ธรรมศาสตร์ไม่ทน ห้าม "ม็อบปลดแอก" ใช้มหาวิทยาลัยวิจารณ์สถาบันแบบเบิ้มๆ "เพนกวิน" กริ้วจัด! ก่อนยึดสนามหลวง ต้องบุกยึด มธ.คืนก่อน เพราะเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของขี้ข้ารับใช้เผด็จการไม่กี่คน ออกแถลงการณ์ประณามอาจารย์ พิจารณาตนเองว่าได้ปฏิบัติหน้าที่สมกับที่เป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยแห่งเสรีภาพแล้วหรือไม่ "บิ๊กตู่" วอน เอาชนะบนซากปรักหักพังของประเทศไทย แล้วจะอยู่กันอย่างไร
เมื่อวันที่ 10 กันยายน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้เผยแพร่เอกสารระบุว่า ตามที่กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้ขออนุญาตใช้สถานที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2563 และกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้มีการแถลงข่าวถึงรายละเอียดการชุมนุมไปแล้วนั้น
เนื่องจากการขออนุญาตดังกล่าว ยังไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศเรื่องแนวทางการอนุญาตจัดชุมนุมทางการเมืองของนักศึกษาในพื้นที่ของมหาวิทยาลัย ฉบับลงวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2563 ซึ่งกำหนดแนวทางเพื่อใช้กับการจัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมืองของนักศึกษาทุกกลุ่มในพื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งกำหนดขึ้นเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ในเรื่องสิทธิเสรีภาพ และความรับผิดชอบ ภายในขอบเขตของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และการเคารพความคิดเห็นที่แตกต่างตามระบอบประชาธิปไตย โดยควบคู่กับการดูแลสวัสดิภาพ ความปลอดภัยของนักศึกษา
เพื่อให้การใช้ประกาศนี้เป็นไปโดยเสมอภาคสำหรับนักศึกษาทุกกลุ่ม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงไม่อนุญาตให้กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดกิจกรรมได้จนกว่าจะได้มีการปฏิบัติตามประกาศโดยถูกต้อง
ต่อมา นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือเพนกวิน นักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์ parit chiwarak” ระบุว่า ถึงแม้ผู้บริหารมหาวิทยาลัยจะไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในการชุมนุม เราก็จะจัดการชุมนุมที่ธรรมศาสตร์กันต่อไป เพราะธรรมศาสตร์เป็นของประชาชน ไม่ใช่ของขี้ข้ารับใช้เผด็จการไม่กี่คน
นอกจากนี้ กลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุมเผยแพร่เอกสาร ยืนยันเดินหน้าการชุมนุม 19 กันยายน ที่ มธ.ท่าพระจันทร์ โดยมีเนื้อหาระบุว่า แนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ยืนยันเดินหน้าจัดการชุมนุมที่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ไม่เปลี่ยนแปลงสถานที่อย่างแน่นอน
แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมยืนยันว่า ก่อนหน้านี้ ทางแนวร่วมได้ดำเนินการขออนุญาตใช้สถานที่กับทางมหาวิทยาลัยอย่างถูกต้องตามขั้นตอน โดยได้แจ้งรายละเอียดให้ทางมหาวิทยาลัยได้ทราบ และมีอาจารย์ที่ปรึกษารับรองตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
การกระทำของมหาวิทยาลัยถือเป็นการใส่ร้ายและปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของนักศึกษาและประชาชน อันเป็นการทำลายจิตวิญญาณธรรมศาสตร์อย่างร้ายแรง เราจึงขอประณามการกระทำดังกล่าวของมหาวิทยาลัย และขอเรียกร้องให้ผู้บริหารมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดี และ รศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร ท่าพระจันทร์ ในฐานะผู้รับผิดชอบ ได้พิจารณาตนเองว่าได้ปฏิบัติหน้าที่สมกับที่เป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยแห่งเสรีภาพแล้วหรือไม่
ทั้งนี้ แนวร่วมขอยืนยันว่าจะใช้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เป็นสถานที่ชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.ต่อไป เพราะมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ย่อมเป็นของนักศึกษาและประชาชน จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนมารวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป เพื่อยึดธรรมศาสตร์คืนเป็นของประชาชน
แกนนำม็อบขอเงินเพื่อไทย
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า ในระหว่างการประชุมพรรคประจำสัปดาห์เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางส่วนได้รวมกลุ่มพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองของม็อบเยาวชนปลดแอก ที่จะมีการชุมนุมใหญ่ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่ง ส.ส.และแกนนำพรรคเพื่อไทยบางรายได้ระบุตรงกันว่า ถูกแกนนำม็อบรายหนึ่งติดต่อมาเพื่อขอรับการสนับสนุนเงินทุน โดยอ้างว่าเพื่อใช้ในการจัดชุมนุมใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปฏิเสธไป เนื่องจากเกรงว่าจะถูกอ้างชื่อไปพัวพันกับการชุมนุม ที่แม้พรรคเพื่อไทยจะสนับสนุนในแง่ของสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แต่ก็มีความเป็นห่วงกรณีการปราศรัยที่พาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ไม่เหมาะสม และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงในสังคมไทย
นอกจากนี้ยังได้ยินว่าแกนนำม็อบคนนี้โทรศัพท์หา ส.ส.และแกนนำพรรค รวมทั้งอดีตแกนนำที่ออกจากพรรคไปแล้วหลายคน คนไหนไม่มีเบอร์ก็ใช้วิธีอินบ็อกซ์ในเฟซบุ๊ก ส่งข้อความทางทวิตเตอร์ บอกว่าขอเงินทุนไปจัดม็อบใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ แต่ก็ไม่ได้ระบุตัวเลขว่าต้องการเท่าไหร่และนำไปใช้ในส่วนไหน บางคนเจอโทร.ตื๊อบ่อยเข้า ยอมให้เงินไปบ้างเพื่อตัดรำคาญ แต่เท่าที่ทราบส่วนใหญ่ปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้ถูกมองว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงที่มีปัญหาเกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูง
ก่อนการชุมนุมใหญ่ “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มีการประกาศ 10 ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับสถาบัน แกนนำผู้ชุมนุมหลายราย รวมถึงแกนนำรายนี้ ได้เคยโพสต์ข้อความประกาศหาท่อน้ำเลี้ยงเพื่อขอรับเงินบริจาคในการจัดการชุมนุมมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็มีปัญหาถูกทักท้วงว่ามีการให้เลขบัญชีที่ไม่ตรงกัน ตลอดจนมีการจัดเวทีขนาดใหญ่ โดยจ้างระบบแสงสีเสียงระดับคอนเสิร์ตย่อมๆ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าฟุ่มเฟือย แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการแจกแจงยอดเงินที่ได้รับบริจาค รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่ใช้จริงในการชุมนุมแต่อย่างใด นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมายังมีการประกาศเลขบัญชีส่วนตัวของแกนนำม็อบหลายรายที่ถูกจับกุมดำเนินคดี เพื่อขอรับการบริจาคในการต่อสู้คดีอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการวิเคราะห์ไปอีกว่าการนัดหมายชุมนุมวันที่ 19 ก.ย. ที่จะปักหลัก ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และวันที่ 20 ก.ย. ช่วงเช้าจะมีการเคลื่อนขบวนมาแสดงจุดยืนที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น อาจเป็นเป้าหลอก แต่แท้จริงอาจจะเคลื่อนขบวนมาได้ทั้งในช่วงกลางคืนวันชุมนุม หรือเช้าวันรุ่งขึ้น มาถึงลานพระบรมรูปทรงม้าเพื่อแสดงจุดยืน ทั้งนี้ ต้องดูรูปแบบการปราศรัยที่ ม.ธรรมศาสตร์ จะมีการก้าวล่วงไปถึงประเด็นที่ละเอียดอ่อนหรือไม่ แต่จากหัวข้อที่ใช้ในการชุมนุม 19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร รวมถึงแกนนำที่จัดแถลงข่าวการชุมนุมใหญ่ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นกลุ่มบุคคลที่เคยปราศรัยจนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงแนวคิดมาแล้ว
วันเดียวกันนี้ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน พร้อมด้วยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นำแกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันที พร้อมผู้ที่ถูกออกหมายเรียกทั้ง 6 คนจาก สภ.เมืองขอนแก่น เดินทางไป สภ.เมืองขอนแก่น โดยก่อนการรายงานตัวนั้น นายพริษฐ์ได้เผาหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างว่าเพื่อแสดงออกถึงการกดขี่ ความไม่ยุติธรรมในการแจ้งข้อกล่าวหาที่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาควบคุมสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม
นายพริษฐ์ยังเผยว่า ทุกสถานีตำรวจที่ออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมและผู้ชุมนุมจะมีการปราศรัยทุกที่
ในการเข้าพบพนักงานสอบสวนนั้น ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พนักงานสอบสวนจึงปล่อยตัวผู้ที่ถูกหมายเรียกทั้ง 6 คนให้กลับบ้านได้ ซึ่งทั้ง 6 คนได้ออกมาแสดงเชิงสัญลักษณ์ด้วยการชู 3 นิ้ว ด้านหน้า สภ.เมืองขอนแก่นด้วย
นายพริษฐ์กล่าวว่า ตำรวจได้แจ้ง 3 ข้อหา กับทั้ง 6 คน ใน 3 ข้อหาหลัก ซึ่งประกอบด้วย ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.ควบคุมโรค และ พ.ร.บ.การใช้เสียง แต่ทุกคนไม่รับรู้ไม่รับทราบข้อกล่าวหา ไม่เซ็นเอกสารใดๆ
"การที่เราเผาหมายเรียกไปนั้น เพราะไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม เป็นสัญลักษณ์ของการคุกคามประชาชน การลิดรอนสิทธิเสรีภาพโดยการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ จึงขอทำลายสัญลักษณ์เหล่านี้ด้วยการเผา และไม่ยอมรับกระบวนการใดๆ ทั้งสิ้น และหมายเรียกถือว่าเป็นเครื่องมือทางการเมืองกับกลุ่มผู้เห็นต่าง จึงไม่ขอรับทราบข้อหาที่ไม่ชอบธรรม"
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลอาญานัดไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาลของนายพริษฐ์ จากการปราศรัยที่หน้าบันไดศาลเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ในวันที่ 11 ก.ย. ว่าได้ปรึกษากับนายพริษฐ์ถึงการสู้คดีที่ ผอ.ศาลอาญา กล่าวโทษกรณีชุมนุมหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ละเมิดตาม ป.วิ.แพ่ง นายพริษฐ์บอกว่ามีเจตนาดี ไม่ได้ละเมิดอำนาจศาล อยากจะอธิบายให้ศาลฟังว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่เรื่องตำรวจมาจับนักเคลื่อนไหว ถ้อยคำไหนที่พูดก็จะยอมรับว่าพูดจริง แต่เขาจะชี้แจงข้อกฎหมายว่าไม่ได้ละเมิดอำนาจศาล และคงมีพยานหลักฐานที่จะอ้างต่อศาล ศาลจะสืบพยานทั้งฝ่ายผู้กล่าวหาและนายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหา
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีการออกไปเคลื่อนไหวข้างนอกอาจถูกมองว่าเป็นแกนนำม็อบ หรือเบื้องหลังของกลุ่มนักศึกษา นายปิยบุตรกล่าวว่า ข้อครหาว่าตนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการชุมนุมมีมาตลอด ซึ่งตนก็ยืนยันตลอดว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาและประชาชนที่ชุมนุมอยู่ตอนนี้นั้น ตนไม่ปฏิเสธว่าหลายคนเป็นคนที่เลือกพรรคอนาคตใหม่ ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา หลายคนเป็นอาสาสมัคร เมื่อพรรคยุบก็แยกย้ายออกไป แต่ที่บอกตนไปบริหารจัดการจะเป็นการดูหมิ่นดูแคลนนักศึกษา เพราะเขามีความคิดในการขับเคลื่อนการชุมนุม ซึ่งเป็นเสรีภาพในการแสดงออกของคนไทยที่อยากเห็นบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น อยากเน้นว่าควรมองให้เป็นเรื่องปกติ วันนี้ฝ่ายนี้แสดงออก วันหน้าอีกฝ่ายก็มาแสดงออก อย่าปิดกั้นการแสดงออกของใคร ไม่มีใครเป็นผู้ชนะตลอดกาล คือความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย ตนในฐานะพลเมืองไทยก็เอาใจช่วยให้กำลังใจเขา
"ปิยบุตร"ยืนยันไม่ชุมนุม
“วันที่ 19 กันยายนนี้ ผมไม่ได้จะออกไปประกาศเป็นแกนนำม็อบแต่อย่างใด ยืนยันจะไปร่วมชุมนุม แต่ไม่ขึ้นปราศรัย เพราะให้เป็นภารกิจของน้องๆ” นายปิยบุตรกล่าว
ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการแสดงแนวทางการพัฒนาประเทศ เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของนักศึกษา วปอ.รุ่น 62 วิทยาลัยเสนาธิการทหาร และวิทยาลัยการทัพของทั้งสามเหล่าทัพ ประจำปี 2563 โดยพล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า การทะเลาะเบาะแว้ง การสร้างความขัดแย้งเป็นการทำลายศักยภาพของเราโดยไม่รู้ตัว เราจะเอาชนะกันเพื่ออะไร เพื่ออำนาจเพื่อผลประโยชน์มันใช่หรือไม่ ตนมายืนอยู่ตรงนี้เพื่อ 2 อย่างอย่างนั้นหรือ คิดเอาเอง ตนไม่อยากจะแก้ตัวอะไรทั้งสิ้น เพราะตนรู้ว่าทําเพื่อใคร เพื่ออะไร ตนมีจิตวิญญาณของตน และขอให้ทุกคนเข้าใจว่าใจของตนต้องการให้ประเทศชาติสงบสุข มั่นคง ยั่งยืน มีอนาคต ดังนั้นจะเอาชนะกันไปทำไมบนซากปรักหักพังของประเทศไทย จะอยู่กันต่อไปอย่างไร สิ่งเหล่านี้ขอฝากไว้ด้วยแล้วกัน
“วันนี้ที่พูดเยอะ เพราะเมื่อวานไม่ค่อยได้พูด พยายามเบรกตัวเองว่าอย่าพูดๆ เวลาพูดให้ยิ้มไว้ เพราะสังคมเราเป็นแบบนี้ ไม่เป็นไร ต้องอดทน เพราะเรามีเป้าหมายหลักเพื่อประชาชน ผมก็มีกำลังใจแค่นี้ อย่างอื่นผมไม่มีอะไร ไม่ได้อะไรซักอย่าง ซึ่งก็ไม่เป็นไร ประเทศชาติได้ก็ว่ากันไป เราต้องร่วมมือกันสร้างอัตลักษณ์ของความเป็นไทย เช่น แค่การปั้นโอ่งก็สร้างความรักได้แล้ว และเราต้องเข้าใจสังคม ความเป็นไทยต้องช่วยกันปลูกฝังคนรุ่นหลังไม่ให้เกิดปัญหาการทะเลาะเบาะแว้ง อย่าลืมว่าเราคือครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวคนไทย ครอบครัวประเทศไทยเราต้องรวมไทยสร้างชาติ" นายกฯ กล่าว
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงที่้ทำเนียบรัฐบาลว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ แต่กำชับให้เจ้าหน้าที่อดทนอย่างเดียว และอย่าใช้ความรุนแรง ซึ่งนายกฯ เป็นห่วงเรื่องการปะทะและยื้อยุดฉุดกระชาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงอยู่แล้ว จากการข่าวทราบว่า เบื้องต้นจะชุมนุมไม่เกิน 2 วัน
ผบ.ตร.ยืนยันว่า ไม่ได้ใช้แผนกรกฎ 52 เพราะไม่มีนโยบายใช้รุนแรงอยู่แล้ว และย้ำว่านายกฯ กำชับให้เจ้าหน้าที่อดทน จึงไม่มีใช้ชื่อแผนอะไรทั้งสิ้น แต่เป็นการดูแลความปลอดภัยตามปกติ
พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) กล่าวถึงกรณีการดูแลการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาที่กำหนดจัดขึ้นวันที่ 19 กันยายน 2563 นั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วย ทุกนาย ปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมด้วยวิธีแบบสากล คือไม่ให้มีตำรวจนายใดพกพาอาวุธติดตัว ให้ถือกฎหมายเป็นที่ตั้ง แต่หากพบการกระทำผิดใดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้เป็นระบบ 2 มาตรฐาน และขอยืนยันว่าตำรวจจะไม่เข้าชาร์จตัวผู้ชุมนุมอย่างที่เหตุในฮ่องกงแน่นอน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |