13pp09
บทความ คอลัมน์สถานการณ์โลก ฉบับวันอาทิตย์ 13 กันยายน 2563
----------------------------------------------------------------------------
ในขณะที่มีเหตุผลน่าเชื่อว่าโลกสุ่มเสี่ยงสงครามนิวเคลียร์มากขึ้น แต่ในอีกมุมชี้ว่าโอกาสเกิดน้อยมาก บทความนี้นำเสนอเหตุผลที่โลกไม่เกิดสงครามนิวเคลียร์ 6 ประการตามบริบทโลกล่าสุด ดังนี้
ประการแรก สงครามเย็นใหม่ที่สหรัฐเล่นฝ่ายเดียว
ไม่กี่ปีมานี้มีการเอ่ยถึงสงครามเย็นครั้งใหม่ คราวนี้มุ่งเป้าความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลสหรัฐกับจีน (รัสเซียมีส่วนด้วย) รัฐบาลทรัมป์กับ ส.ส. ส.ว. หลายคนมักใช้คำว่า “รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน” เพื่อพยายามตีตราว่าจีนปกครองด้วยพรรคคอมมิวนิสต์ สร้างภาพความขัดแย้งระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ แต่หากมองตามเนื้อแท้ความเป็นจริง นับวันจีนจะเปิดประเทศมากขึ้น ใช้ระบบการค้าเสรีภายใต้องค์การการค้าโลก สังคมจีนยุคปัจจุบันมีสิทธิเสรีภาพมากกว่าอดีต เพียงแต่พรรคคอมมิวนิสต์ยังเป็นแกนกลางควบคุมอำนาจประเทศ สหรัฐต่างหากที่ถอยตัวออกจากโลกเสรี ละเมิดข้อตกลงองค์การค้าโลก บริหารประเทศแบบอำนาจนิยมมากขึ้น
เป็นเวลานานแล้วที่รัฐบาลจีนไม่ได้ส่งเสริมเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ มุ่งสร้างสัมพันธ์รอบทิศ ทำมาค้าขายกับนานาชาติมากกว่า ไม่แปลกที่หลายประเทศมีจีนเป็นคู่ค้าสำคัญ รวมทั้งสหรัฐ ทุกวันนี้แทบทุกประเทศมีสัมพันธ์กับจีน (ต่างจากการปิดล้อมในยุคสงครามเย็น) นานาชาติปัจจุบันให้ความสำคัญกับสันติภาพมากกว่าความขัดแย้ง การจะจุดความขัดแย้งเชิงอุดมการณ์การเมืองจึงเป็นเรื่องยาก เพราะสวนทางความจริง ไม่ตอบโจทย์บริบทโลกปัจจุบัน
ประการที่ 2 การอยู่รอดสำคัญที่สุด
“ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ” (National Security Strategy) ระบุว่า นโยบายของรัฐบาลสหรัฐมักตั้งอยู่บนหลักสัจนิยม (Realism) เป็นความคิดนำ (dominated thinking) รัฐพร้อมทำทุกอย่าง เสริมสร้างให้ตัวเองเข้มแข็งที่สุด เหมือนสัตว์ป่าตัวที่เข้มแข็งที่สุดในป่าเพื่อมีชีวิตอยู่รอด
ความขัดแย้งสหรัฐ-จีนเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะทวีความรุนแรง แต่สงครามล้างโลกคือหายนะ ไม่สนองเป้าหมายการอยู่รอด มีคำถามว่าการทำลายล้างด้วยกันทั้งหมดคือการป้องกันประเทศหรือประโยชน์ของอาวุธนิวเคลียร์อยู่ตรงไหน
ประการที่ 3 ปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องปากท้องสำคัญกว่า
ประชาชนย่อมไม่อยากให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ ทำไมพวกเขาต้องเสียชีวิต ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในโลกหลังสงคราม แค่จินตนาการว่าต้องกักตุนอาหาร เด็กนักเรียนฝึกเข้าหลุมหลบภัยนิวเคลียร์อย่างยุคสงครามเย็น เท่านี้ก็น่าปวดหัวน่าหวาดกลัวมากพอแล้ว ความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจจำต้องถึงกับทำสงครามล้างโลกกันเลยหรือ อุดมการณ์ลัทธิการเมืองใดที่สอนให้ผู้นำประเทศทำเช่นนั้น
คนในยุคนี้ให้ความสำคัญต่อชีวิตที่สุขสบาย ไม่ใช่เรื่อง่ายที่จะกล่อมให้คนยอมตายเพื่ออุดมการณ์
ประการที่ 4 เพื่อผลประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อล้างโลก
ประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ต่างให้เหตุผลว่าเพื่อป้องปรามไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามใช้นิวเคลียร์ ป้องกันสงครามใหญ่ จึงสรุปว่ามีนิวเคลียร์เพื่อสันติ ประเด็นนี้สามารถถกแถลงได้แต่เป็นจริงไม่น้อย
นอกจากสันติภาพยังใช้ประโยชน์ด้านอื่นๆ เช่น เป็นเครื่องมือสนับสนุนการเจรจา
นอกจากปัจจัยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นอีกส่วนที่สำคัญไม่แพ้ปัจจัยนอกประเทศ บ่อยครั้งที่อาวุธนิวเคลียร์เป็นประเด็นหาเสียงสำคัญ เป็นจุดยืนหรือท่าทีของพรรค
อันที่จริงแล้วประวัติศาสตร์สอนว่า การทำลายล้างอีกฝ่ายไม่จำต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์เสมอไป การทำสงครามใหญ่ไม่เป็นที่นิยมและสูญเสียมาก เป็นเหตุผลว่ารัฐบาลสหรัฐยังคงใช้ยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีน
ประการที่ 5 การติดต่อสื่อสาร
หากดูข่าวอาจเห็นภาพความขัดแย้ง วิวาทะของผู้นำประเทศ การเคลื่อนฝูงบิน กองกำลังเรือรบที่ส่อว่าตึงเครียด แต่ความจริงอีกข้อคือ แท้จริงแล้วผู้นำประเทศ เจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ มีการติดต่อสื่อสารอยู่เสมอ มากกว่าที่ปรากฏเป็นข่าวหลายเท่าตัว
การตัดสินใจเปิดฉากทำสงครามเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ ยิ่งคิดจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ ทุกครั้งที่ผ่านมาเมื่อมีวิกฤติ ทุกฝ่ายจะปรึกษาหารือทั้งทางตรงทางลับ ดังเช่นวิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา (Cuban Missle Crisis) เมื่อปี 1962 ลงเอยด้วยต่างฝ่ายต่างถอยคนละก้าว หลีกเลี่ยงสงคราม
มกราคม 1995 เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในโลกที่ประธานาธิบดีรัสเซีย บอริส เยลต์ซิน (Boris Yeltsin) เปิดกระเป๋าเตรียมยิงนิวเคลียร์เนื่องจากมีสัญญาณปล่อยขีปนาวุธจากอีกฝ่าย เรื่องลงเอยด้วยดี เป็นความเข้าใจผิดเพราะเป็นเพียงจรวดทดลองวิทยาศาสตร์ของนอร์เวย์ บางคนตีความว่าเรื่องเล็กๆ เช่นนี้อาจทำให้มหาอำนาจใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่การตีความอีกแบบการกระทำของรัสเซียเป็น “ขั้นตอนปฏิบัติปกติ” เป็นการเตรียมพร้อมเท่านั้น ที่สุดเมื่อสื่อสารกันก็ลงเอยด้วยดี
เมื่อเทียบปัจจุบันกับ 30-40 ปีก่อน ระบบตรวจจับพัฒนาดีขึ้นมาก ดาวเทียมของสารพัดประเทศลอยเต็มท้องฟ้า (ไม่เฉพาะของชาติมหาอำนาจเท่านั้น) เรดาร์นับร้อยนับพันสถานีคอยตรวจจับตลอด 24 ชั่วโมง ประเทศเหล่านี้จะล่วงรู้หากใครยิงนิวเคลียร์ ส่งเครื่องบินรบ ยิงจริงหรือไม่จริง ตรวจสอบซึ่งกันและกัน ภายใน 5-10 นาที บรรดาผู้นำประเทศจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ดังนั้น โอกาสที่จะเกิดสงครามล้างโลกจากความเข้าใจผิด อารมณ์ชั่ววูบจึงไม่มี การใช้หัวรบนิวเคลียร์ต้องผ่านระบบความปลอดภัย ตรวจสอบหลายชั้นหลายขั้นตอน คอมพิวเตอร์ชุดหนึ่งอาจทำงานผิดพลาด แต่ไม่ใช่ทุกชุดทุกระบบ ทุกประเทศที่ครอบครองต่างป้องกันเต็มที่ไม่เปิดโอกาสผิดพลาดทางเทคนิค ไม่เป็นอย่างที่ดูกันในภาพยนตร์
ประการที่ 6 ผู้นำสหรัฐไม่ต้องการสงครามล้างโลก
แม้บางครั้งประธานาธิบดีสหรัฐใช้ถ้อยคำรุนแรง สุ่มเสี่ยงเผชิญหน้ากัน เพิ่มงบประมาณกลาโหม สร้างอาวุธนิวเคลียร์ใหม่ๆ แต่เหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าชนชั้นปกครองอเมริกาคิดทำสงครามนิวเคลียร์ อาจตั้งคำถามว่าชนชั้นปกครองอเมริกาอยากทำสงครามนิวเคลียร์หรือไม่ อยากดำเนินชีวิตต่อในโลกยุคหลังสงครามนิวเคลียร์หรือไม่ คำตอบโดยสามัญสำนึกคือ พวกเขาอยากอยู่ดีกินดี มีชีวิตยืนยาวอีกหลายๆ ปี ใช้ชีวิตเยี่ยงราชามากกว่า
ประธานาธิบดีปูติน กล่าวว่า เพราะรู้ว่าหากเกิดสงครามโลกจะหมายถึงการสิ้นสุดอารยธรรม ประเทศต่างๆ จึงไม่คิดทำสงครามใหญ่
สงครามนิวเคลียร์ในโลกแห่งความเป็นจริง :
ดังที่นำเสนอในบทความก่อนว่ามีคนหรือกลุ่มคนที่คิดถึงเรื่องสงครามล้างโลกอยู่เสมอ เมื่อมีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับอาวุธนิวเคลียร์ คนเหล่านี้มักจะพูดในทำนองว่าจะเกิดสงครามนิวเคลียร์แล้ว ถ้าติดตามหน้าข่าวหนังสือพิมพ์หรือสื่อต่างๆ ย้อนหลัง 10 ปี, 20 ปี, 30 ปี หรือไกลกว่านั้น (ยุคสงครามเย็น) แทบทุกปีจะมีคนพูดว่าจะเกิดสงครามล้างโลกแล้ว บางปีพูดมากกว่า 1 ครั้ง พูดให้ชัดคือตั้งแต่โลกมีอาวุธนิวเคลียร์ เสียงสงครามล้างโลกก็ดังเรื่อยมา
การเอ่ยถึงสงครามล้างโลกบ่อยๆ ทำให้เกิดกระแสคิดว่ากำลังจะเกิดสงครามนิวเคลียร์แล้ว ทำให้หลายคนพลอยคิดว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ในโลกแห่งความจริง การเปิดฉากทำสงครามเป็นเรื่องใหญ่ระดับนานาชาติ ไม่อาจเกิดขึ้นง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ชั่ววูบ อยู่ภายใต้การตัดสินใจของไม่กี่คน ยิ่งเป็นสงครามนิวเคลียร์ยิ่งเป็นไปได้ยากมาก ผู้คนในยุคนี้หวังทำมาหากินใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่คิดสละชีพเพื่ออุดมการณ์ ต้องทนทุกข์ยากเพราะผลจากสงคราม
ข้อสรุปของบทความนี้คือ มีหลายเหตุผลชี้ว่าโลกเผชิญหน้าด้วยความรุนแรงมากขึ้น อาวุธยุคใหม่รุนแรงกว่าเดิม แต่เหตุผลเหล่านั้นไม่นำสู่สงครามล้างโลก แต่ไม่ปฏิเสธว่าไม่มีวันเกิด โอกาสที่เป็นไปได้มีน้อยมาก.
--------------------
ภาพ : ขอบเขตการทำลายของระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมา
ที่มา : https://www.atomicarchive.com/media/maps/hiroshima.html
--------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |