ด่าลั่นหนักแผ่นดิน! พปชร.เชื่อ‘ธนาธร-ปิยบุตร’อยู่เบื้องหลังม็อบเด็กปลดแอก


เพิ่มเพื่อน    

  แกนนำม็อบปลดแอกยืนยันชุมนุมปลอดภัย ถ้าเกิดความรุนแรงเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐสร้างสถานการณ์ จับแพะชนแกะเชื่อ "จักรทิพย์" ไม่ใช้ความรุนแรงเพราะจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ขู่บุกทำเนียบฯ 20 ก.ย. ถ้าผู้มีอำนาจไม่รับหนังสือด้วยตัวเองก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น ขณะที่คนในรัฐบาลเชื่อ "ธนาธร-ปิยบุตร" อยู่เบื้องหลังม็อบ 3 นิ้ว แค่อ้าปากก็เห็นเครื่องในแล้ว

    เมื่อวันที่ 12 กันยายน นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 กันยายนนี้ว่า จากประสบการณ์ในการชุมนุมที่ผ่านมา ซึ่งไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง ขอยืนยันว่าการชุมนุมมีความปลอดภัยแน่นอน หากจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น ก็คือมาจากเจ้าหน้าที่รัฐที่จะมาสร้างสถานการณ์ จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ต้องร่วมกันทำให้การชุมนุมเป็นไปได้ด้วยดี
    "การชุมนุมครั้งนี้มีความสำคัญ เพราะเป็นการชุมนุมที่มาจากเยาวชนคนรุ่นใหม่ และเป็นการชุมนุมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมองว่าการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นจะเป็นการชุมนุมขนาดใหญ่กว่าวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา"
         นายอานนท์ยืนยันว่า การชุมนุมไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเป็นไปตามกฎหมาย ทั้งกฎหมายการชุมนุมสาธารณะและกฎหมายอื่นที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งหากไม่ผิดกฎหมายอื่นก็แสดงว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะไม่มีกฎหมายใดที่อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ หากการชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยก็ไม่มีทางที่จะขัดรัฐธรรมนูญ
         แกนนำม็อบปลดแอกยังกล่าวถึงกรณีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ออกแถลงการณ์ไม่ให้จัดการชุมนุมในพื้นที่ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการพยายามที่จะผลักคนออกไปสู่พื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยว่า หากรัฐไม่ใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทุกสถานที่ก็ปลอดภัยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบนถนนหรือท้องสนามหลวง
    เขากล่าวว่า หากจะมีความไม่ปลอดภัยก็ต่อเมื่อเราใช้ถ้อยคำรุนแรงหรือตั้งใจยั่วยุ หรือมีการส่งคนมาก่อกวน ซึ่งมั่นใจว่าตำรวจก็ไม่อยากให้เกิดความวุ่นวาย เพราะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือนกันยายนนี้ ก็จะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงมั่นใจว่าตำรวจก็ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง เพราะอาจสูญเสียฐานเสียงของคนรุ่นใหม่
         ด้านนายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก กล่าวว่า ต้องย้อนถามรัฐบาลว่าจะใช้ความรุนแรงกับประชาชนหรือไม่ ซึ่งมองว่าไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ไม่ควรใช้ความรุนแรงกับประชาชน หากกังวลเรื่องมือที่สาม ก็ฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าต้องรักษาความปลอดภัยและดูแลความสงบเรียบร้อยให้ดีที่สุด
         ส่วนจะเดินทางไปทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 20 กันยายน นายทัตเทพเผยว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ทราบเพียงว่าจุดประสงค์ของการเดินไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อต้องการยื่นหนังสือให้ผู้มีอำนาจออกมารับด้วยตัวเอง หากผู้มีอำนาจไม่มารับด้วยตัวเองก็ไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น
        เขากล่าวว่า ในวันที่ 23-24 กันยายนนี้ ที่จะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระรับหลักการนั้น ทางกลุ่มเยาวชนปลดแอกจะเดินทางไปให้กำลังใจสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด โดยเฉพาะประเด็นที่หากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 84 คน จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนเดินทางไปร่วมให้กำลังใจในการแก้รัฐธรรมนูญที่บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภาด้วย
    นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในฐานะศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ นักศึกษามีเสรีภาพในการชุมนุม และถือเป็นผู้บริสุทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ     การชุมนุมในมหาวิทยาลัยถือเป็นพื้นที่ปลอดภัย หากปิดกั้นเท่ากับเป็นการผลักดันให้ผู้ชุมนุมลงถนน ซึ่งการเปิดพื้นที่ให้มีการชุมนุมไม่ได้หมายความว่าเป็นการเข้าข้างกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะหากกลุ่มไทยภักดีจะมาชุมนุมในธรรมศาสตร์ ส่วนตัวก็เห็นว่าควรเปิดพื้นที่ให้เช่นกัน เพราะมหาวิทยาลัยเป็นพื้นที่ของทุกคนที่สามารถแสดงออกทางการเมืองได้ ไม่ใช่ไปผลักดันให้เขาลงถนน ยิ่งเป็นการประกาศค้างคืนแล้วหากเกิดปัญหาขึ้นมา มันจะกลายเป็นตราบาปของมหาวิทยาลัยเอง
วาทกรรมเชิงสัญลักษณ์
     นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของแนวร่วมธรรมศาสตร์และกลุ่มประชาชนปลดแอก ในการทวงถามถึงข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลในวันที่ 19 กันยายนนี้ว่า อยากเห็นนักเรียนนักศึกษารักษาบรรยากาศการเคลื่อนไหวเรียกร้องตามกระบวนการและครรลองของประชาธิปไตยโดยสันติวิธีแบบนี้ต่อไป และหากสามารถสื่อสารกับประชาชนแต่ละกลุ่มอาชีพที่เดือดร้อนและต้องการเห็นการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ก็จะทำให้มีแนวร่วมมากขึ้น
         อดีตรองนายกฯ เตือนไปยังฝ่ายรัฐให้ยุติความคิดในการพยายามสร้างความเกลียดชังคุกคามโดยการใช้กฎหมายกับประชาชน และเห็นว่ารัฐบาลควรเป็นฝ่ายที่พยายามส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นให้เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย ก็จะไม่เกิดปัญหาความรุนแรง เพราะหากเทียบกับการเคลื่อนไหวในอดีตนั้น อ้างอิงว่าความรุนแรงมักเกิดจากผู้มีอำนาจที่ไม่ยอมรับความเห็นที่แตกต่าง
    ด้านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุว่าถ้ามีการรัฐประหาร พร้อมฟื้นคืนชีพพาทัพใหญ่ออกต้านหนุนนักศึกษาชุมนุมว่า นายจตุพรพูดเป็นวาทกรรมเชิงสัญลักษณ์ของผู้นำ นปช. เพื่อรักษามวลชน ไม่มีอะไรน่าหนักใจ เป็นเทคนิคที่รู้ใจกันว่า ถ้าไม่พูดเช่นนั้นมวลชนที่ยังเหลืออยู่อาจจะไม่เข้าใจบทบาทภาวะความเป็นผู้นำองค์กรอย่างนายจตุพร
    "ผมมองอย่างคนที่เคยเป็นเกลอเก่ากันมา รู้และเข้าใจเพื่อน ถ้าผมยืนอยู่จุดนั้น ก็ต้องใช้วาทกรรมเช่นนั้น แต่เราต้องยืนบนข้อมูลและข้อเท็จจริงว่า ทั้งผู้นำรัฐบาลและผู้นำเหล่าทัพ แม้แต่โฆษกกองทัพบก ก็ยืนยันว่าไม่มีการรัฐประหาร"
    นายสุภรณ์ยืนยันว่า สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นรุนแรงเหมือนในยุคอดีตที่มีเหตุผลต้องทำรัฐประหาร เพราะสถานการณ์รุนแรงถึงขั้นที่ทำให้กลุ่มชุมนุมทั้งสองฝ่ายถึงขั้นปะทะกันจนเกิดเหตุจลาจล ทำให้คนไทยต้องประหัตประหารฆ่าฟันกันจนแผ่นดินนองเลือดได้ จำเป็นต้องไม่ให้คนไทยรบราฆ่าฟันกันเอง ฝ่ายกองทัพและฝ่ายรักษาความมั่นคงจึงต้องรักษาความสงบเรียบร้อย ออกมาควบคุมสถานการณ์ บวกกับผู้นำบ้านเมืองในขณะนั้นปล่อยให้มีการทุจริตโครงการต่างๆ มากมายและเสียหายมากที่สุด คือทุจริตโครงการจำนำข้าวชาวนา และกำลังจะเกิดการทุจริตโครงการอภิมหาเมกะโปรเจ็กต์ 2.2 ล้าน และโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านที่กำลังวางแผนทุจริตกันของรัฐบาลในอดีต กองทัพจึงต้องออกมาปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน เป็นสิ่งที่ทำถูกต้องมิใช่หรือ
    ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การชุมนุมของนิสิตนักศึกษาในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าเป็นการชุมนุมตามสิทธิ์รัฐธรรมนูญ นายกฯ และรัฐบาลขอเพียงให้ยึดมั่นอย่าทำผิดกฎหมาย และก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ นายกฯ มีความรักและห่วงใย เสมือนหนึ่งว่าทุกคนเป็นลูกเป็นหลาน มิได้มีความรู้สึกเป็นอย่างอื่น นายกฯ จึงมีความห่วงใยต้องการเห็นน้องๆ นักศึกษามีอนาคตที่ดีในภายภาคหน้ากันทุกๆ คน
คนไทยไม่ได้กินหญ้า
    "คุณจตุพรเองก็ได้ออกมาพูดตักเตือนนิสิตนักศึกษาบ่อยๆ ว่า การชุมนุมตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อเห็นด้วย แต่ไม่เห็นด้วยกับการจวบจ้วงก้าวล่วงสถาบันกษัตริย์ ซึ่งผมกับคุณจตุพรก็เห็นตรงกัน ส่วนข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างไร และได้มีการดำเนินการขั้นตอนทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความราบรื่น ไม่เห็นมีเหตุอะไรที่จะต้องออกมาชุมนุมเรียกร้องหรือมีเหตุที่จะนำไปสู่การทำรัฐประหารตามที่คุณจตุพรวิตกกังวล ดังนั้นถ้าไม่มีคนชักใย คนหนุนหลัง หรือมีแผนเบื้องหน้าเบื้องหลัง ผมมั่นใจว่าน้องๆ นิสิตนักศึกษามีเหตุมีผล เพราะข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้เป็นไปตามทุกอย่างตามกระบวนการขั้นตอนแล้ว" นายสุภรณ์กล่าว
    นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากจะวิงวอนไปยังนักศึกษา ขอให้ชุมนุมอย่างสันติ อยู่ในกรอบของกฎหมาย และอยากให้พึงระวังในเนื้อหาการแสดงความเห็นที่อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงด้วย การแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตยที่สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเห็นตรงกันหรือไม่ แต่ขอให้เคารพความเห็นต่างด้วย ไม่อยากเห็นบ้านเมืองขัดแย้งอีก ที่ผ่านมาคนไทยมีประสบการณ์มาแล้ว บ้านเมืองบอบช้ำมามาก ไม่ว่าใครแพ้หรือชนะก็จะอยู่บนซากปรักหักพังของคนไทย
    เขาเตือนไปยังนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าด้วย ว่าคนไทยไม่ได้กินหญ้า รู้ดีว่าใครพยายามอยู่เบื้องหลังม็อบนักศึกษา ทั้งนี้ ตนเชื่อมั่นในพลังบริสุทธิ์ของนักศึกษาส่วนใหญ่ แต่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดพฤติกรรมของแกนนำม็อบบางคน อาทิ เพนกวิน หรือไมค์ เพราะคนเหล่านี้แค่อ้าปากก็เห็นเครื่องในแล้ว
    "หากนายธนาธรและนายปิยบุตรไม่ได้หนุนหลังม็อบจริง ก็ขอให้ช่วยทำความเข้าใจกับนักศึกษาด้วยว่าอย่าพาประเทศไปสู่ความขัดแย้ง ที่สำคัญข้อเรียกร้องต่างๆ ก็ได้รับการสนองตอบแล้ว โดยเฉพาะการแก้รัฐธรรมนูญ มีการอภิปรายในสภากันตั้งแต่เช้าจนถึงตี 1 ตี 2 ดังนั้นไม่มีเหตุผลที่จะทำให้ประเทศเสียหายอีก เพราะจะเป็นการซ้ำเติมประเทศ ขอให้ทุกฝ่ายนึกถึงประเทศชาติและประชาชนบ้าง" นายธนกรกล่าว
    นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นเรื่องปกติที่มีการนัดหมายชุมนุมกัน ซึ่งคิดว่าเป็นวิถีทางภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย เชื่อมั่นว่าไม่น่าจะมีอะไรที่หนักหนา พี่น้องคนไทย นิสิต นักศึกษา นักเรียน คงไม่อยากเห็นบ้านเมืองไปสู่ความยากลำบากไปกว่านี้ เท่าที่ติดตามสอบถามสถานการณ์จากส.ส.ในแต่ละพื้นที่ ยังไม่มีอะไรเป็นที่น่าวิตก ยังเป็นเรื่องปกติอยู่
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ในบางพื้นที่อาจมีการเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุม นายอนุชากล่าวว่า เท่าที่เราฟังดูคิดว่าคงมีไม่มาก เมื่อถามย้ำว่า น่าเป็นห่วงหรือไม่ที่อาจจะมีอดีตแกนนำผู้ชุมนุมมาเข้าร่วมด้วย นายอนุชากล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคลตามระบอบ ซึ่งตัวบุคคลนั้นก็ต้องคิดเองว่าสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ควรที่จะอยู่มุมไหน จุดไหน แล้วต้องคิดอ่านอย่างไรเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง
    นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า มีประชาชนส่งข้อมูลมาให้ตนว่าคณะก้าวหน้ามีการปลุกระดมมวลชนไปชุมนุมที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในวันที่ 19 -20 ก.ย.นี้ โดยถนนทุกเส้นทางมุ่งสู่สถานที่ดังกล่าว ใครมีรถก็หาเพื่อนร่วมทางไปด้วยกัน คณะก้าวหน้าขออำนวยความสะดวกกับผู้ที่มีใจรักประชาธิปไตย ด้วยการช่วยแชร์ค่ารถและค่าเดินทาง ซึ่งแสดงให้เห็นว่านายธนาธรกับนายปิยบุตร คณะก้าวหน้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการปลุกระดมของม็อบอย่างชัดเจน นั่นคือแผนโยนกระเบื้องล่อหยก ทั้งการกู้เงินเพื่อให้โดนยุบพรรคเพื่อปลุกระดม
เตือน"ธนาธร-ปิยบุตร"
         "อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ เพราะ นายธนาธรและนายปิยบุตรได้ใช้หลักจิตวิทยาการเมืองนำข้อมูลเท็จมาบอกชาวบ้าน สร้างความแตกแยกทางความคิดในสังคม ปากบอกประชาธิปไตย แต่แท้จริงแล้วเป็นเผด็จการ โดยขอยกเหตุการณ์ในอดีตว่าผู้ที่สำเร็จการศึกษาในต่างประเทศ อาทิ ท่านโฮจิมินห์ ชาวเวียดนาม, ท่านมหาตมะ คานธี ชาวอินเดีย ได้นำความรู้กลับมาช่วยพัฒนาประเทศ แต่นายธนาธรและนายปิยบุตร กลับเรียนจบแล้วมาทำลายประเทศตัวเอง เหมือนกับชักศึกเข้าบ้าน"
       นายสามารถกล่าวอีกว่า ขอย้อนอดีตตอนสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 ก็เพราะมีพระยาจักรีถูกพม่านำไปชุบเลี้ยงและเห็นแก่เครื่องราชบรรณาการที่พม่าเสนอจึงขออาสา โดยกลับมาในกรุงศรีอยุธยาแจ้งว่าสามารถหลบหนีออกมาได้ ในขณะนั้น สมเด็จพระมหินทราธิราชเชื่อในคำพูดและมองว่าเป็นคนมีความรู้ความสามารถ จึงแต่งตั้งเป็นผู้มีอำนาจ ซึ่งพระยาจักรีนั้นเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ได้ทำการขายชาติ ย้ายคนเก่งไปที่ไม่สำคัญ ทำให้กรุงศรีฯ อ่อนแอลง และได้เปิดประตูเมืองให้พม่าเข้า จึงทำให้เสียกรุง ส่วนการเสียกรุงครั้งที่ 2 นั้น พระยาพลเทพได้ขนดินปืนและเสบียงให้พม่า จึงส่งผลให้พ่ายแพ้แก้สงคราม ทำให้ตนนึกถึงเหตุการณ์ทุกวันนี้ คล้ายกับเหตุการณ์ในอดีต ชาวบ้านจึงได้ส่งเพลงหนักแผ่นดินมาให้นายธนาธรและนายปิยบุตรได้ฟังว่า "คนใดยุยงปลุกปั่น ไทยด้วยกันหวังให้แตกกระจาย ปลุกระดมมวลชนให้สับสนวุ่นวาย เพื่อคนไทยแบ่งฝ่ายรบกันเอง คนใดหลงชมชาติอื่น ชาติเดียวกันเขายืนข่มเหง ได้สินทรัพย์เจือจานก็ประหารไทยกันเอง ที่ชาติอื่นเกรงดังญาติของมัน" คนเช่นนี้เป็นคนหนักแผ่นดิน
         "ขอเตือนสตินายธนาธรและนายปิยบุตร ควรเอาอย่างท่านโฮจิมินห์, ท่านมหาตมะ คานธี ที่เรียนจบแล้วกลับมาพัฒนาประเทศบ้านเมืองของตนเอง ไม่ใช่ยุยงปลุกปั่นสร้างความขัดแย้ง โดยใช้หลักจิตวิทยาการเมืองที่ผิดให้ข้อมูลเท็จกับประชาชน และควรหัดทำเป็นตัวอย่างที่ดีแก่สังคมเยาวชนคนรุ่นใหม่ ต้องเคารพคำพิพากษาของศาลที่ตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้ว 10 ปี ดังนั้นนาย ธนาธรและนายปิยบุตรควรเรียนรู้ว่านักการเมืองในอดีตที่ถูกตัดสิทธิ์เขาทำตัวเช่นไร โดยนายธนาธรและนายปิยบุตรนั้นไม่เคารพคำตัดสินของศาลเลย แถมยังสร้างความวุ่นวายอีก จึงอยากให้ทบทวนตัวเองด้วย ปากบอกว่าเป็นประชาธิปไตย แต่หัวใจไม่เป็นประชาธิปไตยไม่ได้ ควรต้องเคารพกฎกติกาด้วย รัฐบาลนี้มีคนเลือกมา 18 ล้านคน ดังนั้นนายธนาธรและนายปิยบุตรควรหัดฟังเสียงคนอื่นด้วย และให้เลิกทำพฤติกรรมที่แอบอยู่หลังเด็กและเยาวชนด้วย" นายสามารถกล่าว
    ขณะที่นายถวิล เปลี่ยนศรี สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เผยว่าบทบาทของคนรุ่นไหนๆ นั้น เป็นเรื่องที่ต้องมี เพราะบ้านนี้เมืองนี้เป็นของพวกเราทุกคน ยิ่งคนรุ่นใหม่ด้วยแล้วยิ่งต้องมี ถ้าไม่มีก็ต้องกระตุ้นให้มีขึ้นให้ได้ เพราะพวกเขาต้องรับผิดชอบบ้านเมืองต่อไป การที่คนรุ่นใหม่ตื่นตัวออกมาแสดงความคิดเห็นและเรียกร้องในเรื่องต่างๆ จึงเป็นเรื่องที่ดีและความเชื่อมั่นตัวเองของคนรุ่นใหม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน แต่ขอให้ใช้เหตุผล ไตร่ตรองให้ดี อย่าใช้อารมณ์ และอย่าให้ถึงกับดื้อรั้นดึงดันไม่ฟังเสียงคนอื่นๆ เลย มันจะตกหลุมพรางกับดัก เป็นเหยื่อให้กับคนอื่นๆ ได้ง่าย บทเรียนอย่างนี้มีตลอดมาในประวัติศาสตร์การเมืองไทยคนรุ่นเก่าแบบผมไม่ออกมาพูดมาเตือนก็ไม่รู้จะเกิดมาบนแผ่นดินนี้ทำไม
    "เวลานี้ผมมองดูการเคลื่อนไหวทางการเมืองของเด็กๆ ลูกหลานเราแล้วบอกได้คำเดียวว่าเป็นห่วงและไม่สบายใจอย่างยิ่ง เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดซ้ำย้อนไปมาในอดีต ผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ ในสมองของผม ทั้งที่เคยพบมาเองตอนเป็นเด็กเหมือนพวกเขาและในตอนมาทำงานดูแลด้านความมั่นคงแล้ว"
    นายถวิลเผยว่า บอกตรงๆ ไม่ได้รู้สึกเหมือนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เลย แต่นึกถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ขึ้นมามากกว่า มองด้วยใจหวั่นเกรงว่าโศกนาฏกรรมเช่นนั้นจะย้อนมาอีกครั้ง โดยมีลูกหลานเราวันนี้เป็นเหยื่อ อยากจะบอกลูกหลานไทยให้พึงตระหนักเถิดว่า ศัตรูที่แท้จริงของประเทศนี้ บ้านเมืองนี้และของท่าน คือนายทุนชั่ว นักการเมืองเลว และพวกคลั่งปฏิวัติที่กำลังหมดทางไปนั้นต่างหาก ไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณกำลังต่อต้านหรอกครับ ช่วยกันกำจัดคนเหล่านี้ออกไปจากหน้าการเมืองไทย เรื่องอื่นๆ พวกเราคนไทยทุกคน ทุกรุ่น ช่วยกันแก้ไขให้ดีได้แน่นอน" อดีตเลขาฯ สมช.กล่าว.
 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"