อย่าพาคนไปตาย!


เพิ่มเพื่อน    

 

          เป็นที่ถกเถียงว่า....

            วันที่ ๑๙ กันยายนนี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ควรเปิดสถานที่ให้มีการชุมนุม โดยกลุ่มเยาวชนปลดแอกหรือไม่?

            มีทั้งฝ่ายที่คัดค้าน

            และเห็นด้วย

            แค่เริ่มต้นก็เห็นถึงความขัดแย้งทางความคิดที่เกิดขึ้น

            หากยึดตามหลักการระบอบประชาธิปไตย การใช้สิทธิ เสรีภาพ ไม่ว่าจะใช้ที่ไหน สามารถทำได้ หากไม่ขัดต่อกฎหมาย รวมไปถึงจารีต และวัฒนธรรม

            เช่นไปวัด จะอ้างเสรีภาพประชาธิปไตย ใส่สายเดี่ยว ขาสั้นจู๋ ไม่ผิดกฎหมาย แต่ไร้วัฒนธรรม

            กลุ่มนักศึกษายืนกรานเข้าไปชุมนุมภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

            ขณะที่ผู้บริหาร ยังไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่ จนกว่าการอนุญาตจัดชุมนุมของนักศึกษา จะเป็นไปตามที่ประกาศกำหนดไว้

            มิได้ปิดประตูตายว่าห้ามชุมนุม

            แต่....สถานการณ์เลยเถิดไปไกลแล้ว

            นักศึกษาด่าครูบาอาจารย์ว่าเป็นขี้ข้ารับใช้เผด็จการ

            พรรคการเมืองฝ่ายค้านร่วมถล่ม ว่ารัฐบาลต้องการปิดปากประชาชน

            เมื่ออารมณ์อยู่เหนือเหตุผล หายนะอาจรออยู่ข้างหน้า

            แกนนำนักศึกษาธรรมศาสตร์ โจมตีผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าเป็นทาสเผด็จการ ขณะที่ตัวเอง ตกเป็นทาสทางอารมณ์

            ไม่ใช่อารมณ์คนอื่น เป็นอารมณ์ของตนเอง

            ดังเช่นกรณี "เพนกวิน" ทำวงแตกบ่อยครั้ง

            คนลักษณะนี้จึงไม่ควรเป็นผู้นำ หรือชี้นำทิศทางการชุมนุม

            ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

            ก่อนจะถึงวันที่ ๑๙ กันยายน ทุกฝ่ายมีหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นแกนนำนักศึกษา ผู้บริหารมหาวิทยาลัย  เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมไปถึงมวลชนที่จะเข้าร่วมชุมนุม จะต้องมีความชัดเจนเรื่อง การชุมนุมโดยสันติ

            บางคนบอกว่า สันติปราศจากอาวุธ มีด ดาบ ปืน ระเบิด ก็พอแล้ว

            แต่หารู้ไม่ว่า อาวุธ ที่สำคัญในการชุมนุมคือ "ปาก"

            "ปาก" นี่แหละ จะเป็นอาวุธสำคัญให้การชุมนุมนั้น "สงบ" ตามกฎหมายหรือไม่

            เรามีบทเรียนจากความไม่สงบที่เกิดจากอาวุธ ที่เรียกว่า "ปาก" มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

            เช่น....

            "เผาเลยครับพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง" 

                "มาด้วยกัน ขวดแก้วคนละใบ มาเติมน้ำมันเอาข้างหน้า บรรจุให้ได้ ๗๕ ซีซีถึง ๑ ลิตร ถ้าเรามา ๑  ล้านคน มีน้ำมัน ๑ ล้านลิตร รับรองว่า กทม.เป็นทะเลเพลิงอย่างแน่นอน"

            การพูดที่ไร้ความรับผิดชอบ จะนำมาซึ่งความรุนแรง และมันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ เกิดการเผาบ้านเผาเมืองในการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี ๒๕๕๓

            "เพนกวิน" กับ "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" หรือ "อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง" ไม่มีความต่างในแง่ การปราศรัยปลุกเร้าที่จะนำไปสู่ความรุนแรง

            ประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์ แม้กลุ่มผู้ชุมนุมอ้างว่า พูดเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ในทิศทางที่ถูกต้อง แต่อย่าลืมว่าคนอีกมหาศาลมองว่า "เพนกวิน" และพรรคพวกต้องการล้มล้างสถาบัน

            เพราะพฤติกรรมที่ "เพนกวิน" และพรรคพวกแสดงออก สวนทางกับคำว่า ปกป้อง

            ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองเห็นในจุดนี้ และพยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น เพราะไม่มีใครกล้ารับประกันว่า เหตุการณ์เช่นตุลาวิปโยคจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่

            อีกทั้งผู้นำนักศึกษาในอดีต มิได้มีพฤติกรรมปลุกเร้าเสี่ยงนำไปสู่ความรุนแรงเช่นเดียวกับ "เพนกวิน" และพรรคพวก

            ฉะนั้นก่อนวันที่ ๑๙ กันยายน เป็นหน้าที่ที่แกนนำผู้ชุมนุมต้องปรับขบวนทัพเสียใหม่

            อย่าคิดแต่เรื่องฮีโร่หรือวีรชนเพียงอย่างเดียว

            เพราะเส้นแบ่งที่เบาหวิวคือ "พาคนไปตาย".

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"