'ปิยบุตร' ชี้หลักการประชาธิปไตยต้องกำกับสถาบันฯ บอกอนุรักษ์นิยมต้องถามตนเองก่อนว่าต้องการระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์หรือระบอบประชาธิปไตย
22 ก.ย.63 - ที่โรงแรมรามาดา บาย วินด์แดมแบงคอก เจ้าพระยาปาร์ค นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ร่วมเป็นวิทยากรในวงสนทนา “สานเสวนาปฏิรูปการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ซึ่งจัดโดยคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยวิทยากรอีกราย คือ นายสุลักษณ์ ศิวลักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม ที่ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับตัวแทนกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ อันประกอบไปด้วยกลุ่มประชาชนปลดแอก, แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, กลุ่มไทยภักดี, ภาคีนักศึกษาศาลายา, และสถาบันทิศทางไทย
โดยนายปิยบุตร กล่าวในเบื้องต้นว่า วงเสวนาวันนี้ถือเป็นนิมิตหมายอันดีในการสร้างบทสนทนาระหว่างกลุ่มที่มีความเห็นแตกต่างกันในประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะทำให้สังคมไทยหาพื้นที่ตรงกลางได้ หัวข้อที่มีการยกมาวันนี้คือเรื่องของการ “ปฏิรูป” ซึ่งมาจากคำว่า reform การยังคง form เดิมไว้ หมายถึงว่าใช้รูปแบบเดิมแต่เปลี่ยนเนื้อหาไป ไม่เหมือนกับการปฏิวัติที่เริ่มต้นทุกอย่างจากศูนย์ใหม่
เมื่อกลับมาพูดถึงการปฏิรูปตามหัวข้อวันนี้ นั่นหมายถึงว่าเราจะยังคงรูปแบบรัฐไทย ที่เป็นประชาธิปไตย เป็นราชอาณาจักร มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และเป็นรัฐเดี่ยว เพียงแต่เนื้อหาเปลี่ยนแปลงไป คำถามคือเราจะคงรูปแบบไว้อย่างไรโดยเปลี่ยนเนื้อหาให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ สำหรับตนแล้ว เห็นว่าเพื่อให้สอดคล้องกับโลกสมัยใหม่และหลักการประชาธิปไตย จะต้องอยู่ในหลักการสามข้อ คือ
1) อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน จุดเชื่อมโยงของอำนาจรัฐต้องกลับไปที่ประชาชน ได้แก่ ประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจในการกำหนดระบอบและก่อตั้งรัฐธรรมนูญ และประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจ เป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน
2) เมื่อองค์กรใดมีอำนาจรัฐและใช้อำนาจรัฐ จะต้องถูกตรวจสอบและมีความรับผิดชอบในการใช้อำนาจ ซึ่งไม่เหมือนระบอบเผด็จการหรือสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่อำนาจรวมศูนย์และไม่ต้องถูกตรวจสอบ แต่ในระบอบประชาธิปไตยอำนาจทุกอำนาจต้องถูกตรวจสอบได้
3) แบ่งแยกปริมณฑลการใช้อำนาจในทางเอกชนออกจากทางสาธารณะให้ได้ หมายความว่าคนที่จะเข้าไปใช้อำนาจในปริมณฑลสาธารณะ ใช้ทรัพยากรของสาธารณะจะต้องใช้อำนาจไปเพื่อสาธารณะ ในโลกสมัยใหม่จะต้องแยกสองแดนนี้ให้ขาดจากกัน ถ้านำมาปะปนกัน เช่นเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแต่ใช้ทรัพย์สิน งบประมาณแผ่นดินเพื่อตนเอง การกระทำเช่นนี้เป็นเรื่องที่ผิด ถือได้ว่าเข้าข่ายฉ้อราษฎร์บังหลวง บรรดาองค์กรผู้ใช้อำนาจรัฐทั้งหลายต้องอยู่ภายใต้กรอบนี้
ดังนั้น สถาบันพระมหากษัตริย์ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย จะต้องมีการจัดวางตำแหน่งแห่งที่ให้สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยได้อย่างไร เราก็ต้องมาดูกฎเกณฑ์ในทางรัฐธรรมนูญและกฎหมายปัจจุบัน ว่ามีอะไรขัดหรือแย้งบ้าง เราก็ต้องไปปรับเพื่อให้เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย
นายปิยบุตร กล่าวต่อไปว่าตนเป็นคนที่ชอบฟังฝ่ายอนุรักษ์นิยมพูด ว่าเห็นไม่ตรงกับเราเรื่องอะไรบ้าง แต่สิ่งที่ตนเห็นมาจากวิธีการอธิบายของฝ่ายอนุรักษ์นิยมหลายๆ เรื่องในเวลานี้ ไม่เป็นผลดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เลย เป็นที่น่าเสียดายว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมใช้วิธีการอธิบายที่ไม่เหมือนอนุรักษ์นิยมยุคก่อนหน้า พาเข้ารกเข้าพง และเป็นภัยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้นเรื่อยๆ
“นั่นเพราะคุณไม่ได้ตั้งหลักว่าเราจะเอาระบอบอะไรกันแน่? เว้นเสียแต่คุณจะยืนตรงทะนงองอาจประกาศเลยว่าฉันอยากกลับไปเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ถ้าแบบนี้ก็จบ เพราะเถียงกันเรื่องระบอบการปกครองแล้ว แต่ถ้ายังยืนยันว่ายังคงเป็นระบอบประชาธิปไตย สถาบันกษัตริย์ก็ต้องปรับให้สอดคล้องกับระบอบ ตอนนี้น้องรุ้งและกลุ่มกำลังโดนศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนว่าใช้เสรีภาพล้มล้างการปกครองหรือไม่ แต่พวกเขายืนยันว่าอยู่ในระบอบการปกครองเดิมนะครับ เขาขอปฏิรูป แต่คนกลุ่มที่มาบอกว่าอยากเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ อันนี้ล้มล้างการปกครองของจริงนะครับ เพราะคุณจะเปลี่ยนจากประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไปเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์” นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตร กล่าวต่อไปว่า ในฐานะที่สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นองค์กรหนึ่งของรัฐ ต้องอยู่ภายใต้กรอบภารกิจบทบาทหน้าที่ ใครก็ตามที่ไปรับตำแหน่งใดๆ ของรัฐก็จะต้องเจอกรอบภารกิจบทบาทหน้าที่ที่แตกต่างกันไป พระมหากษัตริย์ก็เป็นบุคคลธรรมดาเช่นเรา เพียงแต่มาดำรงตำแหน่งพระมหากษัตริย์กษัตริย์ ก็จะต้องอยู่ภายใต้กรอบของตำแหน่งพระมหากษัตริย์ เมื่อไรก็ตามที่บุคคลใดดำรงตำแหน่งใดของรัฐแล้ว รู้สึกอึดอัด คับข้องใจ อยากมีอิสระ ไม่อยากอยู่ภายใต้กรอบของตำแหน่ง ก็มีทางเลือก คือ ออกจากตำแหน่งนั้น ดังปรากฏให้เห็นจากกรณีของ Edward VIII ที่ทรงสละราชบัลลังก์
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |