จ่อเปิดชื่อบิ๊กตร.เอี่ยวคดีบอส


เพิ่มเพื่อน    

  นายกฯ ยืนยันอีกครั้งรับไม่ได้ "คดีบอส" เผยเดี๋ยวก็รู้รายชื่อบิ๊กตำรวจเอี่ยวคดีมีใครบ้าง หลัง "ป.ป.ท." เรียกสอบสวน  ลั่นผู้เกี่ยวข้องต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย "แก้วสรร" ตอกย้ำผลไม้พิษที่เกิดจากความเน่าเปื่อยของกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบต้องปฏิรูป

    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ถึงกรณีองค์กรต่างๆ เรียกร้องให้เปิดข้อมูลผลสอบคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา รวมถึงคลิปเสียงสนทนาระหว่างอัยการกับบิ๊กตำรวจ ซึ่งมีรายงานว่ามีการส่งข้อมูลให้นายกฯ แล้ว ว่า ยืนยันแล้วว่าตนรับไม่ได้เรื่องบอส และได้ให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบในชั้นต้น ซึ่งข้อมูลต่างๆ ขณะนี้ได้มอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รวมทั้งได้พูดคุยกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) แล้ว ให้นำข้อมูลทั้งหมดไปสังคายนาและสังเคราะห์ออกมา หลังจากนี้ก็จะมีการเรียกบุคคลตามรายชื่อมา และจะมีการเปิดเผยรายชื่อออกมา
    "ไม่ต้องกลัวหรอก จะปิดได้ไง ปิดไม่ได้ ใครเกี่ยวข้องตรงไหนก็ต้องออกมาหมด ป.ป.ท.ก็ต้องรวบรวมบูรณาการก่อน ถ้าเราพูดไปก่อนคงดูไม่ค่อยดี ผมเป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ ไปก้าวล่วงเกี่ยวกับเรื่องยุติธรรมมากๆ มันไม่ดี ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขาเปิด ผมอำนวยความสะดวกให้เขาดำเนินการได้อยู่แล้ว" นายกฯ กล่าว
    ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสสังคมเรียกร้องให้เปิดเผยรายชื่อบิ๊กตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว นายกฯ บอกว่า "ก็นี่ไงเล่า เดี๋ยวเขาเปิดเผยรายชื่อมากี่คน บอกตอนนี้ก็เท่ากับผมเอามาพูดเอง มันไม่ใช่ รายชื่อเขาส่งมาผมก็ส่งให้ ป.ป.ท.เขาไป เดี๋ยว ป.ป.ท.เขาเรียกคณะนี้มาสอบ ทั้งตำรวจหรือใครที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทุกคนก็ต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย"
    วันเดียวกัน นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ ได้เผยแพร่บทความเรื่อง "อำนาจชำระคดีบอสของนายกรัฐมนตรี" โดยมีรายละเอียดดังนี้
    ถาม เห็นด้วยหรือไม่กับคณะกรรมการตรวจสอบชุดอาจารย์วิชา ที่ว่าการสั่งไม่ฟ้องคดีบอสเป็นผลไม้พิษที่เกิดจากความเน่าเปื่อย (Corrupt) ของกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ
    ตอบ ชัดเจนว่าเป็นอย่างนั้น เพราะคดีนี้อำนาจทุกระดับถูกบิดเบือนไปเสียทั้งหมดเลยทีเดียว งานที่ต้องทำคือการชำระความผิดทั้งปวง คนผิดต้องถูกลงโทษ ผลไม้พิษคือคำสั่งไม่ฟ้องต้องถูกลบล้างด้วยเหตุทุจริตนั้น ตัวระบบโดยรวมต้องถูกปฏิรูป    
    ถาม สามงานนี้ เป็นอำนาจความรับผิดชอบของใคร
    ตอบ ของนายกรัฐมนตรีครับ ลุงตู่จะทำแค่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนมาเล่าให้สังคมฟัง แล้วรอให้ ป.ป.ช., คณะกรรมการอัยการ, ผบ.ตร. และกรรมาธิการสภารับลูกทำงานต่อไปเท่านั้นไม่ได้ มันลูบหน้าก็ปะจมูกกันหมดแล้ว ต้องโค่นต้นไม้พิษนี้ด้วยอำนาจนายกฯ เท่านั้น
    ถาม ทำไมนายกฯ จะอยู่นิ่งๆ ให้ ป.ป.ช.ตั้งข้อหาตำรวจกับอัยการเองไม่ได้
    ตอบ พวกนั้นมันแค่องค์กรพิเศษ องค์กรจริงที่รับผิดชอบตรงต่อบ้านเมืองคืออำนาจบริหาร ถ้าเอาจริง สอบจริง กล่าวหาจริง จับจริง ฟ้องจริง ทำไมจะทำไม่ได้ นายกฯ ส่งรายงานสอบสวนให้ ผบ.ตร. พร้อมกับสั่งให้ลงมือกล่าวโทษเจ้าพนักงานทั้งวินัยและอาญาทั้งหมดไปเลย    
    ถาม ถ้าลงมือทำคดีจริง คนที่โดน 157 ก็มีแค่พนักงานสอบสวนที่เปลี่ยนความเร็วรถจาก 180 กม./ชม. เป็น 80 กม./ชม. คนเดียวไม่ใช่หรือ
    ตอบ นั่นเป็นตัวการคนที่ 1 ส่วนคนที่สั่งการ, ร่วมคิดอ่าน,ประสานงานกับสำนักงานอัยการสูงสุด พวกนี้โดนฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทุจริตทั้งฝูงเลย จะเป็นกรรมาธิการ สนช., เป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่, เป็น ผบ.ตร.เกษียณ, เป็นอัยการผู้ประสานงาน ที่มารุมมาช่วยกันเปลี่ยนหลักฐาน ทั้งหมดนี้ก็ผิดทั้งสิ้น ที่เป็นข้าราชการอยู่ก็ตั้งข้อหาแล้วก็สั่งพักราชการไปด้วยเลย คดีสมคบคิดระดับสูงหลายฝ่ายหลายอำนาจอย่างนี้ ให้ ป.ป.ช.รับเหมาไปกวาดล้างไม่ไหวหรอกครับ     
    ถาม แล้วอำนาจนายกฯ จะทำอะไรอัยการได้ครับ ในเมื่อระบบกฎหมายได้ให้เขาเป็นองค์กรอิสระไปแล้ว ที่ผ่านมาคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) เขาก็ไม่ยอมโหวตให้สอบสวนอัยการสูงสุดและรองอยู่แล้ว แล้วนายกฯ จะทำอะไรได้
    ตอบ ก็ส่งรายงานสอบสวนไปให้ ก.อ.ก่อน แล้วขอทราบผลใน 2 อาทิตย์ พร้อมกันนั้นตั้งคณะทำงานร่างกฎหมายรื้อกฎหมายอัยการเตรียมไว้พร้อมกัน ถ้า ก.อ.ไม่ยอมทำอะไรให้สมกับความรับผิดชอบ นายกฯ ก็เสนอกฎหมายรื้อ ก.อ. ทำลายอิสระที่ไม่รู้จักรับผิดชอบไปเลย ศาลสูงอเมริกาก็เคยโดนประธานาธิบดีทุบจนรู้สึกตัวมาแล้ว ด้วยวิธีรื้อกฎหมายแบบนี้
    ถาม แม้ไปถึงขั้นกล่าวหาเป็นผู้ต้องหาคดีทุจริตได้จริงๆ แล้ว แต่ในที่สุดตำรวจเจ้าของสำนวนก็ต้องส่งคดีให้ ป.ป.ช.อยู่ดีใช่ไหมครับ
    ตอบ ระบบมันเป็นอย่างนั้น ถ้าสำนวนแน่นจริงอย่างที่รายงานได้ชี้ช่องไว้ ป.ป.ช.ก็เอาขึ้นศาลคดีทุจริตได้ในที่สุด       
    ถาม นายกฯ ลุงตู่จะกล้าใช้อำนาจนี้หรือครับ เพราะเขาเข้ามาเพื่อรักษาความสงบเท่านั้น
    ตอบ เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วไม่ยอมรับความรับผิดชอบตามตำแหน่งได้อย่างไร
    ถาม อาจารย์ลองอ่านคำยืนยันล่าสุดนี่สิครับ
    “......มันต้องมองย้อนกลับไป ผมเห็นชาติเป็นอย่างนี้ไม่ปลอดภัย ผมก็ต้องเข้ามา แล้ววันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ท่านลืมหมดแล้วหรืออย่างไร ผมเข้ามาด้วยอะไร เพราะอะไร ทำไมถึงต้องเข้ามา อย่าลืมสิ...
    ...ประเทศไทยเราเป็นประชาธิปไตยที่มีรูปแบบของเรา เราไม่ได้มีจากที่อื่น ทำไมต้องทำเหมือนคนอื่นเขาหมด แล้วความเป็นไทยของเราหายไปไหน ถ้าจะเอาชนะคะคานทางการเมือง ผมว่าประเทศชาติมันล่มสลาย ทุกคนจะต้องอยู่บนแผ่นดินนี้ที่ร้อนระอุ ลุกเป็นไฟ ก็ว่ากันไปแล้วกัน ผมก็สุดกำลังสติปัญญาของผมแล้ว ถ้าจะถึงตอนนั้นอีก…”
    ตอบ อำนาจนายกฯ ในปีนี้ เป็นอำนาจที่ได้รับมาจากสภา ไม่ใช่จาก คสช.เหมือน 5 ปีที่ผ่านมา อำนาจนี้มีหน้าที่ต่อสภา และต่อบ้านเมืองตามที่กระบวนการเลือกตั้งได้ชี้ขาดไว้ เมื่อมีหน้าที่ก็ต้องทำไปให้เต็มที่ว่าได้รับผิดชอบชำระคดีบอสอย่างไรบ้าง สภาเขาถามเพื่อความไว้วางใจ นายกฯ ก็ต้องตอบเขาให้ได้ จะบอกว่าผมโผล่มารับงานรักษาความสงบเท่านั้นได้อย่างไร ตอบอย่างนี้ ก็ไม่ต้องรอให้เด็กเขามาไล่หรอกครับ
    ถาม แล้วถ้านายกฯ ทุ่มเทรับผิดชอบจริงๆ จังล่ะครับ
    ตอบ ความชอบธรรมจะฟื้นคืนมา เด็กก็จะถูกโห่ไล่กลับเข้าห้องเรียนไปเอง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"