วาย.เอส.เอส.(ประเทศไทย) ผู้ผลิตและพัฒนาโช้คอัพสัญชาติไทย ย้ำผู้นำตลาดโช้คอัพระดับโลก เร่งขยายธุรกิจทุกภูมิภาค ตั้งเป้า 3 ปี ขึ้นแท่นอันดับ 1 ผู้ผลิตโช้คอัพรถยนต์HIGH PERFORMANCEของไทย หลังวิกฤตโควิดผลักดันยอดขายเติบโตสวนกระแส ครึ่งปีแรกยอดขายโต 4% คาดสิ้นปีรายได้แตะ 1,000 ล้านบาท เตรียมทุ่มงบประมาณ 50 ล้านบาท เปิดแฟลกชิพสโตร์แห่งแรก พร้อมขยายตลาดอาเซียน,ยุโรป,ออสเตรเลียและอเมริกา
ภิญโญ พานิชเกษม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วาย.เอส.เอส.(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.63) มียอดจำหน่ายลดลง 33% ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกมียอดขายรวม 441 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.13% เป็นการเติบโตจากตลาดส่งออกเป็นหลัก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยุโรป เราเซอร์ไพรส์มาก กลุ่มประเทศยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หนักมาก โดยเฉพาะในอิตาลี แต่ยอดขายโช้คอัพของเรากลับขยายตัวสูงถึงกว่า 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นเพราะพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป ในช่วงสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่ดี มีโรคระบาด การใช้เงินของผู้บริโภคมุ่งไปที่ความคุ้มค่า ซึ่งผลิตภัณฑ์ YSS มุ่งตอบโจทย์เรื่องความคุ้มค่า คุ้มราคา ทำให้ผู้บริโภคหันมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของเรามากขึ้น
ขณะที่ตลาดในประเทศไทย ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน ที่มีมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ยอดขายลดลง 10-30% แต่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ยอดขายกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เนื่องจากสภาพตลาดโช้คอัพโดยรวม มีการเปลี่ยนแปลง โดยจากวิกฤตโควิดที่เกิดขึ้น ทำให้สินค้าเลียนแบบไม่สามารถเข้ามาทำตลาดได้ ทำให้ผู้บริโภคหันมาซื้อผลิตภัณฑ์ YSS ของแท้มากขึ้น รวมทั้งบริษัทได้พัฒนาระบบการขนส่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็ว ดังนั้นคาดว่าในปีนี้บริษัทยังสามารถเติบโตได้เป้าหมายที่วางไว้ หรือมียอดขายแตะ 1,000 ล้านบาท YSS ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งวันนี้สามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิใจว่า YSS เป็นผลิตภัณฑ์โช้คอัพแบรนด์ไทย ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในตลาดโลก ในกลุ่มสินค้าประเภท High Performanceของมอเตอร์ไซด์และสกุตเตอร์ โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ YSS มีส่งออกไปจำหน่ายใน 55 ประเทศ ทั้งในภูมิภาคยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย และอเมริกา มีตัวแทนจำหน่าย 95 ราย และมีศูนย์บริการ 121 แห่งทั่วโลก มีกำลังการผลิตมากกว่า 1.5 ล้านชิ้นต่อปี
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยจะมุ่งขยายตลาดในส่วนผลิตภัณฑ์โช้คอัพรถยนต์ ทั้งรถยนต์นั่งทั่วไป และรถยนต์เฉพาะกลุ่ม เช่น PPV ,ออฟโรค เป็นต้น ที่บริษัทเริ่มพัฒนามา 2 ปีแล้ว ซึ่งในอนาคตสัดส่วนยอดขายโช้คอัพรถยนต์จะเป็นสัดส่วนหลักในอนาคต รวมทั้งการขยายธุรกิจศูนย์บริการ โดยจะเปิดแฟลกชิพสโตร์แห่งแรกในกรุงเทพฯ คาดว่าจะใช้งบประมาณ 40-50 ล้านบาท และมีแผนขยายศูนย์บริการเพิ่มทั้งในกรุงเทพ ต่างจังหวัด รวมทั้งประเทศต่างๆ ในอาเซียน เพื่อให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจรมากขึ้น
สิ่งที่ทำให้ YSS ประสบความสำเร็จตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา คือการมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และไม่ยอมแพ้แม้จะเจอวิกฤต นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท บริษัทเจอวิกฤตมาแล้ว 4 ครั้งใหญ่ ตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ที่บริษัทพลิกวิกฤตเป็นโอกาสด้วยการรุกขยายตลาดส่งออก ทำให้มีรายได้มากขึ้น วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ น้ำท่วม เหตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่น รวมถึงวิกฤตโควิดครั้งนี้ บริษัทไม่เคยหยุดนิ่งที่จะคิดค้น พัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค หาวิธีที่จะนำสินค้าไปถึงมือผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว เพราะถ้ายังคิดเหมือนเดิมจะย่ำอยู่กับที่ เมื่อมีวิกฤตเกิดขึ้น ต้องไม่ท้อ ต้องคิดค้น พัฒนาสินค้า เพื่อสร้างดีมานด์ในตลาด หาช่องทางที่จะนำสินค้าไปตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้มากขึ้น และรวดเร็ว เพราะในช่วงที่เกิดขึ้นวิกฤต ตลาดจะเล็กลง คู่แข่งมีกำลังถดถอย ถ้าเรามุ่งมั่นในการขยายธุรกิจต่อเนื่อง เราจะโตเป็นสองเท่า ผมบอกพนักงานเสมอในช่วงวิกฤตเราต้องทำงานหนักขึ้น แล้วจะได้ผลตอบแทนที่มากกว่าเดิม
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |