รองนายกฯ และรัฐมนตรีพลังงาน สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ตั้งวงคุยให้ฟังถึงสิ่งที่กำลังทำเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจอันเกิดจากโควิดหลายเรื่องทั้งระยะสั้นระยะยาว
การจ่ายเงินเยียวยาโดยตรงถึงผู้มีสิทธิ์จะได้ผลที่สุด ไม่ต้องผ่านกลไกรัฐอะไรอีก
แต่จุดอ่อนของระบบคือความล่าช้าของระบบราชการ
"ที่กำลังทำอยู่นั้นมาตรการที่ตกลงกันแล้ว ก็ต้องผ่านขั้นตอนอนุมัติของคณะรัฐมนตรีอีกสองสามขั้นตอน ก็กำลังเร่งรัดอยู่ ถ้าเป็นเอกชนอย่างที่ผมเคยอยู่คงจะเร็วกว่านี้เยอะ..."
ผมถามเรื่องการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุและคนพิการที่ล่าช้า จนเป็นข่าวคราวกระทบต่อความน่าเชื่อถือของการทำงานรัฐบาล
คุณสุพัฒนพงษ์ตอบว่า
"ผมอธิบายได้ เรามีเงินคงคลังอยู่กว่า 2 แสน 6 หมื่นกว่าล้านบาท มันผิดพลาดเพราะปัญหาเทคนิค ผมเข้าใจครับ คนสูงอายุ 10 ล้านคนพอเจอปัญหานี้ความดันก็สูงพร้อมกันทั่วประเทศเลยครับ...ผมพยายามเต็มที่ครับ"
กระทรวงการคลังคิดต่อ...พยายามให้ออกในเดือนตุลานี้เหมือนกัน
นั่นคือการกระตุ้นให้คนใช้จ่าย โดยให้ธุรกิจเอกชนที่มีศักยภาพที่พอจะช่วยได้อีก รัฐอาจจะออกให้สัก 20-25% แต่ต้องเป็นบัตรใบโตกว่าที่ทำมาแล้วสักหน่อย จะได้มีเงินหมุนเวียนเพิ่มขึ้น ครั้งนี้ใช้กับโรงแรมก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่สินค้าชิ้นใหญ่ๆ แพงๆ
ผมชี้ให้เห็นว่าทำไมทุกครั้งที่รัฐมีโครงการใหม่จะต้องให้ประชาชนไปลงทะเบียนซ้ำ ทำไมไม่สร้างระบบที่ไม่ต้องทำอะไรซ้ำซ้อนเหมือนที่ผ่านมา
"ครับ เช่นมีโครงการใน app เป๋าตัง...เขามีชื่ออยู่แล้ว 15 ล้านราย อย่างนี้น่าจะเดินต่อไปได้ ไม่ยากครับ"
ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับให้รัฐบาลใช้เป็นข้อมูลสำหรับช่วยเหลือประชาชนในวันข้างหน้าได้อีก
ผู้ประกอบการหลายกลุ่มได้เสนอโครงการใหม่ๆ ให้ต่างชาติที่พร้อมจะลงทุนในไทยหรือมาเช่าทรัพย์สินระยะยาวในกรอบจำนวนเงินหนึ่ง เพื่อแลกกับการมาอยู่ในประเทศไทยระยะเวลายาวหน่อย
ทางบีโอไอเคยมีโครงการทำนองนี้อยู่ ต้องไปปรับรายละเอียดบางด้านเพื่อให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ปัจจุบัน
"ข้อเสนอนี้รับในหลักการแล้ว...คนละโครงการกับการให้วีซ่าพักอายุยาวพิเศษที่เรียกว่า Special Tourist Visa (STV) ที่ให้มาเที่ยวยาว 90-270 วัน โดยยังต้องผ่านการกักตัว 14 วัน..."
ผมถามถึงเรื่อง SMEs ที่คนยังเข้าไม่ถึงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือ soft loans จำนวนไม่น้อย
รองนายกฯ สุพัฒนพงษ์ยอมรับว่ายังล่าช้า เป็นเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์กำลังเร่งหารือกันอยู่
"รัฐบาลสนับสนุนเต็มที่ แต่จะโทษแบงก์ชาติและธนาคารพาณิชย์ก็คงไม่ได้ สถาบันการเงินของรัฐทำหน้าที่เต็มที่ แต่สถาบันการเงินพาณิชย์เขามีความกลัวของเขาอยู่ เราก็ต้องปรับความกลัวเขา แต่เขาก็ทำงานเต็มที่..."
"ในช่วงล็อกดาวน์สามเดือนเขาก็ลดดอกเบี้ยและเลื่อนดอกเลื่อนเงินต้นด้วย ธนาคารพาณิชย์ยังมีกฎระเบียบอยู่ ทั้งก้อน 5 แสนล้าน ใช้ไปเพียง 1 แสนกว่าล้านเท่านั้น..."
ผมบอกคุณสุพัฒนพงษ์ว่าอุปสรรคสำคัญคือเวลาที่มีจำกัด เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเมื่อไหร่
"มาตรการที่เล่ามานี้เห็นแน่ในเดือนตุลา, พฤศจิกา, ธันวานี้ ถ้าผมโชคดี การเมืองเข้มแข็ง ผมคิดว่ามาตรการระยะยาวได้เห็นแน่นอน...สูตร 30, 60, 90 และ 180 ครับ..."
และย้ำว่า
"เดินวันละก้าวก็จะเดินครับ ไม่มีถอยครับ อาจจะมีแพ้แต่ไม่มียอมครับ..."
ชาวบ้านอย่างเราก็ต้องเกาะติดประเมินผลการทำงานของ "รัฐมนตรีป้ายแดง" อย่างกระชั้นชิดครับ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |