โบนัส1.5พันล้าน'อสม.'สู้โควิด


เพิ่มเพื่อน    


    "บิ๊กตู่" แบะท่าต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยันขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด ชี้ พ.ร.บ.โรคติดต่อยังไม่ครอบคลุม คาดได้ใช้วัคซีนปลายปีหน้า "อสม." ผลงานดี! ครม.ไฟเขียว 1.5 พันล้านเพิ่มค่าตอบแทนอีก 3 เดือน จ่ายเงินพิเศษ 7 เดือนย้อนหลังกำนัน-ผญบ.-จนท.ท้องถิ่น เคาะ 204 ล้านให้ สธ.รับมือระบาดรอบ 2 ห่วงม็อบติดเชื้อแนะสังเกตอาการ 14 วัน
    ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 กันยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการต่ออายุการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ที่จะสิ้นสุด 30 ก.ย.นี้ ว่าขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินใช้ในประโยชน์อย่างไร เพราะพระราชบัญญัติโรคติดต่อของกระทรวงสาธารณสุขไม่พอที่จะบูรณาการทุกส่วน ในเรื่องการเข้า-ออกประเทศบ้างอะไรบ้างเหล่านี้พันกันไปหมด ขณะเดียวกันทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีกฎหมายของตัวเองอยู่ ซึ่งไม่ครอบคลุมที่จะปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกัน ดังนั้นไม่ได้เกี่ยวกับการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในเรื่องอื่นๆ เลยอย่างที่มีคนออกมาพูดกันในขณะนี้ คนละเรื่องกัน
    ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ก่อนเข้าวาระการประชุม ครม.นายกฯ ได้พูดถึงความคืบหน้าการผลิตวัคซีนโควิด-19 ว่าจากการประเมินขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (โออีซีดี) คาดว่าจะสามารถผลิตวัคซีนให้กับประชาชนได้ในปลายปี 2564 ฉะนั้นขอให้ทุกหน่วยงานประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง และยังคงมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
    โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า ครม.​มีมติอนุมัติโครงการ/แผนงานใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 ดังนี้ 1.โครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในชุมชน ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อตอบแทนให้ อสม.และอาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) รวมจำนวนไม่เกิน 1,050,306 คนต่อเดือน ตั้งแต่ ต.ค.-ธ.ค.63 กรอบวงเงินไม่เกิน 1,575.4590 ล้านบาท เนื่องจาก อสม.ถือเป็นกลไกสำคัญในพื้นที่ในการเฝ้าระวัง ควบคุมและป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะความเสี่ยงในการรับมือกับการระบาดระลอกใหม่ ซึ่งการจ่ายค่าตอบแทนค่าเสี่ยงภัยเพิ่ม เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานเชิงรุกให้มีประสิทธิภาพ 
    2.โครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน ของกรมจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กรอบวงเงินไม่เกิน 19,462.0017 ล้านบาท โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นประชาชนและผู้จบการศึกษาใหม่ 260,000 คน ซึ่งกระทรวงแรงงานจะจ่ายเงินอุดหนุนเงินเดือนร้อยละ 50 ให้กับผู้จบการศึกษาใหม่ตามอัตราเงินเดือนแยกตามวุฒิไม่เกิน 7,500 บาท/เดือน/คน ในระยะเวลา 12 เดือนตั้งแต่ 1 ต.ค.63-30 ก.ย.64  
    3.โครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) คือ (1) ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรทดแทนผู้เสียชีวิตที่มีสิทธิโครงการฯ ที่ได้ดำเนินการตามขึ้นทะเบียนตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ของโครงการ และหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนของหน่วยงานรับผิดชอบ จำนวน 5,278 ราย (2) การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้รับช่วงฯ แทนเกษตรกรผู้เสียชีวิตที่มีคุณสมบัติไม่ตรงกับเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ของโครงการ จำนวน 13,283 ราย 
เคาะงบรับมือโควิดรอบ 2
    น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจําปี 2563 งบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น เพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระยะการระบาดระลอก 2 จํานวน 204 ล้านบาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ เพื่อให้สามารถควบคุมการระบาดของโรคที่อาจเกิดขึ้นในระลอก 2 ให้อยู่ในวงจํากัด ลดโอกาสการแพร่เชื้อเข้าสู่ประเทศ ลดผลกระทบทางสุขภาพ รวมถึงสามารถดูแลคนไทยและผู้เดินทางจากต่างประเทศให้ปลอดภัยจากการแพร่เชื้อโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ
    นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้เพิ่มโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นโรคต้องห้ามตามมาตรา 12 (4) และมาตรา 44 (2) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้โรคโควิด-19 เข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทย โดยกำหนดไว้ว่า ห้ามคนต่างชาติที่เป็นโรคโควิด-19 เข้ามาในประเทศไทย หรือเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค
    ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยรายงานว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ข้อมูล ณ วันที่ 21 ก.ค.2563 มีการคัดกรองผู้เดินทางเข้า-ออกระหว่างประเทศจำนวน 7,049,619 ราย พบผู้ติดเชื้อที่มีอาการเข้าตามนิยามคัดกรองจำนวน 2,313 ราย โดยพบผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศและกักกันในสถานที่ที่รัฐกำหนดสะสม 318 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.73 ทำให้ประเทศไทยยังมีความเสี่ยงในการเกิดการระบาดใหญ่ได้ 
    น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.จึงได้อนุมัติงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 677.79 ล้านบาท สำหรับเบิกจ่ายเป็นเงินเพิ่มพิเศษรายเดือน จำนวน 7 เดือน ให้แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ รวมทั้งสิ้น 273,321 คน ตามที่ ครม.มีมติเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.63 เห็นชอบในหลักการให้ได้รับเงินตอบแทนกรณีพิเศษ เนื่องจากเป็นผู้ปฏิบัติงานในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 
    ทั้งนี้ ใช้ข้อมูลในระบบสารสนเทศเพื่อการบริการงานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ณ วันที่ 1 ก.ย.63  มีกำหนดให้จ่ายเงินเพิ่มพิเศษรายเดือนตั้งแต่เดือน มี.ค.ถึง ก.ย.63 รวม 7 เดือน ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่ 1.กำนันและผู้ใหญ่บ้าน รับเงินเพิ่มพิเศษ 500 บาทต่อเดือน รวมเป็นเงิน 259.54 ล้านบาท 2.แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ รับเงินเพิ่มพิเศษ 300 บาทต่อเดือน รวมเป็นเงิน 418.25 ล้านบาท
แนะม็อบดูอาการ 14 วัน
    ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์ประจำวันว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย ในสถานที่กักตัวของรัฐ มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,511ราย ยอดสะสมของผู้ที่รักษาหายแล้ว 3,343 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 109 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตสะสม 59 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่มาจากอินเดีย 4 ราย โดย 3 รายแรกเป็นครอบครัวสัญชาติอินเดีย คือมารดาและบิดา อายุ 30 ปี และ 36 ปี พร้อมบุตรหญิงวัย 7 เดือน และอีกรายเป็นชาย สัญชาติอินเดีย อายุ 62 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว ทั้งหมดเดินทางมาถึงไทยวันที่ 16 ก.ย. เข้าพักในสถานที่กักตัวแบบทางเลือกในกรุงเทพฯ และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ในวันที่ 19 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ ส่วนอีก 1 ราย เดินทางมาจากสวิตเซอร์แลนด์ เป็นหญิงไทยอายุ 44 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทางมาถึงไทยวันที่ 16 ก.ย. เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 วันที่ 19 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ  
    ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สธ.มีความห่วงใยสุขภาพของผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งนับว่ายังมีความเสี่ยง เนื่องจากเป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง เมื่อป่วยอาจไม่แสดงอาการ จึงขอให้เฝ้าระวังสังเกตอาการตนเองเป็นเวลา 14 วัน หากมีอาการ ไข้ ไอเจ็บคอ น้ำมูก การรับรส/ กลิ่นลดลง อย่าปล่อยไว้ให้รีบไปรับการตรวจวินิจฉัยที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทันที และหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว 
    ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.ทบ. เปิดเผยว่า ไทยมีจุดคัดกรองชายแดนทั่วประเทศ 199 จุด ได้ใช้เจ้าหน้าที่ทำงาน 3,000 คนต่อวัน ซึ่งช่วง 7-8 เดือนที่ผ่านมา มีคนเดินทางเข้า-ออกประเทศอย่างถูกต้องตามขั้นตอนกว่า 4.7 ล้านคน โดยจำนวนนี้ยังไม่รวมกับที่เดินทางเข้า-ออกประเทศไม่ถูกต้อง ทางกองกำลังชายแดนของกองทัพบกทั้ง 7 กองกำลังได้เพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันสกัดกั้นอย่างเต็มที่ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และสร้างความรับรู้ความตระหนักรู้กับประชาชนตลอดเวลา เพื่อยับยั้งไม่ให้สถานการณ์เกิดการแพร่ระบาดกลับมาอีก
    ส่วนกรณีกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน ผลัดที่ 1 ชุดแรกจำนวน 180 นาย เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 22 ก.ย.นั้น พล.อ.ณฐพนธ์กล่าวว่า ชุดแรกเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยเรียบร้อยเมื่อเวลา 06.00 น. โดยเครื่องบินเช่าเหมาลำขององค์การสหประชาชาติมาลงจอดที่ท่าอากาศยานดอนเมือง จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการกักตัวเป็นเวลา 14 วันที่สถานที่กักกันของรัฐ จ.ชลบุรี รวมถึงจะต้องมีการตรวจร่างกายด้วยการสวอปเหมือนกับทุกคนตามกระบวนการของกรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุข.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"