สธ.ยกระดับมาตรการรับมือโควิดจากพม่า จัดงบ-ส่งเวชภัณฑ์ให้ รพ.ชายแดน ถกฝ่ายมั่นคงเพิ่มโทษสูงสุดฟันแก๊งลักลอบพาแรงงานต่างด้าวเข้าเมือง มท.สั่งผู้ว่าฯ ค้นหาแรงงานผิด กม. เพิ่มคุมเข้มตั้งด่านตรวจสกัดทุกเส้นทาง "อนุทิน" นั่งประธานคกก.อนามัยโลกอาเซียน ปลื้มทุกประเทศชื่นชมไทยจัดการโควิดได้ดี
เมื่อวันที่ 9 กันยายน เวลา 11.30 น. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวันว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 1 ราย ในสถานที่กักตัวของรัฐ โดยเป็นชายชาวญี่ปุ่น อายุ 38 ปี อาชีพ Film Producer เดินทางจากประเทศญี่ปุ่นถึงไทยวันที่ 4 ก.ย. เข้าพักในสถานที่กักตัวแบบทางเลือกในกรุเทพฯ และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ในวันที่ 7 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมรวม 3,447 ราย มียอดสะสมของผู้ที่รักษาหายแล้ว 3,286 ราย ผู้เสียชีวิตสะสมยังคงที่ 58 ราย
ศบค.เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามผู้สัมผัสผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 ว่าข้อมูลล่าสุดของกรมควบคุมโรค พบว่ามีจำนวนผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ รวม 1,003 ราย โดยมีผู้รับการตรวจแล้ว 569 ราย ซึ่งมี 537 รายที่ผลระบุไม่พบเชื้อ แต่ 32 ราย ยังรอผลตรวจ อย่างไรก็ตามยังรอติดตามผลตรวจกรณีในเรือนจำและห้างสรรพสินค้า
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายธนิตพล ไชยนันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงถึงมาตรการควบคุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในเมียนมา ว่า 1.สธ.ได้ยกระดับเรื่องการสนับสนุนเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อรักษาคนที่ติดเชื้อ ซึ่งขณะนี้ สธ.ได้ส่งทั้งงบประมาณและเวชภัณฑ์ไปให้โรงพยาบาลที่อยู่ตามแนวชายแดนเรียบร้อยแล้ว 2.การสนับสนุนสาธารณสุขจังหวัด สาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ รวมถึงอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในพื้นที่ติดชายแดน
นอกจากนี้จะสร้างภาคีเครือข่ายภายในระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน เพื่อให้การตรวจสอบบุคคลที่เข้ามายังพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง รวมถึงภาคีเครือข่ายประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อช่วยกันสนับสนุนการตรวจสอบเฝ้าระวัง ขณะเดียวกันจะมีมาตรการชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อลงไปช่วยสนับสนุน ทั้งนี้ ขอให้ความมั่นใจกับประชาชนว่ามาตรการต่างๆ มีความพร้อมให้ประชาชนได้รับความปลอดภัย ส่วนด่านชายแดนต่างๆ ใน จ.ตาก ที่มีทั้งด่านถาวรและด่านธรรมชาติ ทั้งหมดได้ปิดจนกว่าจะมั่นใจว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้จึงจะทยอยเปิด รวมทั้ง สธ.ได้หารือเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการกับฝ่ายความมั่นคง ขอให้หามาตรการเพิ่มโทษผู้ที่ลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย หากพบการกระทำผิดจะใช้กฎหมายขั้นสูงสุด
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีโรงเรียนสารสาสน์วิเทศศึกษา สมุทรปราการ ประกาศปิดเรียน หลังมีผู้ปกครองนักเรียนติดเชื้อโควิด-19 ว่าผู้ปกครองรายนี้เป็นสมาชิกในครอบครัวของดีเจที่เป็นผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่ได้พบเชื้อโควิด-19 และจะครบกำหนดกักกัน 14 วัน ในวันที่ 10 ก.ย.นี้ ดังนั้นนักเรียนและครูที่โรงเรียนซึ่งเป็นผู้สัมผัสกับเด็กที่ไม่พบเชื้อจึงไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง เนื่องจากผู้ปกครองรายนี้เพียงแต่ไปส่งเด็ก โดยไม่ได้เข้าไปในพื้นที่โรงเรียน และขณะนั้นมีการสวมหน้ากากอนามัยด้วย และมีผู้ที่ทำหน้าที่คัดกรองหน้าโรงเรียน 3 คน เป็นผู้เสี่ยงต่อ ส่วนคนในโรงเรียนที่เหลือโอกาสได้รับเชื้อแทบไม่มี และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นนานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว จึงขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการอนามัยโลก ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สมัยที่ 73 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (เทเลคอนเฟอเรนซ์) ว่าทางคณะกรรมการฯ ที่ประกอบด้วยสมาชิก 14 ประเทศ ได้เลือก รมว.สธ.ของประเทศไทย คือตน เป็นประธานคณะกรรมการฯ โดยดำรงวาระ 1 ปี (ถึงปี 2564) ทั้งนี้ เป็นการเลือกตามความเหมาะสม และคิดว่าเลือกโดยพื้นฐานที่ประเทศไทยสามารถจัดการสถานการณ์โควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่ชื่นชม และเป็นตัวอย่างที่ดีตัวอย่างหนึ่งของโลก โดย รมว.สธ.ประเทศภูฏานเป็นผู้เสนอชื่อตน และมีรมว.สธ.ของประเทศอินโดนีเซียเป็นผู้รับรอง และในวันที่ 10 ก.ย.นี้ จะมีการประชุมอีกครั้ง ซึ่งตนจะปฏิบัติหน้าที่เป็นประธาน ซึ่งจะนำเรื่องปัญหาสาธารณสุขต่างๆ นโยบาย แผน ความร่วมมือระหว่างประเทศภูมิภาค และความช่วยเหลือกันระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ที่ตอนนี้ทุกประเทศเน้นไปที่เรื่องโควิด-19 และนำเรื่องดังกล่าวมาเป็นวาระแห่งชาติ
ทางด้านศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิค-19) กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยว่า นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดำเนินการ 3 มาตรการเข้มข้น ได้แก่ 1.ให้จังหวัดชายแดนที่มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเมียนมา เพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระมัดระวังไม่ให้มีการลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย และไม่ผ่านกระบวนการคัดกรองโรค 2.ให้จังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับชายแดนซึ่งมีเส้นทางคมนาคมทั้งสายหลัก สายรอง ต่อเนื่องกัน จัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด ตรวจตรา เฝ้าระวัง และสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หากพบ ให้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายและมาตรการทางด้านสาธารณสุข
3.ให้ทุกจังหวัดบูรณาการส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ติดตามค้นหาแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบกลับเข้าประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ทั้งในสถานประกอบการและสถานที่ทำงานที่มีการใช้แรงงานต่างด้าว หากพบให้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายและมาตรการทางด้านสาธารณสุข รวมทั้งให้ประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน ช่วยกันเฝ้าระวัง สอดส่อง หากพบหรือมีบุคคลต้องสงสัยว่าเป็นแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบกลับเข้าประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ให้แจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ทางสายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |