13 ก.ย.63-นายปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ที่ตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เป็นของใคร (2) โดยระบุว่า หลังจากที่ผมได้โพสต์เรื่อง “ที่ตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เป็นของใคร” ไปแล้ว ได้มีผู้สนใจเข้าไปอ่านเป็นจำนวนมาก และบางคนได้ปรารภว่าอยากรู้เรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ตลอดจนพระบรมมหาราชวังซึ่งเรียกกันว่าวังหลวงและพระราชวังบวรสถานมงคลคือวังหน้า ผมได้เคยค้นคว้าหาข้อมูลของการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งคือกรุงเทพมหานครขณะเขียนนวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่อง “รัตนโกสินทร์ กำเนิดกรุงเทพ” ใน พ.ศ. 2548 จึงขอสรุปประวัติการก่อสร้างกรุงรัตนโกสินทร์อย่างย่อมาให้อ่านกันครับ
เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองกรุงธนบุรีสืบต่อจากสมเด็จพระเจ้าตากสินในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 เป็นรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี ได้ทรงมีพระราชดำริที่จะสร้างราชธานีขึ้นใหม่เนื่องจากกรุงธนบุรีมีพื้นที่คับแคบไม่อาจขยายได้และตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาทำให้ข้าศึกซึ่งมักยกทัพมาทางด้านตะวันตกเข้าโจมตีได้ง่าย เพราะขณะนั้นเวลาได้ผ่านไปเพียง 15 ปีเท่านั้นที่กองทัพพม่าได้ยึดกรุงศรีอยุธยาและเผาทำลายจนไม่สามารถฟื้นฟูให้เหมือนเดิมได้ จึงทรงย้ายราชธานีมาฝั่งตะวันออกซึ่งขณะนั้นเป็นเมืองเล็กๆเรียกว่าบางกอก แต่มีพื้นที่กว้างขวางและมีแม่น้ำเจ้าพระยาอันกว้างใหญ่เป็นกำแพงธรรมชาติที่จะสกัดกั้นมิให้ข้าศึกเข้าประชิดตัวเมืองได้ง่าย
พระมหาอุปราชกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พระนามเดิมบุญมา ได้รับมอบหมายจากสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกให้เป็นผู้ออกแบบและเป็นแม่กองในการก่อสร้างราชธานีแห่งใหม่เนื่องจากบุญมาเคยรับราชการเป็นมหาดเล็กอยู่ในพระบรมมหาราชวังในกรุงศรีอยุธยาเป็นเวลา 8 ปีในวัย 16 ถึง 24 ปี ขณะที่รัชกาลที่ 1 ดำรงตำแหน่งหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรี ในวันที่กรุงศรีฯแตก บุญมากับเพื่อนอีก 3 คนหลบหนีออกจากกรุงศรีฯได้ขณะที่กองทัพพม่าเข้ายึดกรุง และพายเรือไปตามแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงหมู่บ้านบางกอกซึ่งอยู่ตรงข้ามเมืองธนบุรี บุญมาได้อธิษฐานต่อพระประธานในโบสถ์ของวัดร้างแห่งหนึ่งคือวัดสลัก ขอให้ตนและเพื่อนมีชีวิตรอดปลอดภัยเดินทางไปถึงราชบุรี แล้วจะกลับมาบูรณะวัดแห่งนี้
กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทได้ออกแบบสร้างกรุงรัตนโกสินทร์บนพื้นที่ 2,500 ไร่ซึ่ง ใหญ่กว่ากรุงธนบุรี 3 เท่า โดยให้มีพระบรมมหาราชวังตั้งอยู่บนพื้นที่ 150 ไร่ รูปแบบเช่นเดียวกับพระบรมมหาราชวังของกรุงศรีอยุธยา เป็นศูนย์กลางการบริหารและปกครองราชธานี มีวัดพระรัตนศรีศาสดารามประดิษฐานพระแก้วมรกตอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ในขั้นแรกได้สร้างพระที่นั่งและพระราชมณเฑียรด้วยไม้เป็นการชั่วคราวเพื่อให้เสร็จทันฤกษ์พระราชพิธีปราบดาภิเษกอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2325
ทางด้านเหนือของพระบรมมหาราชวังมีสนามหลวงเช่นเดียวกับที่กรุงศรีอยุธยา ขนานไปกับบริเวณพระราชวังบวรสถานมงคลหรือวังหน้า ซึ่งรวมทั้งวัดสลักซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างวังหลวงกับวังหน้า กรมพระราชวังบวรฯได้ทรงโปรดให้บูรณปฏิสังขรวัดสลักใน พ.ศ. 2326 ตามที่ได้ทรงอธิษฐานไว้ เป็นราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก และได้เปลี่ยนชื่อหลายครั้งเป็นวัดนิพพานาราม วัดพระศรีสรรเพชร วัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรมหาวิหาร และวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์ใน พ.ศ. 2439 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จนถึงปัจจุบัน
กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงมีพระอัครชายาคือเจ้าศรีอโนชาพระขนิษฐาของพระเจ้ากาวิละพระเจ้าเชียงใหม่และหม่อมอีก 32 คน มีพระราชโอรสธิดารวมทั้งสิ้น 43 พระองค์ ประทับอยู่ในบริเวณวังชั้นในซึ่งปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ส่วนพระที่นั่งที่ประทับของพระองค์คืออาคารในบริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในปัจจุบัน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 นั้น กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทได้ทรงรับขานพระนามใหม่ว่า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาททรงเป็นแม่ทัพเอกของสองราชอาณาจักรได้แก่ราชอาณาจักรธนบุรีและราชอาณาจักรรัตนโกสินทร์ ทรงรบในศึกสงคราม 24 ครั้ง รวมทั้งสงครามกู้อิสรภาพจากพม่าร่วมกับสมเด็จพระเจ้าตากสินและสงคราม 9 ทัพในการป้องกันกรุงรัตนโกสินทร์จากการรุกรานของพระเจ้าปดุงกษัตริย์พม่าใน พ.ศ. 2328 พระองค์ได้รับฉายาจากข้าศึกศัตรูว่า “พระยาเสือ” จากฝีมือการรบที่เก่งกล้าและดุดัน ทรงพระประชวรด้วยโรคนิ่ว เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งบูรพาภิมุข พระราชวังบวรสถานมงคล วันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2346 พระชนมายุ 60 พรรษา
ได้มีการกล่าวถึงอาถรรพ์คำสาปแช่งของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเกี่ยวกับพระราชวังบวรสถานมงคลก่อนเสด็จสวรรคตว่า “....ใครไม่ใช่ลูกกู เข้ามาเป็นเจ้าของครอบครอง ขอผีสางเทวดาจงบันดาลอย่าให้มีความสุข....” ขอเตือนว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ให้ไปดูประวัติของการมาใช้และครอบครองพระราชวังบวรสถานมงคลโดยบุคคลต่างๆ โดยเฉพาะปาฎิหารย์ของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ซึ่งผมได้ประจักษ์ด้วยตนเองมาแล้ว ไว้มีโอกาสจะเล่าให้ฟัง ขอเรียนให้ทราบเป็นการปิดท้ายว่า วันพระราชสมภพของพระองค์คือ 19 กันยายน พ.ศ. 2286.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |