แกร่งดั่งหินผา


เพิ่มเพื่อน    


    การทำงานแต่ละอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาชีพไหนก็ตาม ย่อมหนีไม่พ้นแรงกดดันจากคนรอบข้าง ที่ย่อมคาดหวังผลงานจากตัวเรา ยิ่งมีตำแหน่งระดับสูง อย่างระดับรัฐมนตรี ก็ย่อมมาพร้อมกับแรงกดดันค่อนข้างมากเช่นกัน ถ้าใครมีสติ ไม่กลัวเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ก็ย่อมไม่มีใครล้มได้ แต่ถ้าสติหลุดขึ้นมาเพียงแค่ครั้งเดียว ทุกอย่างก็อาจจะพังได้ 
    ยกตัวอย่างกรณีสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ผู้สื่อข่าวประจำกระทรวงพาณิชย์ตั้งป้อมตรวจสอบซักถามชนิดถึงพริกถึงขิง กับบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ พร้อมด้วย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ภายหลังพบตัวเลขการขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวถึง 2.6 แสนล้านบาท จนทำให้ทั้ง 2 คนถึงกับอึ้งตึงและจนมุมกับคำถามที่ถูกซัก
    แต่การชุมนุมของกลุ่มนักเรียนเลว ที่ไปชุมนุมที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ มีบุคคลหนึ่งที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ นั่นคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ที่ได้ตอบรับข้อเสนอในการร่วมดีเบตกับกลุ่มนักเรียนเลว เกี่ยวกับการศึกษาในปัจจุบัน 
    แม้ตัวเองจะรู้ว่าต้องเจอแรงกดดันอะไรบ้าง ซึ่งเท่าที่ผู้สื่อข่าวอยู่ในพื้นที่ ยอมรับว่าม็อบนี้ทำแสบเหมือนกัน พูดง่ายๆ คือคนที่สร้างความวุ่นวายคือแกนนำกับผู้ใหญ่ที่เข้าร่วมชุมนุมไม่ใช่เด็ก 
    โดยเฉพาะแกนนำพยายามยั่วยุตั้งแต่ก่อนดีเบต จนถึงจบดีเบต มีการต่อว่าด้วยคำหยาบคายบ้าง เป่านกหวีดบ้าง กดดันให้เจ้าตัวเข้าบริเวณที่ชุมนุมด้วยตัวลำพังบ้าง 
    แต่ใจณัฏฐพล ก็แกร่งดั่งหินผา ขึ้นเวทีคนเดียว ในช่วงดีเบต ใครต่อว่าอะไรก็ยิ้มให้ไม่ตอบโต้แต่อย่างใด พูดด้วยหลักการใช้เหตุผล ว่าสิ่งไหนทำได้หรือไม่ได้ในระบบการศึกษาไทย 
    แม้พิธีกรจะพยายามยั่วยุอย่างไร เจ้าตัวก็ไม่เสียขวัญ สงบเหมือนน้ำนิ่งไหลลึก  
    ซึ่งยอมรับว่า น้อยนักที่รัฐมนตรีในชุดปัจจุบัน ที่กล้าเผชิญหน้ากับม็อบฝ่ายตรงข้ามถึงที่ขนาดนี้
                                วอชเชอร์
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"