หวังเทม็อบลงถนน! แก้วสรรชี้เหตุปลดแอกใช้มธ. ‘ก้าวหน้า’ปลุกอ้างใกล้เส้นชัย


เพิ่มเพื่อน    

  ปิด มธ.พอกันทีวีรชน! "แก้วสรร" แถลงเจตจำนงในฐานะศิษย์เก่า ล่ารายชื่อคัดค้านใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยเป็นฐานในการละเมิดรัฐธรรมนูญ ชี้ม็อบเพนกวินเป็นมวลชนแห่งความจงเกลียดจงชัง ก้าวร้าวราวกับเรดการ์ดจนยากที่จะเชื่อหรือหวังในความสงบ ชุมนุมไม่สุจริต ไม่โปร่งใส ไม่มีความสามารถและความรับผิดชอบที่ต่ำกว่ามาตรฐานประชาธิปไตย ขณะที่แกนนำม็อบ 3 นิ้วยันจะใช้ มธ.ท่าพระจันทร์ จัดชุมนุมใหญ่ 19 ก.ย. แน่นอน ดันข้อเรียกร้องสุดเพดาน ด้าน "บิ๊กตู่" ย้ำไม่ได้ต้องการอำนาจ

    เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะศิษย์เก่ารุ่น 2512 แถลงเจตจำนงยืนยันจะส่งเรื่องถึงกรรมการสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงกรณีขอให้ระงับการใช้พื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยเพื่อการชุมนุมใหญ่ของแนวร่วมกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ (ปิด มธ. พอกันทีวีรชน)
    โดยในหนังสือชี้แจงต่อสื่อมวลชนมีใจความระบุว่า ด้วยฐานะบรรดาศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ผู้ที่มีรายนามท้ายบันทึกดังกล่าวได้พร้อมกันเล็งเห็นว่า นักศึกษา "แนวร่วมกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม" ไม่มีทั้งความโปร่งใส, ความรับผิดชอบ และความสามารถที่จะจัดชุมนุมโดยสงบสมตามที่กล่าวอ้างได้ จึงขอเรียนไปยังผู้ที่รับผิดชอบ ได้โปรดพิจารณามีคำสั่งปฏิเสธคำขอใช้พื้นที่ชุมนุมในมหาวิทยาลัยของนักศึกษากลุ่มนี้ด้วย ตามเหตุผลดังนี้
    1.เป้าประสงค์ : กลุ่มนักศึกษาผู้ขอจัดการชุมนุมแถลงยืนยันไว้ชัดเจนว่า จะเปิดชุมนุมนักศึกษาและประชาชน 1 วัน 1 คืน จากนั้นจะเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล ตัวเลขโดยประมาณอยู่ที่ 40,000 คนขึ้นไป เพื่อ "ต่อสู้สร้างแผลให้เผด็จการอย่างไม่รู้ลืม" และสัญญาว่า "พี่น้องจะไม่กลับมือเปล่าอย่างแน่นอน"
    2.สงบแต่ปาก : ขบวนที่จะมารวมและยกไปทำเนียบฯ นี้ กลุ่มศิษย์เก่ากลุ่มนี้เห็นว่ามีคุณภาพเป็นมวลชนแห่งความจงเกลียดจงชัง ที่ผ่านการปลุกปั่นมายาวนานในโลกไซเบอร์ ซึ่งเมื่อออกจากทวิตเตอร์มารวมตัวกันจริงๆ บนท้องถนนแล้ว ก็ยิ่งจะก้าวร้าวราวกับเรดการ์ด จนยากที่จะเชื่อหรือหวังในความสงบและการเจรจากันเช่นวิถีทางประชาธิปไตยได้
    3.สุ่มเสี่ยงสูงสุด : สำหรับความสามารถและความรับผิดชอบนั้น ก็มองไม่เห็นเลยว่านักศึกษากลุ่มนี้จะมีความสามารถในการนำ ควบคุม จัดการ คุ้มครอง ผู้ชุมนุมได้อย่างไร เห็นมีแต่ความสามารถทางวาทกรรมเท่านั้น
    คำกล่าวที่ว่าจะชุมนุมโดยสงบ จึงเป็นเรื่องเกินศักยภาพทั้งสิ้น ยิ่งวางแผนว่าจะเทม็อบ 40,000 คนใส่ทำเนียบรัฐบาลด้วยแล้ว ก็ยิ่งน่าห่วงว่า จะได้เห็นร่างวีรชนต้องจากไปอีกหลายคนเหมือนคราวที่เทม็อบพฤษภาทมิฬอีก
    4.ไว้วางใจไม่ได้ : ท้ายที่สุดกลุ่มศิษย์เก่าเห็นว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่นักศึกษากลุ่มนี้จะมีการนำและการจัดการโดยอิสระลำพังกลุ่มตนเองได้ แทนที่นักศึกษาและคนพวกนี้จะกล้าประกาศรวมตัวให้ปรากฏเป็น "แนวร่วมต่อต้านเผด็จการ" ที่โปร่งใสชัดเจน ชัดทั้งการนำและอิสระทางการเมืองตลอดจนที่มาของค่าใช้จ่ายและจุดแห่งชัยชนะที่ต้องการ พวกเขากลับดันให้เด็กนักศึกษาของเราไม่กี่คนมาออกหน้า ความลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ เป็นไปแล้วและเป็นไปได้ก็ด้วยเหตุที่กฎหมายชุมนุมสาธารณะได้ยกเว้นไว้ ไม่ให้นำมาตรการตรวจสอบมาใช้กับการชุมนุมในสถานศึกษาจนเปิดช่องให้มีการวางแผนเลี่ยงกฎหมาย โดยขอจัดชุมนุมในมหาวิทยาลัยส้องสุมกำลังก่อน แล้วยกขบวนออกไปอาละวาดนอกมหาวิทยาลัยต่อไป
ใช้มธ.ละเมิดรัฐธรรมนูญ
    5.ธรรมศาสตร์มีส่วนร่วมด้วยไม่ได้ : ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ศิษย์เก่าท้ายบันทึกดังกล่าวจึงเห็นว่า คำขอจัดชุมนุมครั้งนี้ไม่สุจริต ไม่โปร่งใส ไม่มีความสามารถและความรับผิดชอบที่ต่ำกว่ามาตรฐานประชาธิปไตย จนไม่อาจรับรองให้ชุมนุมโดยอิสระในสถานศึกษาได้
    นายแก้วสรรกล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะมีกระบวนการลงชื่อท้ายหนังสือดังกล่าว ซึ่งจะใช้เวลาร่วมลงชื่อจนถึงวันอังคารที่ 15 ก.ย.นี้ เวลา 16.00 น. ก่อนที่จะนำไปยื่นต่อผู้บริหารมหาวิทยาลัย พร้อมยืนยันคณะที่ออกมาคัดค้าน มาในนามศิษย์เก่ากลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ในนามธรรมศาสตร์ทั้งหมด
    ทั้งนี้ สิ่งที่ตนไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษา ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้สิทธิเสรีภาพ แต่เป็นสิทธิการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่า ไม่เห็นด้วยที่จะใช้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นฐานทัพในการละเมิดรัฐธรรมนูญ
    ขณะที่นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ตอบโต้ทันทีหลังนายแก้วสรรแถลงจบ โดยระบุว่า "ฟังการแถลงข่าวของนายแก้วสรร อคติโพธิ ศิษย์เก่าธรรมศาสตร์แล้ว ไม่แน่ใจว่าพี่แกจบจากธรรมศาสตร์หรือจบจาก จปร. ถึงได้มีความเห็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตยได้ขนาดนี้ ออกมาโวยวายเราจะไปทำเนียบฯ ถือเป็นเผด็จการ แล้วไอ้ที่พันธมิตรฯ ยึดทำเนียบฯ ครึ่งค่อนปีนี่ คุณแก้วสรรจะเรียกว่าอะไรครับ
    นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ขอให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ช่วยคิดกันใหม่ คุยกันอย่างศิษย์กับอาจารย์มากกว่าเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้น และไม่เลวร้ายไปกว่านี้ ถ้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปิดประตู เมื่อมีคนมาจำนวนมาก อีกอย่างสนามหลวงไม่ให้เข้าไปอีก แน่นอนเป้าหมายที่สามต้องไปทำเนียบรัฐบาล
    ดังนั้น สมรภูมิก็คล้ายกับเหตุการณ์พฤษภา 2535 ในการเคลื่อนขบวนจากสนามหลวงไปยังทำเนียบรัฐบาล แล้วไปติดที่กำแพงลวดหนามสะพานผ่านฟ้าฯ เชื่อว่าสถานการณ์ทุกอย่างถ้ารู้จักใช้วิธีก็สามารถแก้ไขได้ ยกเว้นมีแนวคิดต้องการเร่งสถานการณ์ให้สั้นขึ้นเท่านั้น หลักคิดนี้ การเร่งสถานการณ์ ใครก็คิดได้ และสามารถอธิบายว่ามีเจตนาอะไร ถ้าไม่คิดอะไรก็คิดใหม่ หรือเจตนาต้องการเร่งเป้าหมายให้เร็วขึ้น เพราะ 19 ก.ย.เที่ยวนี้หลายฝ่ายจับตาว่าจะถูกหยิบฉวยมานำไปสู่การทำรัฐประหารหรือไม่ สิ่งสำคัญแล้ว รัฐบาลต้องทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย ต้องทำตามคำพูดว่า มองนักเรียน นิสิต นักศึกษา เหมือนลูกหลาน ถ้ามหาวิทยาลัยไม่เปิดประตูให้แล้ว ดังนั้นทุกจุดการชุมนุมเคลื่อนไหวต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาล โดยให้จัดวางกำลังดูแลความปลอดภัยให้สมบูรณ์ ขอไม่พูดอย่างปากว่าตาขยิบกัน
รับใช้เผด็จการ
    ด้านแนวร่วมกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แถลงยืนยันจะจัดชุมนุมใหญ่ 19 ก.ย. นี้ ว่าเพื่อทวงอำนาจคืนราษฎร หลังจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกเอกสารไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่ โดยอ้างไม่เป็นไปเงื่อนไข แต่ขอยืนยันว่าทางกลุ่มได้ดำเนินการตามขั้นตอน มีอาจารย์ที่ปรึกษาเซ็นรับรองถูกต้อง การที่มหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้ใช้จะเป็นการจงใจผลักนักศึกษาออกไปชุมนุมเผชิญอันตรายข้างนอก ทั้งที่พื้นที่มหาวิทยาลัยควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับนักศึกษา เพราะธรรมศาสตร์บอกว่าทุกตารางนิ้วในมหาวิทยาลัยมีเสรีภาพ และมีประวัติศาสตร์การต่อสู้ประชาธิปไตยอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นที่น่าผิดหวัง เพราะครั้งแรกที่ก้าวเข้ามา ตั้งแต่การปฐมนิเทศ พูดถึงจิตวิญญาณทำให้นักศึกษาซึมซับของรุ่นพี่ตั้งแต่เหตุการณ์เดือนตุลา ซึ่งแปลกใจที่มหาวิทยาลัยอ้างเหตุผลที่ไม่สอดคล้อง พร้อมกันนี้ขอเรียกร้องอธิการบดีและอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทุกคน ให้แสดงจุดยืนในการต่อสู้เรียกร้องยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย เหมือนนักต่อสู้ของธรรมศาสตร์รุ่นก่อน ที่ต่อสู้เรียกร้อง เสียสละ จนธรรมศาสตร์เป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพ เป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่ใช่มารับใช้เผด็จการและระบบทุนนิยม
    น.ส.ปนัสยากล่าวว่า ขอเรียกร้องให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นางเกศินี วิฑูรชาติ อย่าสันหลังหวะ หวังว่าจะไม่ลืมจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์ไป และคาดหวังว่าธรรมศาสตร์จะไม่ใช่ดีแค่กินบุญเก่าที่คนอื่นได้ทำมา และยืนยันว่าจะเดินหน้าชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และจะไม่เปลี่ยนหรือย้ายสถานที่ หากล็อกประตูก็จะตัดโซ่เข้ามา พร้อมจะพูดถึงการปฏิรูปสถาบัน ที่หลายคนมีความกังวล จะถูกพูดถึงในการชุมนุมแน่นอน ไม่เปลี่ยนแปลง
    น.ส.ปนัสยายังกล่าวว่า ทางกลุ่มพร้อมเจรจา 3 ฝ่าย ร่วมกับ มหาวิทยาลัยและตำรวจ แต่ไม่ใช่มาลิดรอนหรือตัดสิทธิ์กันแบบนี้ ส่วนเรื่องความปลอดภัย ยอมรับว่าหลายคนมีความเป็นห่วง แต่กลุ่มก็จะจัดการ์ดคอยดูแลควบคู่กับตำรวจ เพราะห่วงอาจมีผู้ไม่หวังมาดีเข้ามาสร้างสถานการณ์
    อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเป็นห่วงจะมีการไล่เช็กบิลตามหมายจับที่เคยถูกดำเนินคคีแกนนำก่อนถึงวันชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. แต่ไม่ว่าตนเองหรือนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน จะถูกจับ แต่กิจกรรมทุกอย่างจะเดินหน้าต่อไป เพราะได้เตรียมการไว้หมดแล้ว
ก้าวหน้ายุยงไปชุมนุม
    ทั้งนี้ ภายหลังจากการแถลงข่าวเสร็จสิ้น น.ส.ปนัสยาได้นำพวงหรีดที่มีดอกไม้สีแดงเหลืองซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และข้อความอาลัยจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ ไปวางไว้หน้าอนุสาวรีย์ปรีดี พนมยงค์ พร้อมกล่าวด้วยว่า "จะเป็นเด็กดื้อต่อไป ไม่ฟังคำสั่งอธิการบดีคนปัจจุบัน และฝันว่าพ่อปรีดีและทนายอานนท์มาบอกให้ใช้ธรรมศาสตร์จัดชุมนุม 19 ก.ย.นี้ได้"
    เพจเฟซบุ๊กคณะก้าวหน้า - Progressive Movement โพสต์ข้อความ ระบุว่า ทางเดียวกัน-มาด้วยกัน มุ่งสู่ชัยชนะของประชาชนบนเส้นทางประชาธิปไตย ที่เดินมา 88 ปีใกล้ถึงเส้นชัยเต็มที 19 กันยายนนี้ ในวันที่ถนนทุกสายมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ใครมีรถ อยากหาเพื่อนร่วมทาง ใครมีเพื่อนร่วมทาง แต่ยังไม่มีรถ ใครยังไม่มีอะไรเลย แต่มีใจรักที่จะมาร่วมชุมนุมกับผองเพื่อน
    คณะก้าวหน้าขอมีส่วนร่วมในการอำนวยความสะดวกให้พี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน ด้วยการเปิดพื้นที่สำหรับการ car pool แชร์รถ แชร์ค่าเดินทาง เพื่อมาร่วมชุมนุมในวันที่ 19 กันยายนนี้ ทางเดียวกัน มาด้วยกัน สู่เส้นชัยในวันที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
    ทั้งนี้ เป็นการนัดชุมนุมใหญ่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในวันที่ 19 กันยายนนี้ ภายใต้ชื่อ "19 กันยาฯ ทวงอำนาจ คืนราษฎร"
    วันเดียวกันนี้ ที่ห้องพิจารณาคดี 809 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาลหมายเลขดำ ลศ. 9/2563 ที่ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา กล่าวหานายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ผู้ถูกกล่าวหาเรื่องละเมิดอำนาจศาล
    โดยนายพริษฐ์ ผู้กล่าวหา ได้ยื่นคำให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตามก่อนเริ่มการไต่สวนทนายความของนายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหา แถลงต่อศาลยอมรับว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กล่าวถ้อยคำตามคำกล่าวหาจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาเป็นปฏิปักษ์กับศาล
    ศาลตรวจสำนวนแล้วปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหายังไม่ได้รับแผ่นบันทึกภาพและเสียง ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ในวันที่ 8 ส.ค.2563 ตามคำกล่าวหา ซึ่งเป็นหลักฐานที่ผู้กล่าวหาจะนำมาสืบ
    ต่อมาทนายความของนายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหา แถลงต่อศาลอีกว่า ประสงค์จะให้ศาลไต่สวนพยานของผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 2 ปาก คือผู้ถูกกล่าวหาและนายอานนท์ นำภา เพื่อพิสูจน์ว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้เป็นการขัดขวาง รบกวนการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล
เลื่อนไต่สวน"เพนกวิน"ละเมิดศาล
    ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหายังไม่ได้รับแผ่นบันทึกภาพและเสียงเหตุการณ์ตามคำกล่าวหา เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหามีโอกาสในการแก้ข้อกล่าวหา และเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง  จึงให้นำสำเนาแผ่นบันทึกภาพและเสียงมอบให้ผู้ถูกกล่าวหา หากผู้ถูกกล่าวหามีข้อคัดค้าน หรือคำชี้แจงให้ยื่นเป็นคำแถลงเข้ามาในนัดหน้า และให้ ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญาตรวจสอบว่าหลังจากวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ทำนองเดียวกับคำกล่าวหาเกิดขึ้นในบริเวณศาลอีกหรือไม่ แล้วรายงานให้ศาลทราบภายในนัดหน้า จึงให้เลื่อนไปไต่สวนละเมิดอำนาจศาล ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
    ด้านนายพริษฐ์เปิดเผยว่า ตนไม่มีพฤติการณ์เข้าข่ายละเมิดศาล และขอให้ศาลใช้ดุลยพินิจในการพิจารณากรณีนี้ด้วยความเป็นธรรม โดยขอให้ต่อสู้คดีนี้ไปตามข้อเท็จจริง อีกทั้งยังขอยืนยันว่าจะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ แม้ว่า ม.ธรรมศาสตร์จะไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่ก็ตาม
    นอกจากนี้ นายพริษฐ์ยังปฏิเสธกรณีมีข่าวอ้างชื่อแกนนำม็อบ พ. ไปขอรับเงินบริจาคจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ถูกสร้างมาให้ร้ายตัวเอง
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้แล้วนายพริษฐ์ยังมีกรณีที่พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ได้เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเพิกถอนการประกันตัวในชั้นฝากขังด้วย ซึ่งศาลอาญากำหนดนัดไต่สวนในวันที่ 8 ต.ค.นี้
    พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำผู้ชุมนุมเผาหมายเรียก ขณะนำแกนนำผู้ชุมนุมไปรายงานตัวที่ สภ.เมืองขอนแก่น เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อแสดงให้เห็นความไม่ยุติธรรมที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาโดยใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาควบคุมนั้น พนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่นอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลว่าเอกสารที่นายพริษฐ์เผาเป็นหมายเรียกฉบับจริงหรือเป็นเพียงสำเนา หากเป็นฉบับจริง จะเข้าข่ายความผิดฐานทำลายเอกสารราชการ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวหลังเป็นประธานในพิธีมอบ “บ้านใหม่” ให้ชุมชนบึงบางซื่อ ตามโครงการสานพลังประชารัฐว่า เป็นรัฐบาลมา 2 สมัยแล้ว ดูแลทุกคน ทุกฝ่าย ทุกระดับ ทุกอาชีพ ซึ่งอาจจะมากบ้างน้อยบ้าง ต้องใช้เวลาบ้าง ก็ต้องค่อยๆ เดิน และคิดว่าวางฐานรากไว้ ขอบคุณทุกฝ่าย ทั้งหมดสำเร็จได้ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย รัฐบาลพยายามทำให้ทุกคนมีความสุข โดยรัฐบาลให้ความช่วยเหลืออย่างเท่าเทียม
    “ขอให้ระมัดระวังไอ้ผู้หลอกลวงมากกว่า รัฐบาลหลอกลวงใครไม่ได้ หรือจะพูดบิดเบือนไม่ได้ ไม่เหมือนกับบางคนที่เขาพูด เพราะเขาคุ้มครองตัวเขาได้ จึงใช้ทุกโอกาสที่มี แต่วันนี้ผมมาพบกับท่านตัวเป็นๆ พูดจากตัวจริง จากการพูดจากโทรทัศน์เป็นคนละประเภทกัน วันนี้ถือว่าได้มาพบกับผู้ทรงเกียรติ เพราะประชาชนคือผู้ทรงเกียรติของผม แต่พวกท่านก็เลือกผู้ทรงเกียรติเข้าไป ก็ดูๆแล้วกัน” นายกฯ กล่าว
ไม่ได้ต้องการอำนาจ
    นายกฯ กล่าวว่า ทุกช่วงเวลามีการเปลี่ยนแปลง การจะเปลี่ยนอะไรแบบรื้อทีเดียวไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า ต้องขอให้ช่วยกันทำความเข้าใจ ขออย่างเดียว ให้บ้านเมืองสงบสุข หลายอย่างก็จะเดินหน้าต่อไปได้ เศรษฐกิจก็จะค่อยๆ ดีขึ้น วันนี้เศรษฐกิจไม่ได้แย่ไปทั้งหมด หรือเลวไปทั้งหมด ไม่ใช่อะไรก็เลวอะไรก็แย่ แล้วจะทำให้คนมีกำลังใจได้อย่างไร ข้อเท็จจริงทุกคนก็รู้อยู่ว่าสาเหตุหลักเพราะโควิดเข้ามา ถ้าไม่มีก็อาจจะทำอะไรได้เร็วขึ้นกว่านี้ หลายอย่างตกไป โดยเฉพาะรายได้ของประเทศ ขณะที่ทุกคนมีแต่ความต้องการ แล้วรัฐบาลจะเอาเงินจากที่ไหน วันนี้พยายามกู้เงินให้น้อยที่สุด เพราะถ้ากู้มากก็เป็นภาระ แล้วทั้งหมดอยู่ภายใต้กฎหมายทุกประการ
    "บางทีมันก็ไม่เป็นเรื่อง แล้วก็พยายามให้มันเป็นเรื่อง ไอ้ที่ไม่ควรจะเป็นเรื่องก็ทำให้มันเป็นเรื่อง นี่คือปัญหาที่เราเจออยู่ในขณะนี้ ผมขออย่างเดียว ขอให้ประชาชนมีความสุข บ้านเมืองสงบสุข มีความรักความสามัคคี ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งกันและกัน ไม่ละเมิดทำให้คนอื่นวุ่นวาย ใครจะทำอะไรผมถือว่าเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ต้องดำเนินการอยู่แล้ว แต่ผมก็หวังจากประชาชนจะช่วยทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยด้วยวิธีการอย่างสันติ ก็คือพูดจากัน ผมไม่ได้มีอะไรกับใครทั้งสิ้น ไม่ได้ต้องการรักษาตำแหน่ง ไม่ได้ต้องการอำนาจหรือผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ผมต้องการอำนาจเพื่อบริหารทำงานให้ประชาชน จึงต้องมีกฎหมายตัวนี้ และผมต้องเป็นคนรับผิดชอบอยู่ดี ผมทำอะไรผิดไม่ได้"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า รัฐบาลต้องดูแลคนทุกกลุ่มถึงต้องเป็นรัฐบาล ถ้าไม่มีรัฐบาลแล้วเอาคนเก่งสักคนมาบริหาร แต่ตนบริหาร ด้วยระบบการบริหารราชการแผ่นดิน มันไม่ดีก็แก้ไขก็เปลี่ยนแปลง แต่ทั้งหมดต้องใช้กฎหมาย ใช้กระบวนการของรัฐสภา นั่นคือระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ก่อนการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกวาระพิเศษระดับผู้การกรมและผู้บังคับกองพันทั่วประเทศ จำนวน 655 นาย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เดินเข้ามาทักทายและพูดคุยกับสื่อมวลชนตามปกติก่อนเข้าหอประชุม ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามในเรื่องของการสั่งการพิเศษในวันนี้ รวมถึงสถานการณ์ทางการเมือง โดย พล.อ.อภิรัชต์ได้ปฏิเสธการตอบคำถามและยิ้มรับให้สื่อเพียงอย่างเดียว
    ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมดังกล่าว พล.อ.อภิรัชต์ให้โอวาทกำลังพลว่า ขอชื่นชมหน่วยที่ยังดำรงด้านการพัฒนาชีวิตกำลังพล โดยเฉพาะทหารกองประจำการ หวังว่าทุกหน่วยจะแข่งขันกันทำความดี ดูแลคุณภาพชีวิตของกำลังพลและครอบครัวของตัวเองอย่างดีที่สุด ได้อยู่อย่างพอเพียง มีความจงรักภักดี และห่างไกลยาเสพติด
    "ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีความหนักหนาสาหัส จนสามารถเปลี่ยนแปลงและสร้างความโกลาหล สร้างความเข้าใจผิดในการโน้มน้าวจิตใจเปลี่ยนพฤติกรรมของมนุษย์ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายได้ กองทัพบกมีโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายสิบทหารบก ถือเป็นต้นน้ำ ต้นทางของกองทัพบกซึ่งก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ เพราะฉะนั้นวันข้างหน้าอาจจะมีเหล่าไซเบอร์" พล.อ.อภิรัชต์กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"