ช่วงนี้เล่นการเมืองกันดุมาก
    ก็น่าจะเพราะแทงหวยว่า อาจมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการยุบสภา เลือกตั้งใหม่ ในเร็วๆ นี้
    จึงต้องเร่งสร้างคะแนนนิยม
    เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ เดิมทีมีฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านชัดเจน 
    พรรคอนาคตใหม่ประกาศตั้งแต่ก่อตั้งพรรคว่า จะฉีกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทิ้ง เพราะเป็นมรดกของเผด็จการ
    มาวันนี้ ฝ่ายที่คัดค้านหายไปแทบจะหมดแล้ว 
    เพราะฝ่ายที่คัดค้านถูกบีบให้สนับสนุน ต้นสายปลายเหตุน่าจะมาจากการชุมนุมของม็อบปลดแอกที่ออกมาชู ๓ นิ้ว 
    รัฐบาลมีทางเลือกน้อย 
    นอกจากยอมถอยให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อลดกระแสความไม่พอใจ
    วันนี้จากคืบเป็นศอก แก้รัฐธรรมนูญมาตรา ๒๕๖ เปิดทางตั้ง ส.ส.ร. ไม่พอ ต้องปิดสวิตช์ ส.ว. แก้มาตรา ๒๗๒ ก่อน 
    จากแนวคิดพรรคก้าวไกล ต้องการล้มรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ วันนี้พรรคเพื่อไทย บางส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ คล้อยตาม 
    และจะร่วมลงชื่อในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคก้าวไกล
    นับจากวันที่พรรคอนาคตใหม่ประกาศ จนมาถึงวันนี้ บรรลุเป้าหมายได้ไกลสมกับชื่อพรรคใหม่  "ก้าวไกล" 
    ข้อเสนอแก้รัฐธรรมนูญ มาไกลมาก จนบางคนคิดไม่ถึงว่า มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เพิ่งจะคัดค้านหัวเด็ดตีนขาดห้ามแก้เมื่อไม่นานมานี้เอง 
    แล้วไงต่อ!
    รัฐบาลถอยเพื่อตั้งหลักอย่างนั้นหรือ? 
    ตั้ง ส.ส.ร.ซื้อเวลาได้อีกร่วมๆ ๒ ปี จะเป็นไรไป 
    ฯลฯ
    ก็คิดแบบนั้นได้
    แต่....ลองย้อนกลับไปก่อนเลือกตั้งต้นปี ๒๕๖๒ 
    มีใครคิดบ้างว่า พรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกล คณะก้าวหน้า จะรุกมาได้ถึงขนาดนี้ 
    ฉะนั้นหลังจากนี้ไม่มีหลักประกันว่า จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน 
    เพราะจะมีเงื่อนไขใหม่ๆ เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ
    ทั้งโดยตั้งใจ
    และไม่ตั้งใจ แต่เข้าทาง
    แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้คิดให้ดีๆ
    เสียงข้างมากอาจไม่สำคัญแล้ว  
    หรือเสียง ส.ว.อาจไม่มีความหมายแล้วเช่นกัน
    เพราะที่ผ่านมาเสียงข้างมากไม่ใช่หรือที่ถอยร่น จนลากสถานการณ์มาสู่จุดเตรียมรื้อรัฐธรรมนูญ และจะพัฒนาไปสู่การมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้เป็นไปตามความต้องการของคนอีกกลุ่ม  
    มีการปั่นกระแสข่าว "รัฐประหาร" ก็ขอเตือนกองทัพว่า วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลแล้ว แต่จะยิ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดวิกฤติเร็วขึ้น 
    และคนปั่นกระแสคือคนต่อต้านรัฐบาล     
    ถึงตอนนี้น่าจะรู้แล้วนะว่า...ใครกำลังถูกต้อนเข้าสู่มุมอับ.