9 ก.ย.2563 - นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (กก.) อภิปรายในญัตติซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเรื่องวิกฤตทางเศรษฐกิจและวิกฤตทางการเมือง โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ว่าท่ามกลางวิกฤตรอบด้านปัจจัยที่ทำให้ประเทศไม่สามารถเดินทางไปข้างหน้าได้ คือ วิกฤตภาวะผู้นำของรัฐนาวาที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับสภาวะที่กำลังก่อตัวขึ้นในโลกใบนี้ สิ่งที่ต่างกันระหว่างวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ปี 2540 กับวิกฤตปีนี้ คือระบบการเมืองที่อำนวยให้แก้ปัญหา ในปี 2540 เอื้อพรรคยึดโยงกับประชาชนแก้วิกฤตให้บ้านเมือง แต่ตอนนี้มีระบบการเมืองที่แข็งตัว ไม่ตอบสนอง ไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤตทางการเมือง เศรษฐกิจ รวมถึงระบบการศึกษา ประชาชนคนหนุ่มสาวต้องออกมาทวงอนาคต ไม่ใช่ว่าเป็นความแตกต่างกันระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่เหมือนกับที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นการปะทะกันระหว่างคนที่มีกับประเทศที่หมดหวัง คนที่ยังมีหวังที่ใช้ชีวิตกับประเทศที่สิ้นหวัง ความสิ้นหวังที่เห็นชัดที่สุดคือความสิ้นสุดหวังทางเศรษฐกิจ
นายพิธา กล่าวต่อว่า เศรษฐกิจไทยบ๊วยเกือบที่สุดในเอเชียจาการทำสำรวจของไอเอ็มเอส ในสิ้นปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยเกือบอยู่ท้ายสุดของเอเชีย ไม่เพียงเท่านั้น ความล้มเหลวจะเริ่มส่งผลต่อคนชนชั้นกลางและเจ้าของกิจการ ขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทจะแข็งตัว ซึ่งซ้ำเติมผู้ส่งออก สิ่งเหล่านี้สะท้อนจำนวนตัวเลขคนว่างงาน ซึ่งตอนนี้สูงถึงห้าเท่าเมื่อเทียบกับเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมท่องเที่ยวหายเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ โครงการเที่ยวปันสุขคนมาใช้เพียง 17 เปอร์เซ็นต์ โรงแรมขนาดกลางและเล็กไม่ได้เข้าร่วมโครงการ จึงไม่แปลกใจที่ชาวภูเก็ตบอกว่าป่าตองกลายเป็นป่าช้า ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงภาวะสุญญากาศในการบริหารเศรษฐกิจ กัปตันสวมเกียร์ว่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวในยามที่พายุโหม ดูเหมือรัฐบาลนอกจากใจเย็นก็ยังเลือดเย็นกับประชาชน
“เศรษฐกิจยิ่งแก้ คนต้องกล้าใช้จ่าย แต่ขณะนี้ดัชนีผู้บริโภคยิ่งดิ่งลึกลงกว่าเดิม ร้ายกว่านั้นหน่วยงานราชการยังคอรัปชั่น ดั่งที่มีรายงานของปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาว่างงบประมาณปี 62 มีหน่วยงานราชการยักยอกในธุรกิจจัดซื้อจัดจ้าง มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท นายกรัฐมนตรีมีโอกาสตลอด 5 ปี ไม่มีฝ่ายค้าน งบประมาณเต็มมือที่จะสร้างรัฐเปิดเผย บริหารราชการบนพื้นฐานความโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบการทุจริต นายกมีโอกาส แต่ไม่ได้ทำ จนทำให้คนในประเทศต้องมารับกับความมืดมนสิ้นหวัง ในอนาคตอันใกล้หากรัฐบาลไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจะมีแรงกดดันเพิ่มมากขึ้นทั่วประเทศและทุกชนชั้น บ้านเมืองถึงทางตัน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว
นายพิธา กล่าวอีกว่า ความน่าเศร้าที่สุดในตอนนี้ คือ ในช่วงที่มีความมืดมนเราดันมีนายกฯ ที่ไม่มีภาวะผู้นำอยู่ในระบบการเมืองที่บิดเบือน ไม่ต้องหลับตาก็รู้ว่าพังพินาศเพียงใด พรรคการเมืองที่เสนอท่านเป็นนายกฯ ก็เพราะรัฐธรรมนูญปี 2560 ออกแบบมาเพื่อพรรคพวก พรรคที่ได้คะแนนอันดับหนึ่งกลับไม่สามารถเป็นรัฐบาลได้ตามเจตจำนงของประชาชน ท่านเองได้เป็นนายกฯ ก็เพราะกฎกติกาที่พวกพ้องท่านเขียนเอง ตั้ง 250 ส.ว.ให้มีจำนวนมากกว่าพรรคการเมืองใดๆ รัฐธรรมนูญปัจจุบันถูกร่างขึ้น ไม่ได้มีไว้เพื่อแก้ปัญหาสังคม แต่เป็นรัฐธรรมนูญที่ทำหน้าที่เฉพาะกิจสืบทอดอำนาจรักษาอำนาจของพวกท่านให้ยาวนานที่สุด สภาวุ่นวายอยู่กับการป้อนกล้วยให้งูกิน ทำให้เกิดรัฐบาลผสมไม่มีเอกภาพและไร้คุณภาพ ประเทศเดินทางไปอย่างไรทิศทาง มองไม่เห็นอนาคต
นายพิธา กล่าวด้วยว่า เมื่อประชาชนออกมาชุมนุมเพื่อเรียกร้องอนาคต นอกจากรัฐบาลจะแก้ปัญหาไม่ได้ ก็ไม่รับฟังและยังคุกคามเสรีภาพ การใช้มาตรา 116 ไม่สมเหตุสมผล ยิ่งขยายความขัดแย้ง ตนเกรงว่าจะกลายเป็นการยั่วยุท้าทายให้ประชาชนโกรธ เมื่อผู้ก่อการเป็นนักเรียน ท่านจะต้องจับอีกสักกี่คนถึงจะเข้าใจว่าการคุกคามไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย ท่านจะหันกระบอกปืนเข้าหาพวกเขาที่เป็นอนาคตของประเทศและมือเปล่าหรือไม่ หวังว่าท่านจะคิดได้และไม่ขาดสติจนนำประเทศไปถึงจุดนั้นอีก สิ่งที่ฉุดรั้งอนาคตคนไทยไว้คือ ระบบราชการและระบบการศึกษา ระบบราชการไทยมีความแข็งตัวสูง เป็นระบบอุปถัมภ์ที่มีแต่พรรคพวก ไม่ยอมให้ใครล้ำเส้น เป็นระบบที่ล้าหลัง ไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน ขณะที่ระบบการศึกษาไทยก็ล้าหลัง และไม่เคยเปลี่ยน โรงเรียนจึงกลายเป็นแหล่งบ่มเพาะระบบอำนาจนิยมที่แรกที่เด็กได้พบเจอ ทั้งการใช้อำนาจของครูกับลูกศิษย์ หรือรุ่นพี่ที่กดทับรุ่นน้อง วันนี้นักเรียน นักศึกษาต้องการจะปลดแอกตัวเองจากระบบที่ห่วยแตกแบบนี้
นายพิธา กล่าวทิ้งท้ายว่า เราต้องการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่เรายังมองไม่เห็นอนาคตว่าจะเดินไปอย่างไร เพราะแม้แต่การจัดทำงบประมาณก็ยังทำเหมือนเดิม ระบบราชการยังคงรวมศูนย์ ระบบการศึกษายังไม่มีการปรับตัว สังคมไทยจึงมืดมิด เพราะท่านหวงแหนอดีตที่ทำให้ท่านได้ประโยชน์ แต่สร้างเวรกรรม ทำให้พวกเขาก้าวสู่อนาคตไม่ได้ ทั้งนี้ ไม่มีครั้งไหนที่นักเรียน นักศึกษาประท้วงรัฐบาลมาก และกระจายไปทั่วประเทศขนาดนี้ หยั่งรากลึกลงไปจนถึงระดับนักเรียนมัธยม ซึ่งถ้าท่านปฏิรูปประเทศจริงตั้งแต่ 6 ปีก่อน การชุมนุมของนักศึกษาจะไม่เกิดขึ้น ดังนั้น เลิกดูถูก เลิกทวงบุญคุณว่าท่านเข้ามาบริหารประเทศเพราะอะไร เพราะคนที่ปลุกให้พวกเขาตื่นขึ้นมาก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ วันนี้ชัดเจนแล้วว่า ความวุ่นวาย ความสิ้นหวัง ความล้าหลังนั้น ใจความล้มเหลวมันอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อแก้ปัญหาไม่ได้ ท่านก็ควรหลีกทาง ลงจากอำนาจ คืนอนาคตให้กับประเทศชาติ ออกไปก่อนที่ประเทศจะย่อยยับเกินกว่าที่พวกท่านจะชดใช้ไหว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |