บิ๊กเบิ้ม การชุมนุมใหญ่วันที่ 19 ก.ย. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดย นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน, น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล, นายณัฐชนน ไพโรจน์ และนายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก ในฐานะคณะประชาชนปลดแอก
ภายใต้ปฏิบัติการ ทวงอำนาจคืนราษฎร พร้อมยกระดับย้ายไปชุมนุมที่สนามหลวงไปจนถึงรุ่งเช้า และจะมีการเดินขบวนต่อต้านเผด็จการไปยังทำเนียบรัฐบาลในวันรุ่งขึ้น (20 กันยายน) โดยใช้เวลา 2 วัน 1 คืน จะส่อแท้งหรือประสบความสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าจับตาอย่างยิ่ง
เพราะแค่เพียงแค่เปิดฉากเท่านั้นก็ถูกผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ออกแถลงการณ์ไม่อนุญาตให้มีการจัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมือง เนื่องจากการขออนุญาตยังไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่มีการประกาศเรื่องแนวทางการอนุญาตจัดชุมนุมทางการเมือง
ส่วนรายละเอียดหรือเงื่อนไขยังไม่มีคำอธิบายชัดเจนก็จริง แต่คาดว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้ประเมินว่า การชุมนุมในวันที่ตรงกับการครบรอบการรัฐประหารเมื่อ 14 ปีที่ผ่านมาของคนรุ่นใหม่อาจควบคุมไม่อยู่ และไปแสดงออกหมิ่นเหม่กระทบกับสถาบันเบื้องสูงที่คนไทยเคารพ ซ้ำรอยการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ มธ.ศูนย์รังสิต ที่เกิดข้อเรียกร้อง 10 ข้อเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ที่สร้างความไม่สบายใจแก่คนไทยทั้งประเทศ และทหาร จึงเป็นเหตุให้ผู้บริหาร มธ.ต้องรีบออกมาตัดไฟแต่ต้นลม ไม่อยากทนเป็นจำเลยร่วมให้สังคมประณาม
เป็นเหตุให้ “เพนกวิน” แกนนำประชาชนปลดแอก โต้กลับด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “ถึงแม้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยจะไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในการชุมนุม เราก็จะจัดการชุมนุมที่ธรรมศาสตร์กันต่อไป เพราะธรรมศาสตร์เป็นของประชาชน ไม่ใช่ของขี้ข้ารับใช้เผด็จการไม่กี่คน”
ตามมาด้วย ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำนักศึกษาที่ขึ้นปราศรัยบนเวทีม็อบธรรมศาสตร์จะไม่ทน ได้แถลงข่าวผิดหวังกับ มธ. และยืนยันจะจัดชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. เวลา 14.00 น. เพื่อยึดธรรมศาสตร์คืนประชาชน
“หากในวันดังกล่าวมีการล็อกกุญแจ พวกตนจะตัดแม่กุญแจออกเพื่อเข้าไปชุมนุมในมหาวิทยาลัยแห่งนี้” น.ส.ปนัสยากล่าว จากนั้นได้มอบพวงหรีดดอกไม้สีเหลือง-แดง มีข้อความว่า “อาลัยจิตวิญญาณธรรมศาสตร์” ไปวางยังหน้าอนุสาวรีย์นายปรีดี พนมยงค์ เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา
พร้อมกล่าวด้วยว่า “จะเป็นเด็กดื้อต่อไป ไม่ฟังคำสั่งอธิการบดีคนปัจจุบัน และฝันว่าพ่อปรีดีและทนายอานนท์มาบอกให้ใช้ธรรมศาสตร์จัดชุมนุม 19 ก.ย.นี้ได้”
ขณะที่แนวร่วมที่เชื่อว่าเป็นกองหนุนม็อบครั้งนี้รีบโหมกระแส โยนฟืนเข้ากองไฟทันที โดยเพจเฟซบุ๊กคณะก้าวหน้า - Progressive Movement โพสต์ข้อความระบุว่า ทางเดียวกัน-มาด้วยกัน มุ่งสู่ชัยชนะของประชาชนบนเส้นทางประชาธิปไตยที่เดินมา 88 ปี ใกล้ถึงเส้นชัยเต็มที 19 กันยายนนี้ ในวันที่ถนนทุกสายมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
ด้วยความเหิมเกริมเช่นนี้ ล่าสุด นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะศิษย์เก่ารุ่น 2512 ต้องออกมาแถลงเจตจำนง (ปิด มธ. พอกันทีวีรชน) ยืนยันจะส่งเรื่องถึงกรรมการสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอให้ระงับการใช้พื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยเพื่อการชุมนุมใหญ่ของแนวร่วมกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม ในวันที่ 19 ก.ย.นี้
เนื่องจากเล็งเห็นว่า นักศึกษา "แนวร่วมกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม" ไม่มีทั้งความโปร่งใส, ความรับผิดชอบ และความสามารถที่จะจัดชุมนุมโดยสงบสมตามที่กล่าวอ้างได้
ตามเหตุผลดังนี้ 1.เป้าประสงค์: กลุ่มนักศึกษาผู้ขอจัดการชุมนุมแถลงยืนยันไว้ชัดเจนว่า จะเปิดชุมนุมนักศึกษาและประชาชน 1 วัน 1 คืน จากนั้นจะเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล ตัวเลขโดยประมาณอยู่ที่ 40,000 คนขึ้นไป เพื่อ “ต่อสู้สร้างแผลให้เผด็จการอย่างไม่รู้ลืม” และสัญญาว่า “พี่น้องจะไม่กลับมือเปล่าอย่างแน่นอน”
2.สงบแต่ปาก: ขบวนที่จะมารวมและยกไปทำเนียบฯ นี้ กลุ่มศิษย์เก่ากลุ่มนี้เห็นว่ามีคุณภาพเป็นมวลชนแห่งความจงเกลียดจงชัง ที่ผ่านการปลุกปั่นมายาวนานในโลกไซเบอร์ ซึ่งเมื่อออกจากทวิตเตอร์มารวมตัวกันจริงๆ บนท้องถนนแล้ว ก็ยิ่งจะก้าวร้าวราวกับเรดการ์ด จนยากที่จะเชื่อหรือหวังในความสงบและการเจรจากันเช่นวิถีทางประชาธิปไตยได้
3.สุ่มเสี่ยงสูงสุด: สำหรับความสามารถและความรับผิดชอบนั้น ก็มองไม่เห็นเลยว่านักศึกษากลุ่มนี้จะมีความสามารถในการนำ ควบคุม จัดการ คุ้มครองผู้ชุมนุมได้อย่างไร เห็นมีแต่ความสามารถทางวาทกรรมเท่านั้น คำกล่าวที่ว่าจะชุมนุมโดยสงบ จึงเป็นเรื่องเกินศักยภาพทั้งสิ้น ยิ่งวางแผนว่าจะเทม็อบ 40,000 คนใส่ทำเนียบรัฐบาลด้วยแล้ว ก็ยิ่งน่าห่วงว่าจะได้เห็นร่างวีรชนต้องจากไปอีกหลายคนเหมือนคราวที่เทม็อบพฤษภาทมิฬอีก
4.ไว้วางใจไม่ได้: ท้ายที่สุดกลุ่มศิษย์เก่าเห็นว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่นักศึกษากลุ่มนี้จะมีการนำและการจัดการโดยอิสระลำพังกลุ่มตนเองได้ แทนที่นักศึกษาและคนพวกนี้จะกล้าประกาศรวมตัวให้ปรากฏเป็น “แนวร่วมต่อต้านเผด็จการ” ที่โปร่งใสชัดเจน ชัดทั้งการนำและอิสระทางการเมือง ตลอดจนที่มาของค่าใช้จ่ายและจุดแห่งชัยชนะที่ต้องการ พวกเขากลับดันให้เด็กนักศึกษาของเราไม่กี่คนมาออกหน้า ความลับๆ ล่อๆ เช่นนี้เป็นไปแล้ว และเป็นไปได้ก็ด้วยเหตุที่กฎหมายชุมนุมสาธารณะได้ยกเว้นไว้ ไม่ให้นำมาตรการตรวจสอบมาใช้กับการชุมนุมในสถานศึกษาจนเปิดช่องให้มีการวางแผนเลี่ยงกฎหมาย โดยขอจัดชุมนุมในมหาวิทยาลัย ซ่องสุมกำลังก่อน แล้วยกขบวนออกไปอาละวาดนอกมหาวิทยาลัยต่อไป
5.ธรรมศาสตร์มีส่วนร่วมด้วยไม่ได้: ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ศิษย์เก่าท้ายบันทึกดังกล่าวจึงเห็นว่า คำขอจัดชุมนุมครั้งนี้ไม่สุจริต ไม่โปร่งใส ไม่มีความสามารถและความรับผิดชอบที่ต่ำกว่ามาตรฐานประชาธิปไตย จนไม่อาจรับรองให้ชุมนุมโดยอิสระในสถานศึกษาได้
นายแก้วสรรกล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะมีกระบวนการลงชื่อท้ายหนังสือดังกล่าว ซึ่งจะใช้เวลาร่วมลงชื่อจนถึงวันอังคารที่ 15 ก.ย.นี้ เวลา 16.00 น. ก่อนที่จะนำไปยื่นต่อผู้บริหารมหาวิทยาลัย พร้อมยืนยันคณะที่ออกมาคัดค้านมาในนามศิษย์เก่ากลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ในนามธรรมศาสตร์ทั้งหมด
“สิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษา ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้สิทธิเสรีภาพ แต่เป็นสิทธิการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่า ไม่เห็นด้วยที่จะใช้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นฐานทัพในการละเมิดรัฐธรรมนูญ” อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะศิษย์เก่ารุ่น 2512 กล่าวปิดท้าย
สิ่งที่ อาจารย์แก้วสรรตกผลึกออกมาจะเป็นจริงหรือไม่ และผู้บริหาร มธ.จะขานรับข้อเสนอหรือไม่เพื่อหยุดปัญหาและความวุ่นวายที่คาดว่าอาจเกิดขึ้น บนข้อกล่าวหาว่าการชุมนุมครั้งนี้ไม่สุจริต อาจละเมิดกฎหมาย พร้อมทั้งตกเป็นเครื่องมือให้นักการเมืองบางกลุ่มที่มีหัวคิดก้าวหน้า และต่างประเทศหนุนหลัง เพื่อทำลายสิ่งที่คนไทยเคารพใช่หรือไม่ เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจะต้องตระหนักอย่างยิ่ง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |