ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net "ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมรู้เห็นเป็นใจในการข่มขืนใจหรือจูงใจแก่ผู้ประกอบการให้นำเงินมอบให้เมื่อการกระทำของจำเลยที่ 1 ในส่วนนี้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148.. พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 (เดิม) ลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุกกระทงละ 9 ปี รวม 11 กระทง เป็นจำคุก 99 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 50 ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3)" ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง "วัฒนา เมืองสุข" อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถึงจะเคยมีคำพิพากษาศาลในคดีทุจริตโทษจำคุกสูงถึงพันปีก็ตาม แต่ถ้าลองมาดูในส่วนนักการเมือง คุก 99 ปี! ก็น่าจะสูงที่สุดก็ว่าได้ ขนาด "บุญทรง เตริยาภิรมย์" อดีต รมว.พาณิชย์ ในคดีจีทูเจี๊ยะ ที่ว่าหนักหนาสาหัสแล้วก็ยัง 48 ปี หรือ "หมอโด่ง" พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ก็ถูกตัดสินจำคุกรวม 72 ปี แต่ที่ทำให้ "เสี่ยไก่" ยังยิ้มออก ที่สู้อุตส่าห์เดินทางมาศาลไม่หนีอย่างที่โดนปรามาสไว้ เพราะศาลยอมให้ประกันตัวด้วยวงเงิน 10 ล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ ในระหว่างที่ยื่นอุทธรณ์ แต่ถ้าเจ๋งจริงอย่างที่ประกาศไว้ว่าจะไม่หนี ก็ขอให้เห็นตัวจริงเสียงจริงแบบนี้ในวันที่ศาลฎีกาฯ จะมีคำพิพากษาอีกครั้งหลังยื่นอุทธรณ์

            ๐ เกิดแรงสั่นสะเทือนวงการผ้าเหลืองอีกรอบ หลังศาลอุทธรณ์ยกฟ้องนายเอื้อน กลิ่นสาลี อดีตพระพรหมดิลก อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และอดีตเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร คดีฟอกเงินทุจริตจัดสรรงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ของวัดสามพระยา ทนายความบอกเลยว่า “อดีตเจ้าคุณเอื้อน” เตรียมกลับมาครองจีวรสู่สมณเพศอีกครั้ง แต่ไม่ใช่การอุปสมบทใหม่ โดยอ้างว่า เพราะท่านยังไม่ได้เปล่งวาจาสึกตั้งแต่ครั้งนั้น ยังรักษาดำรงพฤติการณ์เสมือนตอนเป็นพระอยู่ ขณะที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องบางส่วนมองว่าคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด ยังเหลือชั้นฎีกาอีก เรื่องนี้เล่นเอาสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) ร้อนฉ่า โดยเฉพาะงานนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีคนใน “เกลือเป็นหนอน” หรือเปล่า ที่ทำให้คดีพลิกจากศาลชั้นต้น เพราะย้อนกลับไปช่วงที่มีการดำเนินคดีใหม่ๆ หลักฐานหลายอย่างค่อนข้างครบ อย่างนี้ต้องสู้กันถึงฎีกาแน่ อย่างไรก็ตาม เวลานี้มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า บุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องพระพุทธศาสนาที่ทำงานหนักในช่วงที่เกิดเรื่อง เริ่มเพ่งเล็งมาที่การทำงานของ พศ.อีกครั้ง เพื่อให้กลับสู่สภาพเดิมในช่วงที่ "มือปราบเงินทอนวัด" พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ดำรงตำแหน่ง ก่อนที่เกษียณอายุราชการไปเมื่อ ก.ย.62 ซึ่งที่สุดในเร็วๆ นี้ หรือในอนาคตอันใกล้ อาจได้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ดีไม่ดีอาจได้เห็นผู้นำองค์กรในเวอร์ชั่น "พงศ์พร 2” ก็เป็นได้

            ๐ หลังจากรัฐบาล โดยเนติบริกร "วิษณุ เครืองาม" รองนายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณชัดจะให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นำร่องการเลือกตั้งท้องถิ่นที่อั้นไว้มาหลายปี แย้มวันอาทิตย์ 13 ธันวาคม ฤกษ์ดีนักแล พรรคพลังประชารัฐภายใต้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค ขยับรับทันที ว่าที่ผู้สมัครหลายคนเริ่มมาแสดงตัวกันที่พรรคตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา แว่วมาว่าพลังประชารัฐจะไม่ส่งลงครบทุกจังหวัด แต่จะเลือกเฉพาะจังหวัดที่มีลุ้น แล้วก็เก็งกันว่า พื้นที่ที่น่าจะเดือดสุดก็คือ จังหวัดนครราชสีมา เพราะ 2 พรรคใหญ่ในรัฐบาลที่ได้ ส.ส.ในพื้นที่เยอะ อย่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคภูมิใจไทยเหมือนจะเคลียร์กันไม่ได้ ไหนจะมีพรรคเพื่อไทยอีก แกนนำในพรรคถึงกับเอ่ยปาก "สนามนี้ลุกเป็นไฟ!".

ลี้คิมฮวง