9 ก.ย.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการพิจาณารายละเอียดแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก.(ฉบับปรับปรุงใหม่) เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยมีนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน โดยมี 4 หน่วยงานของกระทรวงการคลัง ประกอบด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) และสำนักงบประมาณ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงคมนาคม ได้มีความเห็นร่วมกัน และได้ข้อยุติแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดแผนฟื้นฟูฯ ให้มีความชัดเจน และสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“เตรียมสรุปและเสนอคณะกรรมการพิจารณารายละเอียดแผนฟื้นฟูฯ ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในวันที่ 14 ก.ย. 2563 นี้”แหล่งข่าวกล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ในการประชุมคณะกรรมการพิจารณารายละเอียดแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ฉบับปรับปรุงใหม่) โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานนั้น ได้มีการประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2563 ที่ผ่านมา โดยได้แต่งตั้งนายชัยวัฒน์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการ เพื่อไปจัดทำแผนการบริหารหนี้ให้มีความชัดเจนว่าจะบริหารอย่างไร รวมถึงอธิบายรายละเอียดเรื่องการดำเนินงานฟื้นฟูที่จะไม่ให้เกิดภาระหนี้ในอนาคต พร้อมกันนี้ จะต้องจัดทำรายละเอียดอย่างรอบคอบ สามารถตอบคำถามในบางประเด็นของแผนฟื้นฟูฯ ได้ เช่น การแก้ไขปัญหาการขาดทุนของ ขสมก. อย่างยั่งยืน โดย ขสมก. จะมี EBITDA เป็นบวกในปี 2572 รวมถึงการทำผลกำไรจากการจัดเก็บอัตราค่าโดยสารที่ถูกลงในราคา 30 บาท/คน/วัน (ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว) ด้วย
ทั้งนี้ข้อสรุปของการประชุมเมื่อวานที่ผ่านมา ยังคงสามารถเดิมของแผนฟื้นฟูฉบับใหม่ไว้ มีการตั้งข้อสังเกต 3-4 ข้อ เพื่อให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. กลับไปจัดทำรายละเอียด ก่อนนำเสนอที่ประชุมในวันที่ 14 กันยายนนี้ โดยข้อสังเกตประกอบด้วย เรื่องของราคาในการจัดจ้างรถร่วมเอกชน เข้ามาร่วมเดินรถตามแผนฟื้นฟูใหม่ 54 เส้นทาง ซึ่งมีการนำข้อมูลราคาว่าจ้าง จากหน่วยงานกลางเข้ามาชี้แจงให้ที่ประชุมทราบ อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ที่ประชุมขอให้ ขสมก.กลับไปนำข้อมูลด้านวิชาการจากหน่วยงานอื่น 1-2 หน่วยงาน เข้ามาประกอบเป็นข้อมูลรวม เพื่อให้ทราบราคาว่าจ้างเฉลี่ย ประกอบการพิจารณาและตัดสินใจของที่ประชุม
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการบริหารพลังงานไฟฟ้า หรือการชาร์จแบตเตอรี่ให้กับรถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี. ซึ่งมีความแตกต่างจากรถที่ใช้น้ำมันทั่วไป เนื่องจากรถเหล่านี้จะต้องหมุนเวียนเข้าอู่ที่มีอุปกรณ์ชาร์จ และต้องใช้ระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มอย่างเหมาะสม จึงต้องมีการปรับบริหารเวลาการเดินรถให้สอดคล้อง กับการจัดการพลังงานด้วย ซึ่งส่วนนี้ที่ประชุมขอให้ ขสมก.เตรียมข้อมูลไม่แจกแจงรายละเอียดด้วย
อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นเรื่องของเงินภาระเกี่ยวกับการบริการเดินรถด้านสังคม หรือ PSO จากปัจจุบันหากแผนฟื้นฟูฉบับใหม่ ขสมก. ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ระยะเวลาที่ดำเนินการไปจนถึงปี 2572 ซึ่งผลประกอบการของ ขสมก.จะกลับมาเป็นบวก โดยช่วงเวลาดังกล่าว ที่ประชุมต้องการทราบถึงตัวเลข PSO ที่ชัดเจนในแต่ละปี เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ที่ภาครัฐ ยังจำเป็นต้องอุดหนุน ขสมก. แต่ละปีเฉพาะช่วงเวลาดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในส่วนสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับแผนฟื้นฟูฉบับใหม่นั้น เช่น การจัดหารถเมล์พลังงานไฟฟ้าจำนวน 2,511 คัน การเก็บค่าโดยสารกับเหมาจ่าย วันละ 30 บาท ที่ประชุมเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าวหมดแล้วและหากที่ประชุมที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ความเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก.ฉบับใหม่ ในวันที่ 14 กันยายน 63 กระทรวงคมนาคมก็เตรียมนำแผนฟื้นฟูดังกล่าวเข้าขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ภายในเดือนกันยายนนี้ ตามที่นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคมที่จะเกษียณอายุราชการภายในเดือนกันยายนตั้งใจไว้จะทำโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จในระหว่างที่ยังปฏิบัติหน้าที่
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |