ขนคนเติมม็อบ ‘ป้อม’ปูดรู้หมด โวลั่นรับมือไหว


เพิ่มเพื่อน    

  “ประยุทธ์” ลั่นนิสิต-นักศึกษาเป็นลูกหลาน ต้องดูแลความปลอดภัยเต็มที่ สั่งทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงเผชิญหน้า เตือนสติอย่าถูกโซเชียลฯ ปั่นกระแส “ประวิตร” โวรู้หมดจังหวัดไหนขนคนเติมม็อบ “ผกก.สันติบาล” เผยใช้กำลัง 300 นายดูแลทำเนียบฯ ไม่มีแผนพลิกตามหน้างาน “เพื่อไทย” ส่งสมาชิกลงพื้นที่สังเกตการณ์ไม่ใช่คุมทิศทางม็อบ เล็งยื่นฎีกาหากมีรัฐประหาร “ศรีสุวรรณ” จ่อลุยสอบท่อน้ำเลี้ยง

เมื่อวันอังคารที่ 15 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย. ถึงแนวทางของรัฐบาลในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า หรือลดเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความรุนแรง โดยเฉพาะการป้องกันมือที่ 3 มือที่ 4 ว่าเรื่องนี้รัฐบาลหลีกเลี่ยงอยู่แล้ว ฝ่ายความมั่นคงหลีกเลี่ยง เจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจทหารก็หลีกเลี่ยง เพราะฉะนั้นใครไม่หลีกเลี่ยงก็ต้องไปหามา การป้องกันมือที่ 3 มือที่ 4 เรื่องเหล่านี้สื่อก็ทราบดีทั้งหมด มีคำตอบอยู่แล้ว ซึ่งรัฐบาลยืนยันในเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก และก็จะทำให้การบริหารราชการในช่วงนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เพื่อให้สอดคล้องกับวิกฤติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ หลายประเทศก็ดำเนินการทำให้บ้านเมืองสงบสุขที่สุด รัฐบาลมีเสถียรภาพในการทำงาน ซึ่งก็คงกราบเรียนได้เท่านี้  
“ขอร้องกันทุกฝ่าย ทั้งแกนนำ ทั้งผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ช่วยกันสังเกต สอดส่อง ช่วยกันเป็นหูเป็นตาและดูแลลูกหลานของเราให้ปลอดภัย อย่าให้ตกไปเป็นเครื่องไม้เครื่องมือของใครก็ตาม และถ้าเป็นการชุมนุมที่บริสุทธิ์ ผมก็ไม่เคยมีปัญหากับใครทั้งสิ้น ส่วนที่ว่าจะเป็นการชุมนุมที่บริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ ก็ต้องไปสืบหากันต่อไปหลังจากนี้ ก็พอจะมีข้อมูลอยู่บ้าง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามถึงมีการเผยแพร่เอกสารปลอมทางราชการออกมาโจมตีรัฐบาลและกองทัพถึงการเตรียมกำลังปราบผู้ชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. เป็นการปลุกระดมเพื่อเรียกมวลชนเข้าร่วมชุมนุมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นเอกสารปลอมและชี้แจงแล้ว ซึ่งวันนี้ปลอมกันได้ทุกอย่าง ทุกคนก็ทราบดีว่ามีการเจริญเติบโตทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล สามารถปลอมได้หมด ปากพูดก็พูดได้หมด อีกทั้งดัดแปลงเสียงดัดแปลงคำพูดจนถึงการลอกลายเซ็นมีทุกอย่าง จึงขอให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกันตรวจสอบก่อนแชร์ ไม่เช่นนั้นก็จะมีปัญหาต้องถูกดำเนินคดีต่อไปในอนาคต ซึ่งไม่อยากวุ่นวายในเรื่องเหล่านี้ แต่ยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการดูแลเจ้าหน้าที่ ดูแลเด็กและลูกหลานของเรา และทุกคนก็ต้องดูแลตัวเองด้วย โดยเฉพาะมาตรการต่างๆ ทั้งการตรวจสอบเรื่องอาวุธและการแพร่ระบาดต่างๆ ก็ต้องมีมาตรการที่เหมาะสมในการดูแล เพราะลูกหลานของท่านก็เหมือนลูกหลานของเรา
"ผมเป็นห่วงเรื่องการชุมนุมอะไรก็แล้วแต่ วันนี้มีหลายอย่างที่มันแพร่อยู่ตามสื่อโซเชียลต่างๆ ซึ่งทุกคนก็ต้องเช็กก่อนแชร์ ก่อนส่งต่อไปที่อื่นหรือไปขยายความ ซึ่งบางทีก็มีคนไม่หวังดีไปใช้ตรงนั้นในการปลุกระดมปลุกปั่นขึ้นมา ผมถามว่าถ้าบ้านเมืองไม่สงบแล้วมันเกิดอะไรขึ้น ตัวผมเองไม่ห่วงอยู่แล้วว่าจะอยู่หรือจะไป แต่เป็นห่วงว่ารัฐบาลจะอยู่ตรงไหน หลายๆ อย่างที่เป็นกลไกที่จะไปแก้ปัญหา ไม่ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญอะไรก็แล้วแต่ใครจะทำ ก็ไปดูตรงโน้น ดังนั้นอย่ากดดันในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ผมคิดว่าสังคมประชาชนส่วนใหญ่ทราบดี จึงขอแสดงความห่วงกังวล เพราะท่านก็รักลูกของท่าน ผมก็รักลูกของผม แต่ผมจำเป็นต้องรักลูกของท่านด้วย เพราะผมเป็นนายกฯ นั่นคือสิ่งที่ต้องดูแล จึงขอให้ทุกคนช่วยกันประคับประคองสถานการณ์ช่วงนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดรัฐบาลมีโครงการจ้างงาน ซึ่งกระทรวงแรงงานเตรียมการไว้แล้ว โดยจะจ้างงานนิสิตนักศึกษาที่ตกงานหรือยังไม่มีงานทำถึง 2.6 แสนคนในช่วงนี้ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่จะตกงานหรือไม่มีงานทำ ซึ่งรัฐบาลต้องดูแลเป็นพิเศษ และไม่ใช่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม แต่เป็นเรื่องที่รัฐบาลวางแผนไว้อยู่แล้ว ซึ่งถามว่าหากวุ่นวายมีปัญหามากๆ บริหารราชการไม่ได้บริหารงบประมาณไม่ได้ แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งคนอีกกว่า 60 ล้านที่เสียประโยชน์แล้วจะทำอย่างไร ใครจะรับผิดชอบตรงนี้ ขอฝากไว้ด้วยแล้วกัน ขอให้ช่วยกันคิดช่วยกันทำและช่วยกันแก้ปัญหา
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะใช้พื้นที่สนามหลวงให้ได้ พล.อ.ประยุทธ์หยุดฟังคำถามแต่ไม่ได้ตอบว่าอะไร  
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวถึงประเด็นการเปิดสนามหลวงให้ผู้ชุมนุมว่า ทุกอย่างทำตามกฎหมาย เพราะมีกรอบของกฎหมายอยู่ หากจะทำอะไรก็ต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่ ส่วนแผนการดูแลที่ทำเนียบฯ เราดูแลเรียบร้อย ส่วนจะมีการกำหนดระยะห้ามผู้ชุมนุมเข้าใกล้ทำเนียบฯ เท่าใด ก็เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่
เมื่อถามว่า หากผู้ชุมนุมเดินทางมาทำเนียบฯ จะมีเวลาการชุมนุมหรือไม่ เพราะอาจอยู่ยาว พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่รู้ว่าเขาจะมาหรือเปล่า ส่วนจะเน้นการเจรจาทำความเข้าใจหรือไม่นั้น ทุกอย่างต้องทำตามกฎหมาย และไม่ให้เกิดการปะทะกัน
ถามว่าเป็นห่วงเรื่องมือที่ 3 หรือไม่ พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่าคุณเป็นมือที่ 3 หรือเปล่า
เมื่อถามต่อว่าทางการข่าวมีการแจ้งหรือไม่ว่าจำนวนผู้ชุมนุมที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด จะมาสมทบมีมากน้อยแค่ไหน พล.อ.ประวิตรยอมรับว่า รู้แล้วและรู้อยู่ และทราบว่าจะมีจังหวัดจะมาได้ แต่เชื่อว่ารับมือได้ ส่วนเรื่องการสกัดกั้นตรวจเรื่องอาวุธนั้น เจ้าหน้าที่ก็ทราบอยู่แล้วและก็ทำตามหน้าที่
300นายคุ้มทำเนียบฯ
พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ ทำเนียบฯ กล่าวถึงการเตรียมรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ได้เตรียมกำลังตำรวจสันติบาล 3 กับสันติบาลทำเนียบฯ รวม 2 กองร้อย หรือ 300 นาย ที่จะดูแลภายในทำเนียบฯ โดยเฉพาะตึกไทยคู่ฟ้าและตึกบัญชาการ 1 ซึ่งถือเป็นเขตหวงห้ามเด็ดขาด และได้แจ้งกำลังพลไปแล้วว่าหากมีผู้ชุมนุมพยายามบุกรุกเข้ามาในทำเนียบฯ เบื้องต้นให้เจรจาก่อนแล้วจึงใช้มาตรการขั้นต่อไป ส่วนภายนอกรั้วทำเนียบฯ จะอยู่ในการดูแลของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)
"นายกฯ สั่งการกำชับเป็นพิเศษคือ ถ้าเป็นไปได้ไม่อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาบริเวณโดยรอบทำเนียบฯ ซึ่งตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ มีกำหนดไว้ว่าต้องมีระยะห่างจากทำเนียบฯ 50 เมตร คืออยู่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์" พ.ต.อ.วัชรวีร์กล่าวและว่า การดูแลความสงบเรียบร้อยภายในทำเนียบฯ จะทำตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 19-20 ก.ย. โดยจะใช้กำลังตำรวจเป็นหลัก ไม่ใช้กำลังเสริมจากทหารแต่อย่างใด ซึ่งมาตรการป้องกันทำเนียบฯ ไม่มีชื่อแผน แต่จะดูตามสถานการณ์มากกว่า
ด้านความคิดเห็นของฝ่ายการเมืองนั้น นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคการเมืองฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ได้หารือ เพียงแต่ติดตามสถานการณ์เหมือนประชาชนทั่วไปด้วยความเป็นห่วง เพราะมีทั้งกระแสต่อต้านและไม่ต่อต้าน ที่สำคัญที่สุดเชื่อว่าผู้ชุมนุมยังเดินตามกรอบกฎหมายอยู่ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็ควรมองกันด้วยความเมตตา และดูกันไปก่อน เพราะความเห็นไม่ตรงกันเป็นเรื่องปกติ เราก็ต้องยอมรับว่ามีปัญหาอยู่จริง รวมทั้งปัญหาการเมือง ซึ่งไม่แปลกที่คนจะออกมาชุมชน เชื่อว่าหากเข้าใจหลักนี้ก็จะไม่มีอะไรรุนแรง
         “ในวันที่ 19 ก.ย. จะมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่ทำงานในอนุกรรมาธิการ (กมธ.) การปกครองไปดูแลผู้ชุมนุมให้เป็นไปตามกฎหมายและสิทธิขั้นพื้นฐานโดยไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยไปดูสถานการณ์ ไม่ใช่ไปบริหารสถานการณ์” นายสุทินกล่าว  
นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานติดตามการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนของ กมธ.การปกครอง กล่าวว่า เห็นการปล่อยข่าวเรื่องกองทัพมีคำสั่งให้เตรียมกำลังเต็มอัตราศึกเพื่อรับมือกับการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. แล้วรู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนที่ปราศจากอาวุธ ดังนั้นกองทัพจึงไม่จำเป็นต้องเตรียมกำลัง เพียงแต่ใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครของฝ่ายผู้ชุมนุมก็เพียงพอแล้ว เชื่อว่ามีคนทำหลักฐานปลอมเรื่องกองทัพสั่งเตรียมกำลังเพื่อปล่อยลงในโซเชียลฯ ให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งจะมีผลต่อการที่ผู้ปกครองจะตัดสินใจปล่อยบุตรหลานมาชุมนุมเพราะกลัวจะเกิดอันตราย ซึ่งถือว่าโชคดีมากที่กองทัพออกมายืนยันแล้วว่าไม่เป็นความจริง เพราะฉะนั้นผู้ปกครองทุกท่านคงสบายใจได้ว่าลูกหลานจะปลอดภัย และการชุมนุมก็คงเรียบร้อยเหมือนกับทุกครั้ง
“จากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเชื่อว่าจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมทุกเพศทุกวัยเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้ผู้จัดการชุมนุมและเจ้าหน้าที่รัฐประสานงานกันอย่างใกล้ชิด เพื่อกำหนดแนวทางการชุมนุมให้เรียบร้อยเป็นไปตามกฎหมาย และควรยังต้องคุมเข้มในมาตรการด้านสาธารณสุข เพราะสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิดก็ยังวางใจไม่ได้เสียทีเดียว” นายการุณกล่าว
ฎีกา!ห้ามรัฐประหาร
นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรค พท. กล่าวว่า หลังกลับจาก จ.ลพบุรี ทราบว่าทหารในพื้นที่กังวลและไม่เห็นด้วยหากจะมีการรัฐประหารอีกครั้ง ซึ่งหากเกิดการรัฐประหาร จะรวบรวมรายชื่อคนลพบุรียื่นถวายฎีกาต่อพระมหากษัตริย์ เพื่อไม่ให้พระองค์ทรงลงพระปรมาภิไธยรับรองรัฐประหาร เพราะถ้าไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย คณะที่ยึดอำนาจจะกลายเป็นกบฏทันที
 “มีคนเขาเล่าว่าจากงานเลี้ยงรุ่นทหารรุ่นหนึ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เป็นรุ่นที่มีอำนาจสั่งการได้ บอกว่าพร้อม เขาจะตัดอำนาจก่อนวันที่ 19 ก.ย. ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นวันที่ 17 ก.ย. นอกจากนี้ในค่ายทหารในลพบุรียังเงียบผิดสังเกต หากมีการรัฐประหารจริงจะทำให้ก็ทำให้บ้านเมืองตายแน่” นายอุบลศักดิ์กล่าว
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า กลุ่มปลดแอก กลุ่มแนวร่วม หรือกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มประชาธิปไตยทั้งหลาย พยายามจัดชุมนุมสาธารณะขึ้นในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันที่ 19 ก.ย.นั้น จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีกลุ่มผลประโยชน์หรือกลุ่มทุนอยู่เบื้องหลัง หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่าท่อน้ำเลี้ยง เพราะการจัดชุมนุมสาธารณะแต่ละครั้งจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอย่างมากมาย ลำพังนักเรียน นักศึกษา ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่มีรายได้ ต้องแบมือขอเงินจากพ่อแม่ผู้ปกครองมาใช้ จะนำเงินมากมายมาใช้จ่ายเพื่อการจัดชุมนุมเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก
“การจัดชุมนุมที่ผ่านมาปรากฏว่ามีบุคคลต่างๆ ที่แสดงตนเป็นท่อน้ำเลี้ยง รวมทั้งกลุ่มต่างๆ ก็ยังได้เปิดบัญชีธนาคารรับบริจาคเผยแพร่ในสื่อออนไลน์มากมาย ซึ่งการชุมนุมสาธารณะที่ผ่านมาปรากฏชัดเจนว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายมากมาย จึงเข้าองค์ประกอบในความผิดมูลฐาน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านมาพนักงานเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่ร่วมบริจาคหรือเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด ซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวการร่วมตามประมวลกฎหมายอาญา สมาคมฯ จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อ ปปง.ในวันพุธที่ 16 ก.ย. เพื่อดำเนินการไต่สวนสอบสวนเอาผิดต่อไป” นายศรีสุวรรณกล่าว.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"