7 ก.ย.63 - พลอากาศตรีเฉลิมชัย เครืองาม สมาชิกวุฒิสภา น้องชายของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงท่าทีและความเคลื่อนไหวเรื่องการแก้ไขรธน. ของวุฒิสภาว่าเรื่องการแก้ไขรธน. เวลานี้ ส.ว.แต่ะคนกำลังรวบรวมข้อมูลเรื่องการแก้ไขรธน.ก่อนการตัดสินใจลงมติให้ได้มากที่สุด โดยจะไม่ใช้กระแสหรืออารมณ์มาตัดสินใจเพราะเรื่องนี้สำคัญต่อบ้านเมืองเพราะตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าจะใช้แนวทางไหน

พล.อ.ต.เฉลิมชัย กล่าวว่า ส.ว.ส่วนมาก กล้าพูดว่า 70-80 เปอร์เซนต์อยู่ระหว่างการรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่าย มีแค่ส่วนน้อยที่ฟันธงไปแล้วว่าจะเลือกแนวทางไหน เพราะการเแก้รายมาตราและการเสนอให้ตั้ง สสร.เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้้งฉบับก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ถ้าเอากระแสหรือความกดดันนอกรัฐสภามาพิจารณาลงมติ ก็อาจเป็นแนวทางที่อาจไม่ตรงกับสิ่งที่ควรจะเป็น

ตอนนี้ ส.ว.ก็มีการพูดคุยกันอยู่ค่อนข้างมาก ก็คุยกันตลอด พบว่า ส่วนมากยังไม่ได้มีท่าทีเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งโดยทันที ต่างคนก็ต่างหาข้อมูลให้ได้มากที่สุด อย่างการให้มี สสร.มาร่างใหม่ทั้งฉบับ ก็มีข้อดีตรงที่ฝ่ายที่เรียกร้องบอกว่าเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน แต่ก็อย่าลืมว่าก่อนที่จะร่างใหม่ทั้งฉบับ ต้องทำประชามติก่อน เพราะฉบับปัจจุบันผ่านประชามติ 16 ล้านเสียง จึงต้องทำประชามติก่อน ส่วนการแก้ไขรายมาตรา ดูแล้ว ก็มีประมาณสิบกว่ามาตรา แต่ว่าแต่ละมาตราหากจะแก้ไข ก็จะมีความเชื่อมโยงกับอีกหลายมาตรา จึงเป็นความยุ่งยากพอสมควร จึงต้องพิจารณากันหลายด้าน แต่ว่าน้ำหนักว่า ส.ว.จะลงมติไปทางไหน เราก็ต้องคุยกัน แต่ยืนยันได้ว่า ส.ว.เป็นอิสระ ไม่มีการล็อบบี้ ไม่มีใบสั่งให้ลงมติ ไม่มีใครมาสั่งได้ เราดูกันที่เหตุผล

เมื่อถามถึงการนัดชุมนุมใหญ่ที่ธรรมศาสตร์ 19 กันยายน เพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไขรธน.ยกร่างรธน.ใหม่ทั้งฉบับ พล.อ.ต.เฉลิมชัย กล่าวว่า กระแสเวลานี้ต้องบอกว่า กระแสโดยเฉพาะทางออนไลน์มีแน่นอน ก็มีทั้งม็อบที่เป็นม็อบจริงและม็อบจัดตั้ง และที่เป็นกระแส แต่ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง เขาก็มีมวลชนของเขาเหมือนกัน ทางส.ว. จึงต้องทำใจให้เป็นกลาง และมีสติในการตัดสินใจ

"หากจะเอาเรื่องม็อบที่จะชุมนุม 19 ก.ย.นี้แล้วมาสร้างแรงกดดัน ถามว่าห่วงไหม ก็ต้องบอกว่าก็น่าห่วง เพราะเป็นการชุมนุมที่มีเงื่อนไข ข้อเรียกร้องที่ไม่ได้เรียกร้องเฉยๆ แต่เป็นข้อเรียกร้องที่มีเงื่อนไข ซึ่งนำมาซึ่งความกดดันแน่นอน แต่ถามว่า ส.ว.ถูกกดดันไหม ส่วนตัวผมไม่กดดัน เพราะเรื่องไหนที่ทำแล้วเกิดประโยชน์กับประเทศชาติ ทำให้เกิดความสงบ ถึงแม้ไม่มีการชุมนุมมากดดัน ผมก็พิจารณาในแนวทางที่เป็นประโยชน์ แต่ขอร้องว่าการชุมนุม อย่ามาก้าวล่วงสถาบัน และอย่าเปิดประเด็นที่ทำให้เกิดความขัดแย้งให้อีกฝ่ายหนึ่งออกมาชุมนุมต่อต้าน หากชุมนุมเป็นไปโดยสงบ ก็ไม่ขัดข้อง แต่หากจะมาบอกว่า วันชุมนุมวันนั้นคนมาเป็นแสน จะมายึดสนามหลวง หรือจะชุมนุมยืดเยื้อ ทั้งที่บ้านเมืองกำลังมีภาวะวิกฤตเศรษฐกิจและเรื่องโควิดถามว่ามันเหมาะสมไหม ผมว่าเรื่องนี้ประชาชนมีคำตอบให้กับการมาชุมนุมในยามที่บ้านเมืองต้องการความสามัคคี"พล.อ.ต.เฉลิมชัย กล่าว