'วิโรจน์' อัดยับประชาชนไล่ 'ประยุทธ์' ลาออก เพื่อให้ประเทศมีฟ้าสีทองผ่องอำไพ


เพิ่มเพื่อน    

10 ก.ย.63 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงดึกวันที่ 9 ก.ย. 2563 ที่อาคารรัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายทั่วไปแบบไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี พ.ศ. 2560 โดยระบุถึงสาเหตุที่นักศึกษาและประชาชนต้องออกมาชุมนุมเรียกร้องทั่วประเทศในเวลานี้ว่า เป็นเพราะความเดือดร้อนที่มีทุกหัวระแหง ส่วนนักเรียนนักศึกษาต้องเจอกับระบบการศึกษาแบบยัดเยียดตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ทั้งเนื้อหาเหยียดเพศ วิชาประวัติศาสตร์ที่สอนให้เหยียดหยามชนชาติอื่น และเนื้อหาที่เชิดชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ส่งผลให้นักเรียนนักศึกษายิ่งต้องค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมด้วยตนเอง จนรู้เท่าทันประวัติศาสตร์ในยุคต่างๆ ไม่ว่าการรัฐประหารปี 2549 เหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 2535 เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 หลายคนยังได้ค้นคว้าและอ่านไปถึงหนังสือที่เขียนโดย ธงชัย วินิจจะกูล นักวิชาการที่เคยเป็นอดีตผู้นำนักศึกษาในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จึงทำให้ไม่ตกเป็นเหยื่อโดยเฉพาะจากผังล้มเจ้าอันล่าสุดที่ถูกสร้างขึ้น เพราะพวกเขามีภูมิต้านทานเนื่องจากรู้ว่า ผังล้มเจ้าฉบับก่อน ผู้จัดทำได้ยอมรับในชั้นศาลแล้วว่าเป็นการแต่งขึ้นเอง

จากนั้น นายวิโรจน์ จึงได้อภิปรายถึง ปัญหาในการบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า มีโอกาสได้ใช้งบประมาณสูงถึง 20 ล้านล้านบาท แต่กลับเอาไปซื้ออาวุธ เรือดำน้ำ เครื่องบิน VIP รถยานเกราะสไตรเกอร์ ส่งทหารไปฝึกที่ฮาวายแล้วก็นำเชื้อโควิดกลับมา โดยไม่มีการเรียนรู้ถอดบทเรียนกรณีสนามมวยลุมพินี ซึ่งงบประมาณเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในการพยุงการจ้างงานให้กับประชาชนและการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ แต่ความจริงที่ยังปรากฏคือ รถประจำทางใช้มาตั้งแต่พฤษภา 2535 งบประมาณอาหารกลางวันของนักเรียนยังอยู่ที่ 20 บาทต่อหนึ่งคนตั้งแต่ปี 2556 แทนที่ประชาชนจะมีรถไฟความเร็วสูงได้ใช้ก็กลับไม่มี

ที่มีคือปฏิบัติการ IO คอยโจมตีนักเรียนนักศึกษาที่พูดเรื่องปัญหาเชิงโครงสร้างต่างๆ มีการป้ายสีเรื่องการปั่นแฮชแท็กจากนอกประเทศ ทั้งที่ในความเป็นจริงสามารถตรวจสอบจาก VPN ได้ แต่กลับล้าหลังไม่เข้าใจเทคโนโลยีได้อย่างดีพอ ปี 2559 มีคำว่า Start up เกิดขึ้นแต่ในความเป็นจริงประเทศไทย ยังไม่มี Start up ที่ประสบความสำเร็จเป็นระดับครีมหรือ Unicorn ที่มีมูลค่าธุรกิจสูงเกิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐเลย ซึ่งประเทศอื่นในแถบอาเซียนมีแล้วทั้งหมด ขณะที่ธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่โตวันโตคืนก็คือธุรกิจทุนผูกขาด สะท้อนระบอบอภิสิทธิ์ชนที่เกาะกินประเทศนี้แล้วทั้งหมด เครือข่ายอุปถัมภ์เท่านั้นที่จะทำให้คนรวยได้ และเป็นไปไม่ได้เลยที่ธุรกิจเล็กๆ จะสามารถลืมตาอ้าปากได้

“ด้วยเหตุนี้จึงขอแนะนำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ออกจากมุมที่มืดบอด มุมที่เป็นเผด็จการอำนาจนิยม ที่จะฟังแต่คำเยินยอแต่ไม่ยอมฟังปัญหาที่เป็นข้อเท็จจริง จนคนรอบข้างและบริวารต้องรายงานแต่คำชมเพื่อเอาใจ และทำให้ตัวเองเชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีประชาชนรัก เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่มีความสามารถ วันนี้ หากนายกรัฐมนตรียอมไปเดินตลาดและเปิดใจจะรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ที่น่ารังเกียจที่สุดของประเทศไทยที่ประชาชนอยากจะยกป้ายประท้วง ปาสีปาไข่ใส่ รวมทั้งขอแนะนำว่า ต้องเลิกคิดว่า การเป็นโจรกบฎในปี 2557 คือการเป็นฮีโร่ เป็นวีรบุรุษ เป็นบุญเป็นคุณกับประเทศแห่งนี้ เพราะในความเป็นจริงของประเทศทุกวันนี้ ควรเรียกว่าเป็นทรราชย์ก่อกรรมทำเข็ญให้กับประเทศมากกว่า

ต้องสำนึกตัวได้แล้วว่าเป็นนายกรัฐมนตรีมาเกือบ 7 ปี มีอำนาจตามมาตรา 44 เป็นรัฐบาลที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินยาวนานมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ มีองค์กรอิสระ มี ส.ว.250 คนที่แต่งตั้งขึ้นมาเองคอยทำงานรับใช้ให้อยู่เหนือกฎหมาย ใช้งบประมาณทั้งหมดสูงถึง 20 ล้านล้านบาท ซึ่งเงินก้อนนี้สูงถึงขนาดที่สามารถให้มีประชาชนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ได้จำนวน 3 ล้านกว่าคน และถ้าแจกคนไทยทั้งประเทศ 67 ล้านคน จะได้คนละ 3 แสนบาท ส่งเยาวชนเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาถึงปริญญาตรีได้ถึง 10 ล้านคน

การมีอำนาจขนาดนี้ กลไกช่วยเหลือเต็มไปหมด งบประมาณมหาศาลขนาดนี้ แต่กลับมีสติปัญญาทำประเทศได้ตกต่ำด่ำดิ่ง ทำให้คนไทยหมดอนาคตได้ถึงเพียงนี้ จึงหมดความชอบธรรมไปแล้ว และอย่าคิดไปสมคบคิดที่จะไปร่วมมือทำการกบฎรัฐประหารอีก หมดเวลาของ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว ออกไปเพื่อให้บ้านเมืองได้เจริญเสียที ออกไปให้ประเทศนี้มีฟ้าสีทองผ่องอำไพ ให้ประชาชนได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน เผด็จการจะได้พินาศและประชาราษฎร์จะได้เจริญ”


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"