นี่...ก็ยังแค่วันจันทร์ที่ 7 กันยายน ยังมีเวลาปาเข้าไปอีกเป็นอาทิตย์ๆ กว่าจะถึงวันเสาร์ที่ 19 กันยายน ที่ดูเหมือนใครต่อใครออกจะหูแหก-ตาแหก หวาดวิตก ประหวั่น พรั่นพรึง กันไปมิใช่น้อย อันเนื่องมาจากบรรดา ม็อบ เด็กๆ ที่ค่อยๆ ยกระดับกันมาเป็นขั้นๆ โดยเห็นว่า...อาจออกแรงฮึด หรืออาจยกระดับไปถึงขั้นไหนต่อขั้นไหนก็ยังมิอาจรู้ได้ ในช่วงอีกประมาณสิบกว่าวันนับจากนี้เป็นต้นไป...
-------------------------------------------------
คืออาจมากันเป็นหมื่นๆ แสนๆ หรือเป็นล้านๆ แบบพันธมิตรฯ แบบ กปปส.อะไรทำนองนั้น...และถ้าหากเป็นเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ ป.ประยุทธ์, ป.ป๊อก และ ป.ป้อม จะหาทางรับมือกันในแบบไหน อย่างไร? จะปล่อยให้เดินไป-เดินมากันไปเรื่อยๆ แบบยุคคุณน้อง ย.ยิ่งลักษณ์ หรือแค่ใช้วิธีไม่ยอมเข้าทำเนียบรัฐบาลโดยเด็ดขาด แบบยุคคุณพี่ ส.สมชาย ลมโชย อะไรต่อมิอะไรประมาณนั้น หรือจะหันมาใช้วิธีเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จา ค่อยๆ ตั้งคณะกรรมการ คณะอนุกรรมาธิการ ก่อนย่อยแยกแตกกระจายไปเป็นคณะอนุกรรมการอีกหลายต่อหลายคณะ หรือจะไปถึงขั้นเกิด รัฏฐาธิปัตย์ ยุคใหม่ขึ้นมาซะดื้อๆ!!! อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้ใครต่อใครเลยต้องหยิบเอาไป พ่น ชนิดแทบมิมีวันรู้จบ ว่ามันจะออกไปในแนวไหน ไผเป็นไผ ใครเป็นใคร กันไปตามสภาพ...
--------------------------------------------------
ซึ่งอันที่จริงแล้ว...ถ้าดูจากความเป็นไปของ โลก ทุกวันนี้ การอุบัติขึ้นมาของม็อบโน้น ม็อบนี้ ในประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ก็คงไม่ถึงกับเป็นอะไรน่าตื่นเต้ลล์ล์ล์ น่าตกอก ตกใจ มากมายซักเท่าไหร่ หรือไม่น่าถึงขั้นต้องซู้ดๆ ซ้าดๆ ซี้ดๆ ซ้าดๆ ยกระดับจินตนาการกันไปถึงขั้นถือเป็นจุดเปลี่ยน หรือ จุดเริ่มต้นของยุคสมัย อะไรไปโน่นเลย เพราะว่าไปแล้ว...โลกทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นโลกประชาธิปไตย-ไม่ประชาธิปไตยใดๆ ก็เถอะ หนีไม่พ้นต้องเจอะม็อบ เจอม็อบ มากบ้าง-น้อยบ้าง แรงบ้าง-ไม่แรงบ้าง กันไปตามมี-ตามเกิด ยิ่งประชาธิปไตยตามแบบฉบับคุณพ่ออเมริกาด้วยแล้ว อันนั้น...ยิ่ง โกบิ๊ก ไปกันใหญ่ หนักไปทาง แดง-ไม่แดง...แต่ขอให้แรงเข้าว่า ถึงขั้นเผาบ้าน-เผาเมือง เผาอนุสาวรีย์ อาคาร ร้านค้า ทั้งปล้น ทั้งฆ่า ทั้งๆ ที่ใกล้จะเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกแค่ไม่กี่เดือน กี่วัน เท่านั้นเอง...
-----------------------------------------------------
หรือแม้กระทั่งประชาธิปไตยอังกฤษ ประชาธิปไตยเยอรมัน ฯลฯ ก็เถอะ...แค่ไม่อยากจะสวมหน้ากากเท่านั้น ก็เอาแล้ว!!! ลุกฮือขึ้นมารวมตัว ก่อม็อบกันในระดับเป็นหมื่นๆ แสนๆ ฝรั่งเศส เลบานอน อิรัก อิหร่าน เบลารุส ฯลฯ หรือแม้แต่เกาะฮ่องกงทุกวันนี้ ก็ใช่ว่าจะหมดเชื้อ หมดภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อ ไวรัสทางความรู้สึก แต่อย่างใดไม่ โอกาสที่จะ จุดปุ๊บ-ติดปั๊บ ยังมีความเป็นไปได้อีกเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจากภายนอก หรือภายในก็ตาม ด้วยเหตุเพราะบรรดา เงื่อนไข หรือ เหตุปัจจัย ต่างๆ ยังคงดำรงอยู่ ยังไม่สูญสลายหายไปแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในทั่วทุกๆ สังคมนั่นแล ไม่ใช่แต่เฉพาะสังคมหนึ่ง-สังคมใดเท่านั้น...
---------------------------------------------------
มีแต่สวรรค์ชั้น นิพพาน เท่านั้น...ที่อาจไม่เหลือ เงื่อนไข และ เหตุปัจจัย ใดๆ ให้สามารถจุดโน่น จุดนี่ได้อีก ไม่เหลือเชื้อ เหลือไฟ เหลือแต่ความว่าง ความสว่าง สะอาด สงบเย็น ไปตลอดชั่วนิจนิรันดรกาลได้จริงๆ ด้วยเหตุนี้...ถ้าหากสังคมใดยังไม่ได้ไปไกลถึงขั้นเป็นสวรรค์ชั้นนิพพานแล้วไซร้ ย่อมต้องถือเป็นเรื่อง ปกติ-ธรรมดา ที่การจุดอะไรต่อมิอะไรขึ้นมา มันย่อมมีสิทธิ์ลุกพึ่บๆ พั่บๆ ขึ้นมาได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ โดยเฉพาะถ้าสังคมนั้นๆ ยังไม่สามารถขจัดสิ่งที่เป็น เงื่อนไข และ เหตุปัจจัย ลงไปได้อย่างเท่าที่ควรจะเป็น ยังปล่อยให้ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เสมอภาค ไม่ยุติธรรม ปรากฏให้เห็นแบบชนิดจะจะคาตายิ่งขึ้นไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งจุดง่าย-ติดง่าย ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
------------------------------------------------------
แต่นั่นก็ใช่จะหมายความว่า...อะไรที่ถูกจุดขึ้นมาแล้ว มันจะลุกแดง สว่างโร่ กลายเป็นกองไฟศักดิ์สิทธิ์ไปตลอดชั่วนิรันดรกาล แบบไฟโซโรอัสเตอร์กันซะที่ไหน โดยเฉพาะถ้าหากมันถูกจุดขึ้นมาด้วย กิเลส หรือด้วยความปรารถนา-ต้องการในแบบหยาบๆ ง่ายๆ โอกาสที่จะเป็นไปในแบบ เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-และดับไป ย่อมมีความเป็นไปได้เสมอๆ ปัญหา ก็มีอยู่เพียงแค่ว่า กรรมวิธี ในการดับไฟเหล่านี้ จะเป็นไปในลักษณะใด จะใช้ไฟดับไฟ ใช้ตีนแลกตีน ใช้เลือดล้างเลือด ฯลฯ หรือจะหันมาใช้น้ำธรรมดาๆ ใช้ความบริสุทธิ์ใจ ความมุ่งมั่น เพียรพยายาม ในการแก้ปัญหาแต่ละปัญหา อย่างจริงจัง จริงใจ ไม่พยายามออกอาการ จิงโจ้ โดยเด็ดขาด!!! ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง ที่พอช่วยให้เรื่องยาก-เป็นเรื่องง่าย เรื่องหนัก-เป็นเรื่องเบา ได้เสมอๆ
---------------------------------------------------
แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...ถ้ารัฐบาลหนึ่ง-รัฐบาลใด ดันขาดน้ำที่พอจะเอามาใช้ดับไฟ หรือดันเป็น บัวแล้งน้ำ ไปซะก่อนหน้านี้ หรือออกอาการ จิงโจ้ กระโดดโหยงๆ เหยงๆ จนใครต่อใครชักเริ่มจับติด ความมุ่งมั่นความเพียรพยายามในการแก้ปัญหาก็ชักลดน้อยถอยลงไปตามลำดับ ฯลฯ อันนั้น...ก็ต้องถือเป็นการสมควรแล้ว ที่จะต้องปล่อยให้เป็น เชื้อไฟ ให้ลุกแดง สว่างโร่ กันไปซักระยะ จนกว่าจะหมดเชื้อ หมดฟืน หมดกองฟางแห้งๆ ที่วางสุมไว้เป็นชั้นๆ จากนั้น...ก็ค่อยว่าไปตาม ครรลอง-คลองธรรม ตามแนวทางที่จะนำพาชาติ-บ้านเมืองไปสู่ความมั่นคง ยั่งยืน ภายใต้การดำรง คงอยู่ ของเสาหลักทางสังคม อันประกอบไปด้วย ชาติ-ศาสนา-และพระมหากษัตริย์ อีกตราบนานเท่านาน...
--------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Sanskrit saying... “Rise and fall are properties of the big as wax and wane are of the moon; stars however, suffer no change.- สัมปโท มหตาเมวะ มหตาเมวะ จาปทะ วรัธเต กษียเต จันโทร นะ ตุ ตาราคณะ กวะจิต...ความเจริญและความเสื่อมเป็นเรื่องของคนใหญ่-คนโต อุปมาดั่งพระจันทร์ย่อมมีขึ้นมีแรม ส่วนดวงดาวทั้งหลาย หาได้ผันแปรไม่...”
---------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |