ไฟเขียว4ญัตติฝ่ายค้านไม่ซ้ำซ้อน


เพิ่มเพื่อน    

  "ชวน-วิษณุ" ชี้ 4 ญัตติฝ่ายค้านเป็นคนละหลักการกับญัตติก่อนหน้านี้ ลงชื่อไม่ซ้ำซ้อน  "ก้าวไกล" ซัด "ไพบูลย์" ถ่วงความเจริญ "เพื่อไทย" ยันเป็นทางออกเพื่อแก้วิกฤติประเทศ เตือนอย่าขวาง จี้ ส.ว.คืนอำนาจให้ประชาชน ถึงเวลา "ประยุทธ์" ต้องลาออก

    ที่รัฐสภา วันที่ 14 กันยายน นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ผ่านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยนายไพบูลย์กล่าวว่า ขอคัดค้านร่างบรรจุแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทั้ง 4  ฉบับของฝ่ายค้าน เพราะมีปัญหาไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เนื่องจากในร่างดังกล่าวมีรายชื่อ ส.ส.ซ้ำซ้อนกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 256 เพื่อเปิดทางตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอต่อประธานรัฐสภาเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งประธานรัฐสภาได้สั่งให้บรรจุในระเบียบวาระเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    "ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม 4 ฉบับมีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญเป็นไปตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2563 ฉบับลงวันที่ 29 มกราคม 2563 เรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎรเสนอความเห็นของ ส.ส.จำนวน 77 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง (1) ว่าร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแก่รัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้ในคำสั่งหน้าที่ 4 ว่า เมื่อตรวจสอบคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า ประเด็นที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นประเด็นเดียวกันกับเรื่องพิจารณาที่ 3/2563 ซึ่งมีรายชื่อ ส.ส.ผู้เสนอ ความเห็นซ้ำกับเรื่องดังกล่าวจำนวน 30 คน จึงทำให้จำนวน ส.ส.ที่เข้าชื่อเสนอความเห็นตามคำร้องนี้มีจำนวนไม่ถึง 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา หรือ 75 คน กรณีนี้จึงไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง" นายไพบูลย์กล่าว
    นายไพบูลย์กล่าวอีกว่า จากข้างต้นย่อมหมายความว่าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าการลงรายชื่อของ ส.ส.จะลงรายชื่อได้ครั้งเดียวเท่านั้น จะมีรายชื่อซ้ำในทำนองเดียวกันไม่ได้ ดังนั้นจึงขอคัดค้านการบรรจุร่างแก้ไข 4 ฉบับที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอเข้าสู่วาระการประชุม ด้วยเหตุมาตรา 256 (1) เพราะมีการลงชื่อซ้ำกันในเรื่องเดียวกันกับที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยมีคำวินิจฉัยไว้ในคำสั่งที่ 5/2563 โดยส่วนตัวเห็นว่าถ้ามีการบรรจุ 4 ฉบับเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา ทั้งที่ไม่มีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญก็จะเกิดปัญหาตามกฎหมายในภายหลัง ดังนั้นตนจึงมีหนังสือกราบเรียนท่านประธานรัฐสภาได้โปรดพิจารณายับยั้งการบรรจุทั้ง 4 ฉบับไว้ก่อน เพื่อตรวจสอบกฎหมายให้ยุติ โดยดำเนินการให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วยเหตุมีปัญหาเกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ของรัฐสภาในการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของสมาชิกรัฐสภาตามมาตรา 256 (1)
    ด้านนายสมบูรณ์กล่าวว่า จะนำหนังสือดังกล่าวเข้าสู่ระบบ ทั้งนี้ร่างแก้ไขขณะนี้สภาเสนอมาทั้งหมด 7 ร่าง ทั้งของฝ่ายค้านที่นำโดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย  ฉบับของพรรคร่วมรัฐบาล และมีอีก 5 ร่างอยู่ระหว่างการตรวจสอบของประธาน โดยนายชวนจะตรวจสอบแก้ไขเพิ่มเติมว่าต้องด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 255 ห้ามเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือรูปแบบของรัฐ อีกทั้งต้องตรวจสอบจำนวน ส.ส.ตามมาตรา 255 อนุหนึ่ง ต้องมาจาก ครม.หรือ ส.ส.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 เท่าที่มีอยู่ของ ส.ส. โดยจำนวน ส.ส.ปัจจุบันมี 488 คน หรืออย่างน้อย 98 คน รวมทั้งตรวจสอบรูปแบบว่ามีหลักการเหตุผลของร่างหรือไม่ด้วย
'ชวน' ยัน ส.ส.ลงชื่อไม่ซ้ำซ้อน
    เมื่อถามว่า ส.ส.ลงรายชื่อซ้ำกันได้หรือไม่ นายสมบูรณ์ชี้แจงว่า ต้องพิจารณาว่าตรงตามมาตรา  256 หรือไม่ และเบื้องต้นสมาชิกลงรายชื่อซ้ำกันคงไม่เป็นไร เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้จำกัดสิทธิ์ไว้ ถามว่าการยื่นแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับเป็นการแก้ไขคนละมาตรา ดูแล้วเนื้อหาน่าจะเป็นคนละแบบ ทำให้สามารถลงชื่อซ้ำซ้อนกันได้หรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า ก็ถือเป็นการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญเหมือนกัน ทุกญัตติคือการยื่นรายมาตรา อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวทราบว่าฝ่ายค้านสงสัยเช่นกัน จึงได้ทำหนังสือไปสอบถามสำนักเลขาธิการสภาว่าสามารถลงชื่อหลายญัตติได้หรือไม่
     นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ขณะนี้ 4 ญัตติของฝ่ายค้านอยู่ในกระบวนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ถึงความถูกต้องในการเข้าชื่อ แต่ได้บรรจุ 2 ญัตติแรกของผู้นำฝ่ายค้านและของพรรคร่วมรัฐบาลไปแล้ว ส่วน 4 ญัตติดังกล่าวเบื้องต้นพบว่ามีปัญหาการเข้าชื่อ 3 ญัตติที่ ส.ส.บางคนมีลายเซ็นไม่เหมือนของตัวเอง จึงต้องตรวจสอบว่าเป็นการเข้าชื่อแทนกันหรือไม่ ส่วนปัญหา ส.ส.เข้าชื่อซ้ำกันนั้น นายชวนกล่าวว่าเบื้องต้นญัตติที่มีการเสนอมาทั้ง 4 ฉบับเป็นคนละเรื่องกัน แม้จะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเหมือนกันแต่คนละประเด็นกับ 2 ญัตติแรก ดังนั้น ส.ส.มีสิทธิ์ลงชื่อในแต่ละฉบับได้โดยไม่ถือว่าเป็นการซ้ำกัน
    นายชวนกล่าวต่อว่า กรณีที่นายไพบูลย์อ้างคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญว่าเคยมีคำสั่งไม่รับคำร้องของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในการเข้าชื่อเสนอคำร้องมายังตนเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 และศาลมีคำสั่งไม่รับคำร้องเพราะเห็นว่ามีการลงชื่อซ้ำกันนั้น กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องการส่งคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่กรณีนี้เป็นการเสนอร่างกฎหมาย เมื่อถามว่าจะต้องชะลอทั้ง 4 ญัตติหรือไม่หากมีการเข้าชื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ นายชวนกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระ
    ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ออกแถลงการณ์กรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ 4 ญัตติซ้ำซ้อนกับญัตติเดิมที่เสนอให้ตั้ง ส.ส.ร.ว่า ต้องให้นายชวนเป็นผู้วินิจฉัย ส่วนตัวเห็นว่าหากเป็นการยื่นคนละหลักการสามารถยื่นแก้ไขได้ เพราะไม่ถือว่าซ้ำและเป็นคนละร่างกัน แต่ถ้าเป็นหลักการเดียวกันถือว่าเป็นการลงชื่อซ้ำ
    นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสข่าวที่ ส.ว.เตรียมจะคว่ำญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในการยกเลิกมาตรา 272 ว่าด้วยการปิดสวิตช์ ส.ว. ตัดอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีว่า ยิ่งเป็นการยืนยันแล้วว่า ส.ว.คือตัวถ่วงประเทศ ส.ว.คือทางตันของประเทศไทย มันสะท้อนให้เห็นได้ชัดว่า ท่านไม่พร้อมฟังเสียงนักศึกษา ท่านไม่พร้อมฟังเสียงประชาชน แต่ท่านพร้อมทำทุกอย่างเพื่อคงอำนาจ สืบทอดอุดมการณ์เผด็จการไว้ ซึ่งเปรียบเสมือนการที่พวกท่านกำลังพายเรือต้านพายุของมวลชนและกลุ่มนักศึกษา ที่สถานการณ์นอกสภากำลังทวีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะพวกเขาไม่ไว้ใจให้พวกท่านบริหารประเทศต่อไป เขาจึงออกมาเรียกร้องในฐานะเยาวชน  
    ส่วนกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน เรียกร้องต่อประธานรัฐสภาเพื่อคัดค้านการบรรจุญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ 4 ญัตติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน นายณัฐชากล่าวว่า ตนคิดว่าขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังร่วมกันหาทางออกให้ประเทศด้วยการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่านั่นคือทางออกที่ดีที่สุด ท่ามกลางวิกฤติทางการเมืองและการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาที่เกิดขึ้น แต่วันนี้นายไพบูลย์ยื่นคัดค้านการบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 4 ญัตติ ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ การกระทำแบบนี้มันเห็นได้ชัดเจน ว่าท่านกำลังถ่วงความเจริญประเทศ ด้วยการเตะถ่วง ขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ตอบสนองข้อเรียกร้องของประชาชนและนักศึกษา ซึ่งไม่น่าแปลกเพราะการที่ท่านเข้ามาได้เป็น ส.ส.ทุกวันนี้ มันก็เกิดจากรัฐธรรมนูญ 60 ที่ร่างไว้ด้วยกลไกพิสดาร ส่งผลให้เกิดความพิกลพิการทางการเมือง ทำหน้าที่พิทักษ์รัฐบาลเผด็จการ โดยไม่สนว่ามันอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นความแย้งของคนในประเทศที่เรียกร้องให้แก้รัฐธรรมนูญ
    ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ ส.ว.บางคนระบุถึงการเพิ่มญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก 4 ญัตติของฝ่ายค้าน โดยเฉพาะการตัดอำนาจ ส.ว.ในเรื่องการปฏิรูป รวมทั้งการปิดทางนายกฯ คนนอกว่าเป็นการสร้างความขัดแย้งและทำให้ ส.ว.ไม่สนับสนุนนั้น ท้ายที่สุดแล้ว นักการเมืองทุกฝ่ายจะรับฟังเสียงและความต้องการของประชาชน เพราะสิ่งที่พรรคเพื่อไทยและฝ่ายค้านดำเนินการก็เป็นความพยายามทำให้การเมืองกลับไปสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และเป็นการสร้างกติกาประชาธิปไตยที่เป็นธรรมและเป็นสากล ไม่ได้ทำเพื่อคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด ซึ่งจะทำให้ประเทศไม่ต้องติดหล่มอยู่กับความขัดแย้งอันเกิดจากกติกาที่ไม่เป็นธรรมเหมือนที่ผ่านมา
    "ตอนนี้ประเทศภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์มีวิกฤติทุกด้าน ซึ่งเกิดมาจากความต้องการอยู่ยาวของ พล.อ.ประยุทธ์เอง โดยทุกฝ่ายถือว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งสิ้น ดังนั้นหากทุกฝ่ายเห็นแก่ชาติบ้านเมือง ขอเชิญชวนมาร่วมกันเร่งถอดสลักระเบิด อะไรที่ถอยกันได้หรือมีส่วนช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ก็สามารถมาพูดคุยกันเพื่อหาทางออก แม้ว่าทุกฝ่ายจะมีเงื่อนไขของตัวเองเป็นที่ตั้งก็ตาม โดยเชื่อว่าทุกฝ่ายมีวุฒิภาวะที่จะช่วยกันสร้างกติกาที่ดีได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งอำนาจพิเศษจากการรัฐประหารอีกต่อไป" น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
    ส่วนนายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ส.ว.จำนวนหนึ่งแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญรวม 4 ญัตติในแนวทางของพรรคฝ่ายค้านว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นความประสงค์ของประชาชน แต่ต้องผ่านสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคร่วมรัฐบาล เพียงแค่ต้องการขอความร่วมมือจาก ส.ว.ในการหาทางออกประเทศ ไม่ได้จ้องจะโยนความผิดหรือเพิ่มความขัดแย้ง รัฐธรรมนูญนี้ทำเพื่อสืบทอดอำนาจ ท่านเป็น ส.ว.มีความรู้ความสามารถ มีวุฒิภาวะ หากยังคงหาเหตุสร้างเงื่อนไขเพื่อขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญเช่นนี้ ประเทศชาติและประชาชนจะได้อะไร ประชาชนเขาไม่ทนอีกต่อไป และหากเกิดเหตุการณ์เลวร้ายใดๆ ท่านจะรับผิดชอบไหวหรือไม่ ในกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ท่านจะทำอะไรก็สุดแท้แต่ท่าน แต่ขอให้ตระหนักถึงที่มาที่ไปและความชอบธรรมการเข้าสู่อำนาจของท่าน เพราะเมื่อถึงเวลาประชาชนเจ้าของอํานาจอธิปไตยตัวจริงจะให้บทเรียนท่านเอง  
พท.บี้ 'ประยุทธ์' ลาออก
    นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอชื่นชมนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.ที่มีความเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ว่าสุดท้ายต้องทำประชามติ ฟังเสียงประชาชน จึงไม่ควรตีตกประเด็นที่ขอแก้ไขไปเสียแต่ต้น จากการที่ประเทศขาดความเชื่อมั่นทางการเมืองช่วง 6 ปีเศษที่ผ่านมา  ย่ำแย่ไปหมดทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนตัวไม่เคยโทษ ส.ว.ท่านใดเลย โดยเฉพาะ ส.ว.ส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ในภาคราชการและภาคเอกชน ซึ่งในการทำหน้าที่เป็นผู้ใช้กติกาตามรัฐธรรมนูญเป็นปลายเหตุ ถ้าจะโทษต้องโทษคนร่าง และผู้สั่งให้ร่างเพื่อการสืบทอดอำนาจ  จนเกิดความไม่เป็นธรรมในบ้านเมือง นอกจากนี้ถึงเวลาอันสมควรแล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะแสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นประเทศทางด้านการเมือง  และจะเป็นปัจจัยสำคัญในการคลี่คลายสถานการณ์ทางการเมืองทั้งในและนอกสภาได้เป็นอย่างดี
    คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 และตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่เป็นการไขกุญแจไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 โดยญัตตินี้เป็นความเห็นด้วยกับทั้งพรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ในขณะนี้ได้มีการบรรจุเข้าเป็นวาระแรกในวันที่ 23-24 ก.ย.นี้ ส่วนอีก 4 ญัตติที่ยื่นเพิ่มเติมเข้าไปนั้น เป็นการยื่นเพื่อเป็นทางออกที่ดีหากเกิดวิกฤติทางการเมืองขึ้น อย่างน้อยการคืนอำนาจให้ประชาชนจะเป็นประโยชน์มากที่สุด ทั้งนี้ไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยจะสามารถทำให้เสร็จสิ้นได้ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ซึ่ง 4 ญัตตินี้เป็นทางออกของประเทศ ขอให้รัฐบาลและ ส.ว.มีความจริงใจสนับสนุนให้มีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาญัตติแก้รัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค.เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการแก้วิกฤติในครั้งนี้ได้
    นายวัฒนา เมืองสุข คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การยื่นญัตติครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่พรรคการเมืองจะร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศ ขอฝากไปยัง ส.ว.ว่าการที่ได้แต่งตั้งเป็น ส.ว. ไม่ใช่ความผิดของ ส.ว. ไม่มีใครไปตำหนิความเป็น ส.ว. แต่ถ้า ส.ว.ไม่ตอบสนองความต้องการของสังคม จะเกิดการตำหนิ ส.ว. หากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ถ้า ส.ว.เห็นด้วย ประชาชนจะได้อำนาจคืน ที่สามารถเขียนรัฐธรรมนูญของประชาชนเองได้
    นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ด้านการพัฒนาพรรค พท.กล่าวว่า ความสำคัญของทั้ง 4 ญัตติที่ยื่นไป เป็นการตัดอำนาจของ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี และปิดช่องทางการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีคนนอก รวมถึงสามารถตรวจสอบคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้
    ที่สนามกีฬากรมยุทธ์ กรมยุทธศึกษาทหารบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก  (ผบ.ทบ.) ในฐานะสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณีที่มี ส.ว.เตรียมคว่ำ 4 ญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายค้านว่า ในส่วนของตนยังไม่เห็นรายละเอียดทั้ง 4 ญัตติ แต่ได้ให้เจ้าหน้าที่เตรียมนำร่างระเบียบที่จะเข้าสู่วาระการประชุมต่างๆ มาให้ดู เพราะต้องศึกษาก่อนว่ามีรายละเอียดอย่างไร ส่วนกรณีที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.ตั้งข้อสังเกตว่าการที่ฝ่ายค้านยื่น 4 ญัตติ เพื่อมีเจตนาให้ ส.ว.คว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น เป็นเรื่องการเมือง และในส่วนของผู้บัญชาการเหล่าทัพก็ไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องดังกล่าว  เราทุกคนก็ทำตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐธรรมนูญจะร่างมาอย่างไรแต่อย่าลืมว่าในส่วนของ ส.ว.เป็นบทเฉพาะกาล
    เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพยอมเสียสละไม่ใช้เสียงโหวต พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ทุกวันนี้เราก็ไม่ได้รับเงินเดือนและคืนเงินหมดแล้ว เพราะเราคุยกันเสมอและมองเห็นว่าเราเป็นข้าราชการประจำ แต่ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญในการเป็น ส.ว. จึงไม่อยากรับเงินเดือนสองทาง  ส่วนการแสดงความคิดเห็นหรือประเด็นต่างๆ ทางการเมืองถือว่าทำหน้าที่ของ ส.ว. ถามต่อไปว่าจะเสนอให้ยกเลิกบทเฉพาะกาลเลยหรือไม่ เพราะถ้าไม่ให้ ส.ว.เลือกนายกฯ ก็จะลดแรงต้านได้ พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่าไม่ทราบ.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"