ชงยืดพรก.ฉุกเฉินอีกเดือน อ้างสกัดโควิดเพื่อนบ้าน


เพิ่มเพื่อน    


    "บิ๊กตู่" นั่งหัวโต๊ะ ศบค.ชุดเล็กชงชุดใหญ่ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือนจันทร์นี้ ยันจำเป็นต้องใช้คุมโควิด เหตุสถานการณ์เพื่อนบ้านยังหนัก เตรียมมาตรการคุมเข้มรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
    เมื่อวันที่ 23 กันยายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ประจำวันว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 3 รายในสถานที่กักตัวของรัฐ มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,514 ราย หายป่วยเพิ่ม 2 ราย ยอดสะสมของผู้ที่รักษาหายแล้ว 3,345 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตสะสม 59 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 110 ราย
    สำหรับผู้ป่วยรายใหม่มาจากญี่ปุ่น 2 ราย ทั้งหมดเป็นหญิงไทย อายุ 39 ปี อาชีพพนักงานบริษัท และอายุ 53 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 21 ก.ย. เข้าพักสถานที่กักกันของรัฐในจังหวัดชลบุรี และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ในวันที่ 21 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ และอีก 1 รายมาจากฝรั่งเศส เป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 22 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 18 ก.ย. เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 3 ราย เข้าพักสถานที่กักกันของรัฐในจังหวัดชลบุรี และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ในวันที่ 21 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยก่อนการประชุม ศบค.ชุดเล็กว่า จะมีการหารือเพื่อวางแผนจากการท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งได้หามาตรการในการที่จะเสริมเข้ามา เช่น โครงการคนละครึ่ง รวมถึงการเปิดรับการท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ต้องดูให้รอบคอบ ปัจจุบันก็ยังมีปัญหา ต้องเตรียมให้พร้อมว่าจะเข้ามาส่วนไหนได้บ้าง 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุม ได้มีการสรุปสถานการณ์และการประเมินมาตรการต่างๆ ที่ออกมาในแต่ละช่วง ซึ่งขณะนี้มีการผ่อนคลายไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนกรณีเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ นายกฯ ได้สอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า หากมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวจะทำให้เกิดปัญหาหรือมีอุปสรรคอะไรหรือไม่ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตอบว่าไม่มีปัญหาอะไร โดยจะมีการพูดคุยเรื่องรายละเอียดถึงมาตรการป้องกันในที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ 
    นอกจากนี้ จะมีการเสนอที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันจันทร์ที่ 28 ก.ย. ให้พิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะครบกำหนดในวันที่ 30 ก.ย. ออกไปอีก 1 เดือน เนื่องจากเป็นกลไกสำคัญที่จะบูรณาการการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ อีกทั้งขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้านค่อนข้างจะหนัก จึงต้องจำเป็นต้องคุมเข้มตามแนวชายแดน ซึ่งหาก ศบค.เห็นชอบ จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันอังคารที่ 29 ก.ย.ทันที 
     ที่กระทรวงสาธารณสุข พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทยว่า แนวโน้มยังคงที่ ขณะที่สถานการณ์ในประเทศเมียนมามีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งเราต้องจับตามองและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีพรมแดนติดกัน โดยเฉพาะรัฐมอญติดต่อกับ จ.กาญจนบุรี มีผู้ติดเชื้อ 169 ราย, รัฐกะเหรี่ยง ติดกับ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก และกาญจนบุรี มีผู้ติดเชื้อ 36 ราย, รัฐชาน ติดกับ จ.เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน มีผู้ติดเชื้อ 23 ราย และภาคตะนาวศรี ติดกับ จ.กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง มีผู้ติดเชื้อ 21 ราย ทั้งนี้ ทุกภาคส่วน ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง รวมถึงชุมชนที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนได้ผนึกกำลังพยายามป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้ามา หากตรวจพบจะผลักดันกลับประเทศต้นทาง ไม่ให้มีการนำเชื้อเข้ามาในประเทศ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"