สหรัฐอเมริกากำลังบุกหนักในย่านนี้เพราะต้องการสกัดการผงาดของจีน
การรุกคืบของอเมริกามาในหลายรูปแบบ...ทั้งการทูต, การทหาร, การเมือง, เศรษฐกิจและสังคม
การทูตอเมริกันภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อจีนค่อนไปทางแข็งกร้าว ดุดันและตีแสกหน้า
ผมได้นั่งคุยกับท่านเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยคนใหม่ “ไมเคิล จอร์จ ดีซอมบรี” เมื่อสัปดาห์ก่อน
ยืนยันได้ว่าถอดแบบจากท่านประธานาธิบดีมาเกือบจะทั้งหมด
ท่านไม่ใช่นักการทูตอาชีพ ไม่ใช่คนของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ
อาชีพเดิมคือหุ้นส่วนใน Sullivan & Cromwell ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาเรื่องการลงทุนและควบรวมกิจการ ประจำอยู่ที่ฮ่องกงมายาวนาน
ผมถามความเกี่ยวดองของท่านทูตกับโดนัลด์ ทรัมป์ ได้คำตอบว่าเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Republicans Overseas for Americans Abroad หรือองค์กรรีพับบลิกันในต่างประเทศสำหรับคนอเมริกันนอกบ้านมาตั้งแต่ปี 2013
เป็นองค์กรที่เน้นเรื่องการรณรงค์เพื่อการปฏิรูประบบภาษีเพื่อเอื้อต่อการทำงานของนักธุรกิจอเมริกันในต่างประเทศ
ท่านทูตเจอผมก็เล่าเป็นฉากๆ ได้เลยว่าท่านติดตามรายการต่างๆ ของผมทางออนไลน์, ทีวีและคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์อย่างละเอียดยิบ
ท่านรู้ว่าผมได้วิพากษ์วิจารณ์ท่านไว้ว่าอย่างไร...ด้วยอารมณ์ขันและความเป็นกันเอง
เราจึงมีบทสนทนาที่สนุกสนานครึกครื้น...แม้จะมีความเห็นที่แตกต่างกันบางประการก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
ท่านถามผมว่าคิดว่าสหรัฐฯ ควรจะทำอย่างไรในภูมิภาคนี้
ผมบอกว่าตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี สหรัฐฯ ทำท่าจะเอาอเมริกาออกห่างจากภูมิภาคนี้ไป
ท่านสวนทันควันเลยว่าไม่จริง เป็นความเข้าใจผิด สหรัฐฯ ไม่เคยถอยออกจากเอเชียหรืออาเซียนหรือประเทศไทยแต่อย่างไร
“ผมขอยืนยันกับคนไทยว่า สหรัฐฯ ยังคงมีบทบาทสำคัญในเอเชีย และเราเห็นประเทศไทยมีความสำคัญมากในภูมิภาคนี้ ตั้งแต่ผมรับตำแหน่งนี้ในประเทศไทย ผมได้เข้าหาคนกลุ่มต่างๆ เพื่อตอกย้ำความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับไทยที่ไม่เสื่อมคลาย...” ท่านทูตดีซอมบรีบอกผมด้วยเสียงดังฟังชัด
นโยบายสหรัฐฯ ต่อจีนก็ชัดเจนเช่นกัน
ท่านทูตบอกว่า วอชิงตันไม่ต้องการกดดันบังคับประเทศใด รวมทั้งประเทศไทย ว่าจะต้องอยู่ข้างสหรัฐฯ ในทุกๆ เรื่อง
“เราเคารพในสิทธิการตัดสินใจของแต่ละประเทศ แต่เราก็ต้องการชี้ให้เห็นถึงอันตรายของการขยายอิทธิพลของจีนที่ไม่ถูกต้องในหลายๆ ด้าน...” ท่านทูตสหรัฐฯ บอกผม
ท่านวิเคราะห์บทบาทจีนที่สหรัฐฯ เห็นว่าไม่น่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศอื่นในแถบนี้เกือบทุกกรณี
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทะเลจีนใต้, แม่น้ำโขง, หัวเว่ย, TikTok, ทรัพย์สินทางปัญหา หรือแม้กระทั่งสถาบันขงจื้อ
เราแลกเปลี่ยนถกแถลงกันอย่างตรงไปตรงมาหลายเรื่อง
แม้กระทั่งเรื่องหนัง Ugly American ที่เคยโด่งดังสมัยอดีตนายกฯ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช แสดงร่วมกับดาราฮอลลีวูดคนดังอย่าง Marlon Brando
ผมถามท่านทูตว่าได้ดูหนังเรื่องนี้หรือยัง ถ้ายังควรจะดูเพราะมีอะไรหลายอย่างที่สหรัฐฯ กับไทยควรเรียนรู้จากประวัติศาสตร์
“ผมอ่านแต่หนังสือแต่ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้” ท่านทูตบอก
บทสนทนาวันนั้นสนุกสนานและได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์
เมื่อนักธุรกิจสหรัฐฯ ที่คุ้นเคยกับเอเชียยาวนานกลายมาเป็นทูตเบอร์หนึ่งประจำประเทศไทย เราก็ได้ยินได้ฟังวิธีคิดและแนววิเคราะห์ที่แปลกและแตกต่างออกไป
แม้แต่การทักทายระหว่างกัน ท่านทูตกับผมก็ใช้วิธีการที่ไม่เหมือนก่อนเช่นกัน
หลังจากคุยกันวันนั้น ผมก็ได้อ่านรายงานล่าสุดของรัฐบาลอเมริกันว่าด้วย “ภัยคุกคามจากจีน” ที่สอดคล้องต้องกันกับสิ่งที่ท่านทูตดีซอมบรีได้บอกกล่าวกับผม
เป็นกรอบความคิดของอเมริกาวันนี้ต่อจีนที่คนไทยควรรับทราบ และนำไปประกอบการวิเคราะห์และวางนโยบายของไทยเราต่อเวทีระหว่างประเทศในยุค “ระเบียบโลกใหม่” อย่างน่าสนใจยิ่ง
อ่านต่อพรุ่งนี้ครับ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |