ขายอุปกรณ์ร่วมม็อบ คณะก้าวหน้าฉวยโอกาสโปรโมตสินค้าสุดพิเศษ‘ช่อ’อ้างทำได้


เพิ่มเพื่อน    

 

"บิ๊กตู่" ลั่นม็อบคือลูกหลาน ไม่ต้องมีแผนรับมือแค่ดูแลความปลอดภัย บอกห้ามไปทำเนียบฯ ไม่ได้ ย้อนถามควรทำหรือไม่ "หน่วยมั่นคง" เชื่อ 19 ก.ย.แค่ชิมลางรอของจริงเดือน ต.ค. "สุชาติ" หวั่นหากเหตุการณ์เลวร้ายแบบฮ่องกงใครรับผิดชอบ "ทูตสหรัฐฯ" ยันไม่ยุ่งการเมืองไทย "คณะก้าวหน้า" โพสต์ขายอุปกรณ์ร่วมชุมนุม "ช่อ" เผยควง "ปิยบุตร" ไปม็อบ "ธนาธร" ยังหลบหลังอยู่ "พท." ปลุกคนร่วมอุดมการณ์ไป มธ. "จตุพร" ฉุนโดนเกรียนหาเปลี่ยนอุดมการณ์
    เมื่อวันที่ 14 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.ที่ยืนยันจะจัดภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ว่า ก็เป็นเรื่องของเขาและคงไม่ต้องไปเตรียมรับมืออะไรกับลูกหลานของพวกท่าน  มีลูกหลานของสื่อด้วยหรือเปล่า ตนเองก็ต้องดูแลให้ทุกคนปลอดภัย และรัฐบาลยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรให้เกิดความรุนแรง
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ได้บอกเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานไปแล้วว่าต้องดูแลให้ทุกคนปลอดภัย อย่าให้ใครมาใช้ประโยชน์ในการชุมนุมไปในเรื่องอื่นๆ วันนี้ประเทศเราเจอปัญหาเยอะอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ แต่ตนก็ไปขัดแย้งอะไรกับเขาไม่ได้ ต้องไปดูว่าเจตนาเขามีอะไรตรงไหนอย่างไร
    "การจะเข้าไปจัดกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นเรื่องของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่ใช่หรือ ผมไม่ไปก้าวล่วงอยู่แล้ว และถ้าเขาชุมนุมไม่ได้ เขามาที่ไหนผมก็ต้องดูแลอยู่ดี" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว  
    ถามว่า ถ้าจะเคลื่อนขบวนมาที่ทำเนียบรัฐบาลสามารถทำได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "แล้วจะไปห้ามได้หรือไม่" พร้อมย้อนถามสื่อว่า "ควรหรือไม่ มันควรทำไหม"
    "สื่อก็ถามแบบรู้อยู่แล้ว จะมาถามให้เคลียร์อย่างไรในเมื่อทุกคนก็อ้างว่าเป็นการชุมนุมบริสุทธิ์ ไม่ผิดกฎหมายก็ทำไป แต่ถ้าผิดกฎหมายขึ้นมาแล้วมาบอกว่ารัฐบาลรังแกใช้กฎหมายไปกดทับ อย่างนี้ก็ไม่เป็นธรรมกับผม โอเค พอแล้ว" นายกฯ กล่าว
    มีรายงานจากฝ่ายความมั่นคงประเมินสถานการณ์การชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.ว่า เป็นเพียงการทดลองรวมตัวและเคลื่อนขบวนมาที่ทำเนียบรัฐบาล โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะต่อรองให้กลุ่มผู้ชุมนุมส่งตัวแทนเดินทางมายื่นหนังสือ แต่หากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมและจะเคลื่อนขบวนมาทั้งหมด ก็จะให้อยู่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เนื่องจากตามกฎหมายการชุมนุมต้องอยู่ห่างจากทำเนียบรัฐบาล 50  เมตร และห่างจากเขตพระราชฐาน 150 เมตร
    หน่วยความมั่นคงระบุถึงการตั้งข้อสังเกตว่าจะมีการใช้ยุทธการมัฆวานรังสรรค์ว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้มองผู้ชุมนุมเป็นศัตรู เพราะคำว่ายุทธการจะเอาไว้ใช้รบกับข้าศึกเท่านั้น ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะใช้พื้นที่สนามหลวงในการชุมนุมนั้น ขณะนี้พื้นที่สนามหลวงแบ่งออกเป็นสองส่วน โดยอีกด้านหนึ่งสามารถใช้ชุมนุมได้
    "การชุมนุมครั้งนี้เปรียบเสมือนเป็นการซ้อมใหญ่ก่อนที่จะมีการนัดชุมนุมจริงในช่วงเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่สภาจะมีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 4 ญัตติที่ฝ่ายค้านเสนอ หากพิจารณาดูรายละเอียดแล้วทาง ส.ว.โหวตคว่ำร่างไม่เอาด้วย ก็จะเข้าทางกลุ่มผู้ชุมนุมใน 1 เงื่อนไขทันทีที่ไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้อง" แหล่งข่าวด้านความมั่นคงระบุ
    นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงานและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า เชื่อว่า ประชาชน 80-90% คิดถึง?การค้าขาย คิดถึง?ปากท้อง คิดถึง?การจ้างงานตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงการพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19 มากกว่า  
ทูตสหรัฐฯ ยันเป็นกลาง
    ถามว่าการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.นี้จะส่งผลกระทบต่อปากท้องหรือความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า มีคนหลายล้านคนที่ไม่เห็นด้วย เรื่องนี้เป็นความเห็นต่างทางการเมือง ซึ่งเราก็ไม่ว่ากันเพราะมีความเป็นอิสระตามระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นเรื่องที่สวยงาม แต่อย่าลืมว่าก็มีคนอีกหลายล้านคนที่มุ่งเน้นในการหางานทำ เพื่อจะได้มีรายได้ดูแลคุณพ่อคุณแม่ ครอบครัว หรือการใช้ชีวิตได้อย่างปกติโดยเร็ว
    "แกนนำที่ชวนน้องๆ มาชุมนุมกันเพื่อให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ ขอถามกลับว่าเป็นการทำเพื่ออะไร หรือเพื่อให้ใครได้ประโยชน์ตรงนี้หรือไม่ และถ้าเมื่ออยู่ไม่ได้ แล้วต่อไปจะทำอย่างไร ต้องการให้มีการเลือกตั้งใหม่ แก้รัฐธรรมนูญ แล้วจะเดินหน้าอย่างไร ใครจะมาสานงานตามนโยบายต่างๆ ที่กำลังทำอยู่ และถ้าเลวร้ายแบบประเทศฮ่องกง แล้วนโยบายที่ทำอยู่จะทำอย่างไร การจ้างงาน 1 ล้านตำแหน่ง จ้างงานเด็กจบใหม่ 2.6 แสนคน ใครจะรับผิดชอบอนาคตพวกเขา อยากถามไปถึงแกนนำว่าจะรับผิดชอบ?ได้หรือไม่ หากทำให้คนไทยที่กำลังจะมีงานทำต้องกลับมาตกงานตามเดิมและประเทศชาติเสียหาย" นายสุชาติกล่าว
    ที่ทำเนียบรัฐบาล นายไมเคิล จอร์จ ดีซอมเบร เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย  เข้าเยี่ยมคารวะนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นนายอนุชาให้สัมภาษณ์ว่า นายไมเคิลได้นำเอาเอกสารและข้อเสนอมาให้พิจารณาเรื่องการค้าและการลงทุน ซึ่งท่านเป็นภาคเอกชนในรอบ 45 ปีที่ถูกแต่งตั้งเป็นเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ดังนั้นจึงมีเจตนาทำการค้าและการลงทุนกับประเทศไทยให้มากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ด้วย โดยหลังจากนี้ตนจะนำข้อเสนอมาพิจารณาเพื่อไปสู่การปฏิบัติต่อไป
    ถามว่านายไมเคิลได้แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์การชุมนุมของประเทศไทยหรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า นายไมเคิลได้แจ้งว่าได้ออกหนังสือแถลงการณ์ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้างหนึ่งข้างใด และไม่เคยสนับสนุนข้างหนึ่งข้างใด และไม่ได้ยืนสนับสนุนหรือยืนเคียงข้างฝ่ายใดเลย
    "แถลงการณ์ของสถานทูตสหรัฐอเมริกาเป็นสิ่งยืนยันของเจตนารมณ์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ยังอยากเห็นประเทศไทยของเราสงบสุข อยากเห็นการแก้ปัญหาด้านการเมืองที่เป็นไปตามแบบของไทยเรา" นายอนุชากล่าว
    วันเดียวกัน เฟซบุ๊กคณะก้าวหน้าได้มีการประกาศขายอุปกรณ์ร่วมการชุมนุม โดยระบุว่า "สั่งด่วน! เตรียมตัวสู่ 19 ก.ย. กับเซ็ทสินค้าสุดพิเศษ 'แคมป์ในเมือง' Urban Camping Set ใน 1 มีสินค้า 8 ชิ้น  พร้อมลดสูงสุด 60% เตรียมพร้อมไปม็อบ ทั้งเสื้อยืด กระติกน้ำ พัด หมวก ร่ม เป็นต้น ชุดเล็กราคา 499 ชุดใหญ่ 799 บาท โดยสั่งซื้อภายในวันจันทร์ที่ 14 ก.ย.นี้เท่านั้น และสินค้าจะถูกจัดส่งภายในวันอังคารที่ 15 ก.ย. เพื่อให้ท่านได้รับของทัน 19 ก.ย. #ถนนทุกสายมุ่งสู่ธรรมศาสตร์"  
    น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า กล่าวถึงการประกาศขายอุปกรณ์ร่วมการชุมนุมว่า การขายของไม่ได้เป็นเรื่องที่มีความผิดใดๆ สามารถทำได้ หากฝ่ายความมั่นคงจะมองว่าเป็นการเชื่อมโยงหรือสนับสนุนการชุมนุม และใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือจริง ก็เป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้กันทางกฎหมายต่อไป
    "นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และดิฉันจะไปร่วมชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วย ส่วนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ยังไม่แน่ชัดว่าจะไปร่วมหรือไม่" น.ส.พรรณิการ์กล่าว  
พท.ปลุกร่วมม็อบ 19 ก.ย.
    ส่วนนายนคร มาฉิม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ "เชิญมาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ยุคใหม่ให้กับประเทศไทยของเราในการชุมนุมใหญ่ 19 กันยานี้ ที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์" โดยเนื้อหาระบุว่า "การนัดชุมนุมใหญ่ของคณะประชาชนปลดแอกซึ่งประกอบด้วย นักเรียน  นิสิต นักศึกษา และประชาชนทุกหมู่เหล่าในวันที่ 19 กันยานี้ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์  ถือเป็นการรวมตัวกันครั้งสำคัญของมวลชนฝ่ายประชาธิปไตย ที่ตื่นรู้ ที่ตาสว่าง ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน  เพื่อให้ได้มาซึ่ง สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ภราดรภาพ และประชาธิปไตย ของนักสู้ผู้ซึ่งไม่ยอมตกเป็นทาส ไพร่ ของเหล่าเผด็จการศักดินาล้าหลัง"
    นายนครระบุตอนหนึ่งว่า "เกือบศตวรรษที่ผ่านมาระบอบเผด็จการได้ร่วมกัน สมคบคิดกันทำรัฐประหารปล้นประเทศ ปล้นอำนาจของประชาชนสำเร็จไป 13 ครั้ง สร้างความทุกข์ยาก แร้นแค้นให้เกิดแก่ราษฎรมายาวนาน ที่สำคัญพวกเผด็จการทรราชได้จับกุม คุมขัง ทำร้าย ทำลายประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย ต้องบาดเจ็บ ล้มตาย สูญหายหลายร้อย หลายพันชีวิต โดยที่พวกเขาไม่เคยต้องรับผิดชอบ และพวกเขาจะได้รับการนิรโทษกรรมทุกครั้งที่ทำการรัฐประหารยึดอำนาจสำเร็จ
    อยากให้มวลชนฝ่ายประชาธิปไตยทุกหมู่เหล่า ทั้งนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนได้ผสานพลังเป็นหนึ่ง ด้วยหัวใจที่เข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ด้วยความเสียสละ มาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ยุคใหม่ ที่เต็มไปด้วย สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพ ความเจริญไพบูลย์ให้กับประเทศของเรา เพื่อลูกหลานของเราทุกคน และร่วมกันล้างมรดกบาปของเผด็จการทรราชให้สิ้น ทวงคืนทรัพย์สินให้กลับมาเป็นของคนไทยทุกคน ร่วมกันส่งมอบอนาคตที่ดีให้ลูกหลานของเราสืบไป ดีกว่าให้กาลเวลา และความแก่เฒ่ากลืนกินชีวิตไปอย่างไร้ความหมาย" รองหัวหน้าพรรค พท.ระบุ
    ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ peace talk ชี้แจงกรณีรูปภาพนั่งร่วมโต๊ะกับนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า "ไม่ได้หมายถึงความเชื่อทางการเมืองของตนจะเปลี่ยนแปลงไปอยู่กับอีกฝ่ายที่มาสังสรรค์งานวันเกิดนายประสาร มฤคพิทักษ์ ครบรอบ 72 ปี การต่อสู้ของตนตั้งแต่อดีตและปัจจุบัน ยืนยันได้ว่าไม่มีความขัดแย้งเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นความเชื่อทางการเมืองที่แตกต่างกันเท่านั้น และความเชื่อที่แตกต่างกันนั้น ในทางส่วนตัวของชีวิตมนุษย์แล้ว ไม่จำเป็นต้องจมอยู่กับความชิงชัง พกแต่ความคับแค้นของกันและกันเสมอไป"
    นายจตุพรกล่าวว่า "ในงานบรรจุอัฐิวีรชนพฤษภา 2535 ยังเจอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เคยร่วมขบวนการต่อสู้ในปี 2535 ด้วยกัน แต่ในปี 2553 ต้องมาต่อสู้กัน ก็ไม่มีปัญหา เนื่องจากไปร่วมงานในวีรชนปี 2535 ดังนั้นการเจอกันจึงเป็นเรื่องปกติ และมีมารยาททางสังคมต่อกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถ้าเป็นช่วงการต่อสู้ต่างคนต่างทำหน้าที่ แต่ในปัจจุบันไม่มีใครต้องต่อสู้กัน ตนรู้เวลาต่อสู้ทางการเมืองต้องต่อสู้อย่างไร แต่ในเวทีที่เป็นวิญญูชนก็เจอกันแบบวิญญูชนกัน
    การคุยกับอดีตนายกฯ อานันท์นั้น ทำไมธนาธรกับปิยบุตรไปคุยได้ แล้วจตุพรทำไมถึงคุยไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายคุยได้ตามปกติ และนายอานันท์ก็มีความเป็นตัวตน เอกลักษณ์ของท่าน ส่วนการต่อสู้เป็นแนวทางของใครก็ของคนนั้นอยู่แล้ว องค์กรใครก็ของคนนั้นอยู่แล้ว นายไข่ วงมาลีฮวนน่ามางานศพพ่อนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยังร่วมร้องเพลงด้วย แม้ทางการเมืองเคยขึ้นเวทีกับฝ่ายหนึ่ง แต่ในด้านชีวิตแล้ว พวกเขารู้จักคบกันมายาวนาน แล้วกลับมาร้องเพลงในงานที่มีความสำคัญกับชีวิตของอีกคนหนึ่งได้  มนุษย์อย่าเห็นแก่ตัวกันให้มาก แค่เห็นรูปภาพก็โพสต์แล้วต้องแยกแยะ" นายจตุพรกล่าว
    เช่นเดียวกับนายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กล่าวถึงภาพในโลกโซเชียลที่ได้พบปะกับนายจตุพรจนถูกเชื่อมโยงเป็นประเด็นการเมืองว่า ตนกับนายจตุพร  นายสุริยะใส และประธานญาติวีรชนพฤษภา 2535 พบปะกันในงานต่างๆ ในระยะหลังอยู่เสมอ ก่อนสมัยทักษิณเราก็เคยร่วมกันต่อสู้เพื่อคนจนและความเป็นธรรม เมื่อมีกรณีทักษิณจุดยืนทางการต่อสู้ก็ตรงข้ามกัน สมัยต่อสู้ทางการเมืองเราไม่เคยพบกัน เมื่อวันเวลาผ่านไปปัญหาทางการเมืองเปลี่ยนไป  แต่จุดยืนของเราก็คงเดิมคือความเป็นธรรมกับประชาธิปไตย
    ขณะที่นายพิชิต ไชยมงคล ผู้ประสานงานกลุ่มประชาชนคนไทย ออกแถลงการณ์ตอนหนึ่งระบุว่า  "กลุ่มประชาชนคนไทยจะได้ให้ตัวแทนเข้ายื่นหนังสือถึงประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ผ่านเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ให้ยึดมั่นและปฏิบัติตามความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยไม่แทรกแซงกิจกรรมใดๆ ภายในประเทศไทยทั้งสิ้น ในวันพุธที่ 16 ก.ย. เวลา 10.30 น.เป็นต้นไป".

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"