การชุมนุมทางการเมืองวันนี้ ความน่าสนใจไม่ได้อยู่ที่จำนวนคนที่มารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงหลายๆ ด้าน ที่คนรุ่นใหม่เห็นว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งหากพวกเขาและเธอจะมีความหวังต่อสังคมไทยในวันนี้และวันข้างหน้า
ประเด็นที่ควรวิเคราะห์คือ นี่เป็นการแสดงออกที่เป็นผลสั่งสมของปัญหาที่เรื้อรังของสังคมไทยมาช้านาน
ผสมกับวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดจากโควิด-19 ทับซ้อนลงไปที่ความเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีที่ทำให้เกิด "ความป่วน" หรือ disruption มหาศาลสำหรับทุกวงการ
ผมเน้นว่าความเปลี่ยนแปลงได้มากระทบ "ทุกวงการ" โดยไม่มีข้อยกเว้น
โดยเฉพาะวงการการเมืองที่ยังเกาะกุมอยู่กับแนวคิดและวิถีปฏิบัติแบบเก่าที่ไม่ตอบโจทย์ศตวรรษที่ 21 และเสียงเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่จำกัดเฉพาะอยู่ที่ "คนรุ่นใหม่" เท่านั้น
หากแต่ยังกระจายไปยังคนทุกวัยทุกวงการ
เพราะสังคมไทยอยู่อย่างเดิม คิดอย่างเดิม เกาะติดกับค่านิยมเดิมๆ ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ย้อนกลับไปดูปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขปรับปรุงและยกเครื่องอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็น
ความเหลื่อมล้ำในสังคม
ช่องว่างระหว่างคนมั่งมีกับคนจน
กับดักรายได้ปานกลาง
คอร์รัปชัน
การบังคับใช้กฎหมายสองมาตรฐาน
การปฏิรูปการศึกษา กระบวนการยุติธรรมที่ไม่เกิดผล
การปฏิรูปสถาบันต่างๆ ที่สำคัญต่อการก้าวย่างไปข้างหน้าของประเทศชาติยังไม่เกิดและการที่คนรุ่นนี้มองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง
ดังนั้นที่ท่านนายกฯ ออกมาพูดเมื่อค่ำวันพฤหัสบดี ทำนองเตือนว่าการชุมนุมจะทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจ ความไม่มั่นใจในหมู่นักลงทุน และโอกาสติดเชื้อโควิดนั้น แสดงว่าท่านยังมองไม่ออกว่าการชุมนุมเป็นเพียงปลายเหตุของปัญหาบ้านเมือง
ตอนหนึ่งของคำปราศรัยนายกฯ บอกว่า
"....ผมขอใช้โอกาสนี้พูดกับคนกลุ่มต่างๆ ที่อยากจะออกมารวมตัวกันประท้วงด้วยเหตุผลต่างๆ ของท่าน เมื่อเวลาที่ท่านมารวมตัวกัน ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยงอย่างมหาศาลที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย
และขณะเดียวกัน ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำลายการทำมาหากินของคนไทยด้วยกันอีกสิบๆ ล้านคน การจุดชนวนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้เสี่ยงที่จะลุกโชนขึ้นมาอีก นั่นจะส่งผลกระทบที่เลวร้ายและทวีคูณต่อปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยไปสู่ระดับที่เรายังไม่เคยเจอมาก่อน
ผมขอให้ทุกท่านคำนึงถึงเรื่องนี้ให้มาก
ในประเทศอื่น การรวมตัวกันและการไม่รักษาวินัยในการป้องกันโรคระบาดได้สร้างปัญหาให้กับประชาชนคนอื่นๆ ในประเทศของตัวเองมาแล้ว..."
อีกตอนหนึ่งนายกฯ บอกว่า
"...ผมขอบอกทุกคนที่อยากจะออกมาชุมนุมชัดๆ ว่าผมได้ยินสิ่งที่ท่านพูด ผมรับทราบความคับข้องใจของพวกท่านในเรื่องการเมืองและความไม่พอใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ...
...ผมเคารพความคิดเห็นและความรู้สึกของท่าน แต่วันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดเร่งด่วนที่เราจำเป็นต้องจัดการก่อน นั่นคือการบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจที่โควิด-19 ได้ก่อให้เกิดขึ้นไปทั่วโลก...
...เราไม่ควรทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งไปกว่านี้...
...การชุมนุมจะทำให้การฟื้นเศรษฐกิจเกิดการล่าช้า เพราะจะทำลายความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ และสร้างความลังเลใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะมาประเทศไทย เมื่อถึงเวลาที่เราพร้อมจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง การชุมนุมจะสร้างความวุ่นวายในประเทศ และทำลายสมาธิการทำงานของภาครัฐในการจัดการกับโควิด-19 และปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน...
...ผมจึงอยากขอให้เราเอาชนะโควิด-19 และผ่านวิกฤติโลกครั้งนี้ไปด้วยกันให้ได้ก่อน หลังจากนั้นเราค่อยกลับมาที่เรื่องการเมือง...
...ในสถานการณ์ปัจจุบัน หลายประเทศใช้ความเด็ดขาดในการยุติการประท้วงด้วยเหตุผลที่ไม่ยอมให้เกิดการกระทำที่จะเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยหลายประเทศห้ามไม่ให้มีการรวมตัวใดๆ ทั้งสิ้น อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ในประเทศเยอรมนีมีการประท้วงของคนจำนวนกว่า 38,000 คน มีผู้ถูกจับดำเนินคดีมากกว่า 300 คน ในคดีทำลายโอกาสของประเทศในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การศึกษา และสังคม...
...แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมสั่งการไปคือ ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับผู้ชุมนุมด้วยความนิ่มนวล เพราะผมยังเชื่อว่าผู้ที่ออกมาประท้วงจะมีความตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ควรต้องระมัดระวังและอยู่ในขอบเขต แต่ผมก็ขอฝากไปถึงทุกคนที่จะออกมารวมตัวกันว่า ขอให้นึกถึงพี่น้องคนไทยด้วยกันให้มากๆ คนไทยอีกเป็นสิบๆ ล้านคนที่จะได้รับผลกระทบจากการที่ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยงในการเจ็บป่วยจากโควิด-19 และเพิ่มความเสี่ยงให้เราต้องกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้ง...
...พี่น้องครับ เรากำลังเดินเข้าสู่ช่วงเวลาที่จะยิ่งยากลำบากมากขึ้น เราจึงควรวางเรื่องการเมืองเอาไว้ก่อน แล้วจับมือร่วมแรงร่วมใจกันผ่านพ้นความยากลำบากที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์โลกไปให้ได้...
ที่ท่านนายกฯ บอกว่าให้ "วางมือการเมืองเอาไว้ก่อน..." นั้น แปลว่าท่านไม่เข้าใจข้อเรียกร้องของคนที่มารวมตัวกัน ไม่ใช่เพียงแค่ "คนรุ่นใหม่" เท่านั้น แต่คนไทยจำนวนมากต้องการจะ "ทำการเมืองให้ดีก่อน" แล้วจึงแก้ปัญหาอื่นๆ ทั้งหลายได้
เพราะการเมืองคุณภาพต่ำของบ้านเราคือสาเหตุของวิกฤติทั้งหลายทั้งปวงจริงๆ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |