'พล.ท.นันทเดช'เขียนบทความ'ฝนเดือนกันยา'ดึงสติม็อบ19ก.ย.


เพิ่มเพื่อน    

16 ก.ย.2563 -  พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตกรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย และอดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ศรภ. โพสต์เฟซบุ๊กในรูปบทความเรื่อง “ฝนเดือนกันยา (September in the rain)” ระบุว่า ฝนเมื่อตกลงมาแล้วมันไม่เคยหมดไปจากท้องฟ้าและจิตใจของผู้คน มีบางส่วนเท่านั้นที่หายไป บนท้องถนน ไร่นา และทิวเขา แต่ฝนที่หายไปนั้นก็ทำให้ถนนสะอาด ไร่นาอุดมสมบูรณ์ และทิวเขาเขียวขจี แต่กับความรักแล้ว ฝนดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคทำให้ผู้หญิงสวยได้ไม่เต็มที่ ความรักในเดือนกันยาจึงเกิดขึ้นยากเพราะผู้คนอยู่ในภาวะเร่งรีบหลบสายฝน เสียงฟ้าร้อง และเมฆหมอกสีทึบ (The Sun went out just like a dying ember) นอกจากนั้นในตอนกลางคืนยังไม่มีพระจันทร์สุกสว่างเหมือนในฤดูร้อน และไม่มีดวงดาวระยิบระยับสุกใสเหมือนในฤดูหนาวอีกด้วย

ความรักในฤดูฝนจึงมักเกิดกับชนชั้นกลางหรือนักศึกษาที่ยังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่เป็นส่วนใหญ่ มันเกิดขึ้นเมื่อต้องยืนเบียดกันรอฝนซาเม็ด จนฝนหยุดก็ยังยืนมองตากันอยู่ หรือกล่าวขอโทษกันเบาๆ เมื่อเบียดกันอยู่บนรถไฟฟ้า หรือนั่งสบตาระหว่างรอฝนหยุดอยู่ในร้านกาแฟซึ่งมีอยู่ทุก 20 เมตรในกรุงเทพฯ หรือแอบมองดูเธอตอนเปียกฝน ฯลฯ

ความยากลำบากของความรักที่เกิดขึ้นจึงทำให้รักในเดือนกันยายนมักจะคงทนยั่งยืนนาน (Though spring is here, to me it's still September. That September in the rain) แม้ว่าเมื่อฝนเดือนกันยายนลาจากท้องฟ้าไปแล้ว แต่หลายสิบคนก็ยังคิดคำนึงถึงฝนในเดือนกันยายนอยู่เช่นเดิม

เมื่อต้นปีที่แล้ว ผมเคยเจอและรู้จักผู้หญิงตาคม ผิวคล้ำ สวยลึกลับ อยู่คนหนึ่ง เรามีเหตุผลที่จะต้องเจอกันตามหน้าที่อาทิตย์ละครั้ง ผมแอบสังเกตดูเธออยู่บ่อยครั้ง ทำให้คิดถึงผู้หญิงอีกคนหนึ่งเป็นคนอเมริกันเชื้อสายจีน ชื่อ Amy Tan ซึ่งหลายคนคงรู้จักเธอในฐานะนักประพันธ์ระดับโลก ผมอ่านหนังสือแปลของเธอมาหลายเรื่องพบว่า ผู้หญิงในบทประพันธ์ทุกเรื่องของ Amy Tan นั้นจะใช้ชีวิตอย่างจริงจัง ละเอียดอ่อน แต่อดทนโคตรในการเก็บงำความลับที่อ่อนไหว เปิดเผยไม่ได้ (ตัวอย่างในเรื่อง The Joy Luck Club) สรุปสั้นๆ ว่าผู้หญิงที่ผมเจอสวยแต่ลึกลับซับซ้อนเหมือนผู้หญิงในหนังสือของ Amy Tan

ฝนวันที่ 14 กันยายนตกหนักกว่าทุกวัน ผมมาอยู่บ้านคุณอาของเพื่อนที่นนทบุรี ริมแม่น้ำอ้อมหรือคลองอ้อม (เดิมเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาแต่ขุดคลองใหม่เพื่อให้เรือสำเภาเดินทางตรงขึ้นไปยัง จ.อยุธยาได้ใกล้ขึ้น) น้ำเอ่อท่วมตลิ่งที่เต็มไปด้วยต้นเตยหอมทะลุเข้ามาใต้ถุนบ้าน “เจ้าดำ” กับ “เจ้าเผือก” หมา 2 ตัวถือวิสาสะเผ่นขึ้นมานั่งสุมหัวอยู่กับผมที่ระเบียง หน้าบ้าน

นักเรียนหญิงข้างบ้าน 3 คนพายเรือเอาทอดมันปลากรายถุงใหญ่และบะหมี่ 2 ห่อมาให้เป็นอาหารเย็น บอกว่า “มีแค่นั้น ลุงต้องอยู่ให้ได้ถึงวันพรุ่งนี้” ผมถามกลับไปว่า “วันที่ 19 กันยาจะไปชุมนุมกันหรือเปล่า” ทั้งสามสาวยิ้มแห้งๆ ก่อนตอบว่า “ถ้าไป กลับมาก็โดนพ่อเตะแน่ๆ” แต่มันก็ได้บอกผมว่าโลกของเทคโนโลยีได้ก้าวเข้ามาสู่เรือกสวนไร่นาแล้ว ประเพณีและวัฒนธรรมของชาติไทยจะต้านทานภัยเงียบแบบนี้ได้เหมือนเดิมอีกหรือเปล่า ยังเป็นเรื่องที่น่าคิดมากๆ ทีเดียวครับ

ชีวิตคนต่างจังหวัดมันสนุกแบบนี้เอง พูดกันตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ลูกยังเกรงใจพ่อแม่อยู่เหมือนเดิม น้ำสูงขึ้นมาตามลำดับจนขึ้นมาถึงบันไดขั้นที่ 2 จากทั้งหมด 5 ขั้นแล้ว ฟ้ายังครวญครางอยู่เหมือนคนอกหัก เจ้าดำกับเจ้าเผือกเบียดเข้ามาซุกอยู่กับผมตามประสาหมากลัวเสียงฟ้า

“…คิดถึงแม่ตาคมจับใจ พี่จะพายเรือไปเอ่ยพี่จะพายเรือไป ดูได้แค่กระไดท่าน้ำ...ก็แสนจะชื่นหัวใจ...”
คนรุ่นผม สมัยอยู่มหาวิทยาลัยก็เล่นเพลงฉ่อย เพลงเรือ เพลงโคราช จีบสาวเวลาไปค่ายอาสาฯ คนรุ่นนี้จีบกันผ่านทางโทรศัพท์มือถือเห็นหน้าเข้าไปถึงห้องนอน ประชาธิปไตยจึงเต็มไปด้วยเรื่อง “เซ็กส์” คนรุ่นผมเห็นแค่หลังคาบ้านหรือหัวกระไดท่าน้ำเท่านั้นก็ชุ่มชื่นหัวใจ วันนี้วันเกิดแม่สาวตาคม ถ้าฝนไม่ตกซ้ำลงมาอีก ผมต้องกลับไปพบเธอถึงหัวกระไดบ้านอย่างแน่นอน

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังครอบคลุมประเทศไทยอยู่ ฝนจึงตกมาเป็นระยะๆ ผมนั่งเงียบเหงากับหมาทั้งสองตัว เพื่อนผมไปเล่นไพ่อยู่บ้านญาติถัดไป (ห่างกันเกือบ 1 กม.) มันเล่นไพ่กินตังค์กันอยู่ระหว่างครอบครัวโดยไม่โกรธเกลียดกัน เป็นครอบครัวมหาสนุกอีกครอบครัวหนึ่งที่ผมรู้จัก

ผมแบ่งบะหมี่ 2 ห่อให้เจ้าดำกับเจ้าเผือกและตัวผมเองอย่างเท่าเทียมกัน เพราะมันอยู่ในยุคที่ประชาธิปไตยในระบบ “ทรัมป์บ้า” กำลังเบ่งบานในประเทศไทย ผมจำได้ว่าแบทแมน (The Dark Knight) กล่าวไว้ว่า “เมื่อภัยมาถึงหน้าบ้าน ชาวโรมันจะเก็บประชาธิปไตยไว้ก่อน และหยิบดาบออกมาใช้แทน” ก็ต้องรอดูว่าเมื่อไรคนไทยจะหยิบดาบออกมาใช้บ้าง

เมื่อ 2 วันก่อน ผมไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนที่มณเฑียร ริเวอร์ไซด์ พระราม 3 เจอผู้คนหลากหลาย ทั้งที่ชอบและไม่ชอบ เมื่องานเลิกผมก็เลยเข้ามาในสวนเมืองนนท์ แค่จะมาดูน้ำในคลองอ้อมเท่านั้น แต่ก็ต้องหลงทางติดฝนกลับบ้านไม่ได้ ทำให้ผมนึกถึงนิยายเรื่องเด็กอยากจะออกไปดูพระจันทร์ในคืนฝนตก แต่ทำไม่ได้ เด็กจึงหยิบกระดาษออกมาวาดรูปพระจันทร์ดูแทน แล้วก็ขีดเส้นเป็นทางเดินดูพระจันทร์ไปเรื่อย จนหลงทางอยู่บนกระดาษแผ่นนั้น (นิยายเรื่องนี้เป็นของ “Haruki Murakami” นักประพันธ์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น แต่ผมจำชื่อเรื่องไม่ได้ครับ)
วันเกิดแม่ตาหวานปีนี้ อายุมากขึ้นอีกปี ผมขออวยพรให้สวยขึ้นตามอายุไปด้วย อยากได้อะไรขอให้ได้ตามใจคิด แต่ขอให้กอบโกยเอาแค่ 2 มือก็พอแล้ว (your hands can hold) ห้ามใช้กระบุงตักโดยเด็ดขาด เพราะกอบโกยอะไรไว้มากก็เท่ากับเพิ่มทุกข์ให้ตัวเองในทางอ้อมครับ

ในภาพยนตร์หลายเรื่องของดาราสาวตาคม (Jennifer Lopez) เธอจะเล่นบทบาทของคนชั้นกลางที่ต่อสู้ชีวิต เช่น ในเรื่อง Second Act มีคำพูดที่น่าสนใจว่า “ทุกครั้งที่คุณตื่นขึ้นมา โอกาสที่ 2 ในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณให้ดีขึ้นจะรอคุณอยู่เสมอ อยู่ที่ว่าคุณจะลุกขึ้นมาไขว่คว้ามันหรือไม่เท่านั้น” (Everyday you wake up and you have a second chance to change your life to whatever you want, The only thing that stop you is yourself) แปลผิดถูกยังไงก็ต้องไปโทษครูภาษาอังกฤษผมเอาเองครับ

ขอยกข้อความในภาพยนตร์นี้ฝากไปยังพวกน้องๆ ที่กำลังจะจัดชุมนุม “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” ขึ้นใน 19 ก.ย. 63 นี้ นำไปคิดประกอบด้วยครับ
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"