วัฒนธรรมที่แปลกแยก


เพิ่มเพื่อน    

 

      ยังคงเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์กับปัญหาข้อเรียกร้องของเด็กๆ ยุคเกรียนที่เชื่อ "ทวิตเตอร์" มากกว่าพ่อแม่ผู้ปกครองทางบ้านและครูบาอาจารย์ที่โรงเรียน

      มองอย่างเป็นกลางในมุมของเด็กๆ พวกเขาไม่ได้รู้สึกว่าทำอะไรผิด..แน่นอน เพราะการแสดงออกอย่างซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมากับความรู้สึกนึกคิดของตนเองนั้น เป็นเรื่องสำคัญในระบอบประชาธิปไตย

      แต่ถ้ามองมุมคนสูงอายุแล้ว ย่อมตรงกันข้ามแน่นอน

      ฉะนั้น ในแต่ละสถานการณ์นั้น เราคงไม่อาจจะชี้ถูกชี้ผิดเหมือนตรวจข้อสอบเลขบวกลบคูณหารได้

      อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจก็คือ ฝรั่งมังค่า คนที่อยู่คนละซีกโลกกับเรา สมควรแล้วหรือที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับกิจการภายในประเทศ หรือบ้านเมืองของคนอื่น

      ประเด็นนี้ต่างหากที่เราควรจะร่วมกันชี้หน้าถามว่า เหตุเกิดในบ้านเราแล้วเกี่ยวอะไรกับพวกท่าน?!? ที่จะแส่เข้ามาตัดสินว่า ..เด็กถูก! ผู้ใหญ่ผิด! หรือคนแก่เอาต์ ไม่ยอมฟังคนรุ่นใหม่ ในเมื่อวัฒนธรรมของแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกัน

      แม้กระทั่งในประเทศเดียวกัน แต่อยู่ในสังคมและสภาพแวดล้อมไม่เหมือนกัน ความคิดเห็นยังแปลกแยกเลย ..จริงไหม??

      โดยเฉพาะในประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาที่พวกท่านภูมิใจหนักหนาถึงต้นแบบของระบอบประชาธิปไตย แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกไม่เท่าเทียมของคนสีผิวกลับไม่เคยจางหายและติดแน่นติดหนึบไปทุกวงการ

      มนุษย์ป้าเพิ่งดูซีรีส์การแข่งขันชิงตำแหน่งสุดยอดดีไซเนอร์จบ ที่น่าสนใจคือ ในตอนหนึ่งนั้น ดีไซเนอร์คนผิวสีที่ถูกตัดสินให้ตกรอบนั้น รู้สึกว่าตัวเองเกิดมามีต้นทุนน้อยกว่าคนอื่น ต้องใช้ความอดทนที่จะพิสูจน์ตัวเองบนถนนแฟชั่นมากกว่าคนทั่วไป

      กรณีดังกล่าว แม้กระทั่งกรรมการที่เป็นคนผิวสีเหมือนกันรู้สึกไม่เห็นด้วยกับดีไซเนอร์ที่แพ้ตกรอบ แล้วคร่ำครวญกล่าวอ้างเหตุผลเกี่ยวกับการกีดกันทางชนชั้น มาเป็นดรามาทางหน้าจอ ราวกับตัวเองแพ้ภัยสีผิว

      เรื่องราวชีวิตจริงบนหน้าจอ Next in Fashion สะท้อนให้เห็นว่า คนส่วนใหญ่มุ่งที่จะใช้มุมมองส่วนตัวเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง จนไม่ยอมรับความจริงในบางครั้ง

      นับประสาอะไรจะมาสอดแทรกเรื่องราวประชาธิปไตย ความไม่เท่าเทียมในบ้านคนอื่น!!! หาาาาา.

                                                              "ป้าเอง"

                                                           

 

 

 

22gv030

มองมุมสูง หน้า 3

อังคาร 22 ก.ย.

-----------------------------------

                                    วัฒนธรรมที่แปลกแยก

 

      ยังคงเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์กับปัญหาข้อเรียกร้องของเด็กๆ ยุคเกรียนที่เชื่อ "ทวิตเตอร์" มากกว่าพ่อแม่ผู้ปกครองทางบ้านและครูบาอาจารย์ที่โรงเรียน

      มองอย่างเป็นกลางในมุมของเด็กๆ พวกเขาไม่ได้รู้สึกว่าทำอะไรผิด..แน่นอน เพราะการแสดงออกอย่างซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมากับความรู้สึกนึกคิดของตนเองนั้น เป็นเรื่องสำคัญในระบอบประชาธิปไตย

      แต่ถ้ามองมุมคนสูงอายุแล้ว ย่อมตรงกันข้ามแน่นอน

      ฉะนั้น ในแต่ละสถานการณ์นั้น เราคงไม่อาจจะชี้ถูกชี้ผิดเหมือนตรวจข้อสอบเลขบวกลบคูณหารได้

      อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจก็คือ ฝรั่งมังค่า คนที่อยู่คนละซีกโลกกับเรา สมควรแล้วหรือที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับกิจการภายในประเทศ หรือบ้านเมืองของคนอื่น

      ประเด็นนี้ต่างหากที่เราควรจะร่วมกันชี้หน้าถามว่า เหตุเกิดในบ้านเราแล้วเกี่ยวอะไรกับพวกท่าน?!? ที่จะแส่เข้ามาตัดสินว่า ..เด็กถูก! ผู้ใหญ่ผิด! หรือคนแก่เอาต์ ไม่ยอมฟังคนรุ่นใหม่ ในเมื่อวัฒนธรรมของแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกัน

      แม้กระทั่งในประเทศเดียวกัน แต่อยู่ในสังคมและสภาพแวดล้อมไม่เหมือนกัน ความคิดเห็นยังแปลกแยกเลย ..จริงไหม??

      โดยเฉพาะในประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาที่พวกท่านภูมิใจหนักหนาถึงต้นแบบของระบอบประชาธิปไตย แต่ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกไม่เท่าเทียมของคนสีผิวกลับไม่เคยจางหายและติดแน่นติดหนึบไปทุกวงการ

      มนุษย์ป้าเพิ่งดูซีรีส์การแข่งขันชิงตำแหน่งสุดยอดดีไซเนอร์จบ ที่น่าสนใจคือ ในตอนหนึ่งนั้น ดีไซเนอร์คนผิวสีที่ถูกตัดสินให้ตกรอบนั้น รู้สึกว่าตัวเองเกิดมามีต้นทุนน้อยกว่าคนอื่น ต้องใช้ความอดทนที่จะพิสูจน์ตัวเองบนถนนแฟชั่นมากกว่าคนทั่วไป

      กรณีดังกล่าว แม้กระทั่งกรรมการที่เป็นคนผิวสีเหมือนกันรู้สึกไม่เห็นด้วยกับดีไซเนอร์ที่แพ้ตกรอบ แล้วคร่ำครวญกล่าวอ้างเหตุผลเกี่ยวกับการกีดกันทางชนชั้น มาเป็นดรามาทางหน้าจอ ราวกับตัวเองแพ้ภัยสีผิว

      เรื่องราวชีวิตจริงบนหน้าจอ Next in Fashion สะท้อนให้เห็นว่า คนส่วนใหญ่มุ่งที่จะใช้มุมมองส่วนตัวเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง จนไม่ยอมรับความจริงในบางครั้ง

      นับประสาอะไรจะมาสอดแทรกเรื่องราวประชาธิปไตย ความไม่เท่าเทียมในบ้านคนอื่น!!! หาาาาา.

                                                              "ป้าเอง"


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"