8 ก.ย. 2563 น.ส.จารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวภายหลังการลงนามความร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีออมเงินผ่าน กอช.) เพื่อเพิ่มความมั่นคง ว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้การออมของสมาชิก กอช.มีความยากลำบากมากขึ้น เพราะมีรายได้ลดลง ขณะที่รายจ่ายยังคงเดิม สมาชิกส่วนหนึ่งจึงเลือกที่จะหยุดออมในปีนี้ไป ซึ่งตามเงื่อนไขแล้วสามารถทำได้ ไม่มีปัญหากับเงินสมทบที่จะได้รับแต่อย่างใด

ทั้งนี้ พบว่าสมาชิกส่วนใหญ่มีความตระหนักรู้ และให้ความสำคัญกับการออมมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงวิกฤตโควิด-19 นี้ ทำให้มีสมาชิกออมต่อเนื่องเพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ย 30% ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด 2.4 ล้านคนในปัจจุบัน โดยกอช.ตั้งเป้าภายในสิ้นปีนี้จะให้มีสมาชิกออมต่อเนื่องเพิ่มขึ้นเป็น 50% ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด

“คนเริ่มรู้แล้วว่าการไม่ออมนั้นมีปัญหาในยามวิกฤตแค่ไหน เราเลยพบว่าสมาชิกหันมาออมต่อเนื่องมากขึ้น เพราะเริ่มต้นออมได้เพียงแค่ 50 บาทเท่านั้น แต่ก็ยอมรับมีคนถอนออกไป ด้วยเหตุผลว่าไม่มีเงินใช้แล้วจะเอาเงินที่เคยออมไว้ไปใช้ ซึ่งมีสัดส่วนน้อยมากเพียงแค่ 0.1% เท่านั้น”น.ส.จารุลักษณ์ กล่าว

ทั้งนี้ กอช.ยอมรับว่า ปัญหาโควิด-19 ก็ทำให้ยอดสมาชิกที่คาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 3 ล้านคน ไม่ได้ตามเป้าหมาย โดยจะอยู่ที่ 2.5 ล้านคน หรือคิดเป็นเงินออมรวม 8,500 ล้านบาท เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 2.4 ล้านคน หรือคิดเป็นเงินออม 8,000 ล้านบาทแล้ว  เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสมาชิก 2.2 ล้านคน มีเงินออม 6,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การร่วมมือกับ สสว.ครั้งนี้จะทำให้กอช.มีสมาชิกเป็นเอสเอ็มอีนอกระบบจำนวน 79,000 ราย เข้าเป็นสมาชิกเพิ่ม ก็จะทำให้ได้สมาชิกตามเป้าใหม่ที่ตั้งไว้ที่ 2.5 ล้านคน ได้ ขณะเดียวกันยังเชื่อว่าจำนวนสมาชิกในปีหน้าน่าจะเพิ่มขึ้นอีกมาก เนื่องจากกอช.จะร่วมมือกับธนาคารออมสินในการออกสมุดคู่ฝากให้กับสมาชิกกอช. ซึ่งจะทำให้สมาชิกมีความเชื่อมั่นในการออมกับกอช.มากขึ้น