วันนี้ - นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า กรมการศาสนา (ศน.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้ส่งเสริมให้ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ หรือ ศพอ. ก้าวไปสู่ความเป็น “ศูนย์เรียนรู้ คู่คุณธรรม” ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากภาคคณะสงฆ์ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ให้ความร่วมมือในการส่งเสริมและพัฒนาให้ ศพอ. มีคุณภาพและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาชุมชน ปัจจุบันมีจำนวนกว่า 3,700 ศูนย์ทั่วประเทศ มีผู้เรียน ครูผู้สอน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมากกว่า 1 ล้านคน การดำเนินงานนอกจากการเรียนการสอนตามหลักสูตรธรรมศึกษา ชั้นตรี ชั้น โท และชั้นเอกแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา และเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านศาสนพิธีด้วย
อธิบดี ศน. กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ หรือ ศพอ. มีคุณภาพมากขึ้นศน. จึงได้มีแนวทางให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักธรรมทางศาสนาผ่านการปฏิบัติจริงด้านศาสนพิธี หรือพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งศาสนาทุกศาสนาจำเป็นต้องมีพิธีกรรมทางศาสนา เป็นเครื่องมือในการให้ศาสนิกชนของตนใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาที่มีลักษณะเป็นรูปธรรมร่วมกัน โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา ซึ่งจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ วิทยากรผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านศาสนพิธี ไปสร้างองค์ความรู้ ระเบียบแบบแผน ข้อปฏิบัติต่าง ๆ เกี่ยวกับศาสนพิธีเบื้องต้น แก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั่วประเทศ มีการเรียนรู้และฝึกปฏิบัติจริง โดยมุ่งหวังให้เกิดการสืบสานรักษา และต่อยอดองค์ความรู้ด้านศาสนพิธี ส่งผลให้ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์เป็นแหล่งบ่มเพาะคุณธรรมจริยธรรมอย่างเป็นรูปธรรมโดยแท้จริง ทั้งมีบทบาทช่วยส่งเสริมและปลูกฝังคุณธรรมพื้นฐานให้แก่เด็กและเยาวชนผ่านการฝึกปฏิบัติจริง เรียนรู้จากการปฏิบัติ มีความภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมไทยที่มีคุณค่า โดยจะดำเนินการในศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 5 แห่ง ประกอบด้วย ศพอ.วัดทัศนารุณสุนทริการาม เขตราชเทวี ศพอ.วัดพรหมวงศาราม เขตดินแดง ศพอ.วัดเรืองยศสุทธาราม เขตบางคอแหลม ศพอ.วัดอัมพวัน เขตดุสิต และ ศพอ.โรงเรียนพระราม ๙ กาญจนาภิเษก เขตห้วยขวาง