15 ก.ย.63 - เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ลานปรีดี หน้าตึกโดม ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตศิษย์เก่า ม.ธรรมศาสตร์ กับกลุ่มผู้สนับสนุน เดินทางมายื่นหนังสือพร้อมรายชื่อศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ 2,966 รายชื่อ ให้อธิการบดี ยืนยันไม่เห็นด้วยที่จะใช้ ม.ธรรมศาสตร์ ในการชุมนุม วันที่ 19 ก.ย. 2563
โดยทางกลุ่มได้ยื่นคำชี้แจงสรุปได้ว่า คำขอนี้มีกรอบอยู่ที่การสนับสนุนการออกคำสั่งไม่อนุญาตให้ชุมนุมของอธิการบดีเท่านั้น ส่วนการบังคับตามคำสั่งไม่อนุญาตว่า อธิการบดีจะปิดมหาวิทยาลัยจริงๆ อย่างไรนั้น ไม่ขอก้าวล่วงหรือบีบคั้นด้วยประการใดๆ เพราะจะเป็นการเข้าไปมีอำนาจโดยไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง
กิจกรรมการรวมตัวนี้ยุติลงเมื่อยื่นบันทึกแล้วส่วนไลน์ ปิด มธ.พอกันทีวีรชน จะปิดตามมาในวันที่ 20 ก.ย.หลังจากเก็บข้อมูลรายงานกลุ่มศิษย์เก่าเรียบร้อยแล้วว่า เกิดอะไรขึ้นกับมหาวิทยาลัยในวันที่ 19-20 ก.ย.
ขอชี้แจงย้ำว่า เราไม่ได้ปฏิเสธซึ่งเสรีภาพทางความคิดของนักศึกษากลุ่มนี้หรือของผู้ใด แต่เห็นว่าการใช้เสรีภาพในการชุมนุมในครั้งนี้เป็นการใช้สิทธิที่ยอมรับไม่ได้ จนธรรมศาสตร์ไม่ควรเกี่ยวข้องด้วย ส่วนเขาจะคิดจะพูดอย่างไรไม่ใช่เรื่องที่เราคัดค้าน ในหมู่เราเองก็มีผู้เห็นตรงกับนักศึกษาในเรื่องนั้นเรื่องนี้เช่นกัน แต่พอมาถึงวิธีการแสดงออกด้วยการชุมนุมในครั้งนี้ เราทุกคนกลับเห็นตรงกันว่ายอมรับให้ใช้ธรรมศาสตร์ไม่ได้
คำปฏิเสธนี้เป็นไปตามเหตุผลจากบันทึกที่จ่ายแจกไปแล้วว่า การใช้ชื่อของคนในธรรมศาสตร์และใช้สถานที่ธรรมศาสตร์เพื่อความเคลื่อนไหวที่สุ่มเสี่ยงสูงสุด แต่หาคนรับผิดชอบแท้จริงไม่ได้เช่นนี้ ผิดมาตรฐานประชาธิปไตย และมาตรฐานธรรมศาสตร์โดยสิ้นเชิง
เฉพาะในส่วนที่นายแก้วสรร ผู้รวบรวมรายชื่อนี้ ขอใช้สิทธิส่วนตัวปฏิเสธการให้ร้ายบิดเบือนจากรุ่นพี่ธรรมศาสตร์ที่เคยเคารพว่า ในทางความคิดแล้วขอยืนยันว่าตนเองก็ไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจของ คสช.เช่นกัน และไม่เคยใช้เวที กปปส.กวักมือเรียกให้ทหารออกมาปฏิวัติ ดังที่พี่ได้ใส่ร้ายด้วยโมหะและโทสะอันฝังลึกอยู่ในตัวตน
"สิ่งที่ผมและพี่น้องในกลุ่มศิษย์เก่าเห็นตรงกัน ปฏิเสธร่วมกันจริงๆ ก็คือการเคลื่อนไหวสร้างความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองตามทัศนะของตน ด้วยความไม่รับผิดชอบไม่เคารพสิทธิของคนอื่น รวมทั้งสร้างกำลังทางการเมืองด้วยความจงเกลียดจงชังปลุกปั่นคนไทยไปจนถึงลูกเล็กเด็กแดง แตกเป็นฝักฝ่ายเช่นปัจจุบัน" คำชี้แจงระบุ
นายแก้วสรร ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่เชื่อว่าแกนนำนักศึกษาจะสามารถควบคุมม็อบได้ หากมีการปลุกปั่นมาจากไซเบอร์ เหล่านี้ไม่ใช่เพียงความหวั่นวิตก ถือเป็นความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าการให้นักศึกษาไปชุมนุมภายนอก จะไม่เป็นอันตรายมากกว่าการเปิดพื้นที่ให้ชุมนุมภายในมหาวิทยาลัยหรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า ได้แต่แสดงความเป็นห่วง เพราะไม่ทราบว่าเป็นคนกลุ่มใดบ้าง ไม่เคยมีใคร 2-3 คนทำลับๆ ล่อๆ แบบนี้ สุ่มเสี่ยงไม่โปร่งใส เลี่ยงกฎหมายเช่นนี้ ถ้าชุมนุมให้ถูกต้อง จัดอภิปรายให้ถูกต้องอย่างโปร่งใส มีความชัดเจน หากเป็นเช่นนี้ตนเองก็จะไม่มายุ่ง
เมื่อถามถึงการจัดการชุมนุมของนักศึกษาได้ขออนุญาตมหาวิทยาลัยและมีคณาจารย์รับรองถือว่ามีความโปร่งใสหรือไม่ นายแก้วสรร ตอบว่า วิธีปฏิบัติและวิธีพูดต้องแยกออกจากกัน จะไปทำอย่างไรตนไม่เกี่ยว แต่พฤติการณ์และคำพูดเท่าที่ตนเองเห็น เราเห็นว่าไม่ควรจะจัดในพื้นที่แห่งนี้
ส่วนกรณีที่นักศึกษาชูธง 10 ข้อเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ นายแก้วสรร ตอบว่า ไม่ขอก้าวล่วงความคิดเห็นของนักศึกษาว่าจะผิดหรือถูก ซึ่งความคิดหลายอย่างตนเองเห็นด้วย แต่หากเคลื่อนไหวเช่นนี้ตนเองไม่เอาด้วย บ้านเมืองเวลานี้มี 2 พวก พวกหนึ่งคือพวกใช้สิทธิใช้อำนาจตามอำเภอใจ กับอีกพวกหนึ่งอยากใช้สิทธิโดยสงบ มีกฎหมายชุมนุมสาธารณะ ก็บังคับใช้ตามเรื่องเพื่อความโปร่งใส และในสภาขอให้ทำงาน อย่าไปทำเรื่องบ้าๆ บอๆ มันหมดยุคที่จะนั่งลุ้นว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ความคับข้องใจตรงนี้ก็คืออยากจะเปลี่ยนอนาคต เปลี่ยนวิธีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ขอให้ทำตัวให้ได้มาตรฐาน
ถามว่าวันที่ 19 ก.ย. ทางกลุ่มจะมีการชุมนุมหรือไม่ นายแก้วสรร ยืนยันว่ากลุ่มของตนเองจะสลายตัว ซึ่งหากยังมีการรวมตัวให้มาด่าตนเองได้เลย
หลังให้สัมภาษณ์ นายแก้วสรรได้นำช่อดอกไม้ไปวางที่อนุสาวรีย์ปรีดี พนมยงค์ พร้อมกล่าวว่า เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และธรรมศาสตร์ต้องพ้นเงื้อมมือเผด็จการม็อบ
จากนั้นนายแก้วสรร ได้เข้าไปในตึกโดมยื่นหนังสือตามเวลานัดหมาย แต่อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้มอบหมายให้นางณัฐธยาน์ มิตรมูลพิทักษ์ ผอ.กองบริหารศูนย์ท่าพระจันทร์ มารับหนังสือของกลุ่มศิษย์เก่า แต่นายแก้วสรร ระบุว่านัดหมายกับอธิการบดีไว้และต้องการยื่นหนังสือให้ถึงมืออธิการบดีด้วยตัวเอง
ต่อมารองอธิการบดีฝ่ายบริหาร ได้ลงมาแจ้งว่าอธิการบดีอนุญาตให้นายแก้วสรรขึ้นไปยื่นหนังสือบนห้องทำงานได้ พร้อมให้เหตุผลว่าสาเหตุที่ไม่ลงมารับหนังสือตั้งแต่ครั้งแรกนั้น เนื่องจากไม่ต้องการให้เป็นประเด็นว่าเหตุใดจึงรับของบางกลุ่มและไม่รับบางกลุ่ม แต่เนื่องจากนายแก้วสรรได้นัดหมายล่วงหน้า จึงยอมให้ขึ้นไปพบ
ภายหลังยื่นหนังสือแล้ว นายแก้วสรร เปิดเผยว่า ได้ให้กำลังใจอธิการบดี และบอกว่าเคารพการตัดสินใจ เพราะเข้าใจว่าทำงานหนัก
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |