17 ก.ย.63 - นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ ในการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี ที่ฝ่ายค้านเห็นว่า รัฐบาลนี้ใช้เงินงบประมาณแบบสุรุ่ยรุร่าย เป็นนักกู้แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาว่า นายธนกรจะเอาใจเจ้านายด้วยการใช้ลิ้นอย่างเดียว เป็นเรื่องส่วนตนเพื่อรักษาเก้าอี้ตัวเองไว้ใช่หรือไม่ แต่ต้องกล้าสะท้อนความจริง ควรจะกระซิบบอกพลเอกประยุทธ์ว่า การทำงานด้านเศรษฐกิจ ทำให้ดีต้องทำอย่างไร ทำเป็นหรือไม่ การกู้มาแจกเป็นเพียงอย่างเดียว เป็นการใช้สติปัญญา และฝีไม้ลายมือหรือไม่ เพื่อแสดงให้เห็น ว่ารัฐบาลมีปัญญา มีความรู้ ความสามารถ แต่กลับใช้วิธีสกปรกสาดโคลนใส่คนอื่นที่เขาวิพากษ์วิจารณ์ตามระบบรัฐสภา

นายจิรายุ กล่าวว่าคนของรัฐบาลหลายคนสุภาพ มีเกียรติ สมราคาดอกเตอร์ ใช้ปัญญาตามที่ครูบาอาจารย์ และบุพการีสั่งสอนมา อธิบายผลงานของรัฐบาล ตามหลักการถ่วงดุลอำนาจระหว่างกัน แก้ต่างให้รัฐบาลด้วยหลักการและมีความสุขุม แต่ลิ่วล้อ ไอ้ห้อยไอ้โหนบางคน เถียงหลักการไม่ได้ก็ใช้ วิธีชี้หน้าด่าคนอื่นว่าเลว ว่าโง่ ตัวเองประเสริฐกว่ามนุษย์ ทำให้เห็นว่าบางคนเป็น ด๊อก ก็ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าจะมีความรู้ความสามารถ มีความสุภาพ มีสติปัญญาสมกับที่เรียนมาได้

นายจิรายุกล่าวว่า ขอเตือน ไปยังพลเอกประยุทธ์ หากยังเลี้ยง ลิ่วล้อประเภทนี้ แทนที่จะชี้แจง อย่างมีความคลาสสิคสร้างภาพลักษณ์ให้กับผู้นำ แทนการตอบโต้ทางการเมืองแบบออกมาด่ากราดว่า คนวิพากษ์วิจารณ์ พลเอกประยุทธ์ เป็นคนสมองไร้รอยหยัก ประชาชนก็อาจจะเข้าใจว่า เจ้านายกับลูกน้องเหมือนกัน รังแต่จะทำให้ เสียภาพลักษณ์ของผู้นำประเทศ ลิ่วล้อแบบนี้ต้องย้ายไปเฝ้าป้อมยาม

ที่ผ่านมาตนไม่เคยตอบโต้ ลิ่วล้อนายกฯ หากนายธนกรใช้ปัญญาที่เรียนมาชี้แจง ด้วยวัยวุฒิ คุณวุฒิ จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ประเทศชาติยิ่ง เพราะรัฐบาลใช้เงินประชาชนปีนี้สูง 3.28 ล้านล้านบาทและยังกู้อีกบานตะไท เพราะการเมืองถือว่าเป็นการต่อสู้ทางความคิด และนำเสนอกันที่ฝีมือในการบริหารประเทศ แต่การมาให้ร้าย ใส่ร้ายป้ายสี ดูถูก ว่าคนอื่น สูงต่ำดำเตี้ย หรือใครโง่ใครฉลาดกว่ากัน อันนี้ถือว่า เป็นนักการเมืองด้อยคุณภาพ ต่ำตม และครั้งนี้เป็นฟางเชือกสุดท้าย หากนายธนกร ไม่มาขอขมา ตนและประชาชนผู้มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเตรียมรับหมายศาลได้เลย