู่หลาน" ก็ออกฉายในโรงหนังหลายๆ ประเทศในเอเชีย
ดิสนีย์ลงทุนสร้างหนังเรื่องนี้ (ที่เคยออกมาเป็น animation เมื่อปี 1998) กว่า 200 ล้านเหรียญฯ (กว่า 6,000 ล้านบาท)
เป็นการสร้างที่ดิสนีย์ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจีนหลายคน และบางตอนของหนังถ่ายทำในประเทศจีน
ตลาดจีนเป็นแหล่งรายได้สำคัญของฮอลลีวูด ดังนั้น ประเด็นการเมืองจึงกลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เมื่อเรื่อง "เสรีภาพ" และ "ประชาธิปไตย" ของสหรัฐฯ กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างทางการจีนกับผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง
การรณรงค์ต่อต้านหนังเรื่องนี้เริ่มปรากฏตัวขึ้นเมื่อปีที่แล้วตอนที่ "หลิว อี้เฟย์" เขียนข้อความสนับสนุนตำรวจฮ่องกงในโซเชียลมีเดีย
เมื่อหนังเรื่องนี้ออกฉายในโรงหนังหลายประเทศในเอเชียเมื่อสองสัปดาห์ก่อน โจชัว หว่อง แกนนำผู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่ฮ่องกงขึ้นข้อความในทวิตเตอร์ว่า
"หนังเรื่องนี้ออกฉายวันนี้ แต่เพราะดิสนีย์ยอมก้มหัวให้ปักกิ่ง และเพราะหลิว อี้เฟย์ออกมาสนับสนุนการใช้ความรุนแรงของตำรวจฮ่องกงอย่างเปิดเผยและภาคภูมิใจ ผมขอให้ทุกคนที่เชื่อในหลักมนุษยธรรมจงร่วมมือกันคว่ำบาตรมู่หลาน..."
เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นักเรียกร้องประชาธิปไตยไทยที่เป็นหนึ่งใน "พันธมิตรชานมแห่งเอเชีย" ก็ได้ขึ้นข้อความในทวิตเตอร์ให้ผู้คนบอยคอตหนังเรื่องนี้ด้วยเหตุผลเดียวกัน
"ฮวา มู่หลาน" เป็นชื่อในตำนานโบราณจีน ว่าด้วยนักรบหญิงที่อาสาไปรับราชการทหารแทนบิดาผู้สูงวัย ออกรบสิบสองปีชนะศึกน้อยใหญ่มากมาย แต่ไม่ได้รับรางวัลหรือเหรียญตราแต่อย่างใด เพียงขอกลับมาอยู่บ้านดังเดิมในฐานะชาวบ้านธรรมดาก็พอ
ที่ผ่านมาวงการบันเทิงของสหรัฐฯ โดยเฉพาะฮอลลีวูดจะโอนเอียงไปทางพรรคเดโมแครตที่ยืนหยัดเรื่องประชาธิปไตย เสรีภาพ และสิทธิมนุษยชน
แต่ช่วงหลัง แม้แต่วงการนี้ก็ต้องผ่อนปรนประเด็นนี้
เหตุเพราะธุรกิจ
จีนเป็นตลาดใหญ่สำหรับหนังจากฮอลลีวูด ดังนั้นบ่อยครั้งจึงทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่าจีนละเมิดสิทธิมนุษยชนและปราบปรามผู้เห็นต่าง
เพราะถ้าไม่มีตลาดจีน คนสร้างหนังของอเมริกาก็จะขาดรายได้มหาศาล
จีนก็รู้จุดอ่อนข้อนี้ จึงพยายามดึงให้คนวงการบันเทิงตะวันตกมาเป็นพวก
คนที่ต่อต้านหนังเรื่องนี้เห็นตอนท้ายของหนังมีคำขอบคุณ "พรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขาซินเจียง" ก็มีประเด็นต่อต้านเพิ่มอีกหนึ่งเรื่อง
เพราะบางตอนของหนังเรื่องนี้ถ่ายทำที่ซินเจียง มณฑลตะวันตกของจีนที่มีคนมุสลิม "อุยกูร์" เป็นชนส่วนใหญ่และมีปัญหากับรัฐบาลกลางของจีนไม่น้อย
แต่นักวิเคราะห์หลายสำนักกล่าวหาว่ารัฐบาลสี จิ้นผิงได้รังแกคนซินเจียง อีกทั้งยังส่งคนเกือบล้านคนเข้า "ค่ายอบรม" อย่างไม่เป็นธรรม
รัฐบาลจีนบอกว่าเป็นการจัดอบรมเพื่อสร้างทักษะอาชีพใหม่
แต่คนต่อต้านรัฐบาลจีนบอกว่านี่คือการ "ล้างสมอง" และเป็นการบังคับให้คนที่นั่นเข้าค่ายทั้งๆ ที่เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน
คนไทยก็มีความเห็นแบ่งเป็นสองฝ่าย...เหมือนเดิมครับ ไม่มีอะไรผิดปกติ
และยอดรายได้ของหนังเรื่องนี้ในประเทศไทยก็ดูเหมือนจะอยู่ในระดับปกติ เห็นเจ้าของโรงหนังบอกว่าไม่ดีเท่าที่คาดไว้แต่ก็พอรับได้
ที่เมืองจีนหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นเหมือนที่คนสร้างคาดหมาย นักวิจารณ์ที่นั่นบอกว่ามีกลิ่นนมเนยมากไปหน่อย ไม่สะท้อนถึงความเป็นจีนเท่าที่ควร
ทุกคนมีสิทธิ์เลือกที่จะดูหรือไม่ดู...เพียงขอให้เคารพในความเห็นต่างเท่านั้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |