6 ก.ย.63-  นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาที่จะมีในวันที่ 19 ก.ย.ว่า ฝ่ายความมั่นคงและรัฐบาล ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับกลุ่มปลดแอกที่เข้ามาชุมนุม โดยเฉพาะสิ่งที่จะต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความรุนแรงหรือเกิดการกระทบกระทั่งโดยบุคคลที่สาม เจ้าหน้าที่ต้องไปดูแลรักษาความปลอดภัยให้กลุ่มปลดแอกที่มาชุมนุม

 นายสุภรณ์ กล่าวต่อว่า แต่เรายังยืนยันว่าการชุมนุมนั้นเป็นไปตามสิทธิ์ของกฎหมาย วันนี้บ้านเมืองเกิดภาวะเศรษฐกิจที่มาจากผลกระทบโควิด-19 เราควรเอาบ้านเมืองมาก่อน เอามาทำให้ประเทศไทยเดินหน้าขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจไปก่อน การออกมาชุมนุม การออกมาเรียกร้อง การออกมาให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ทางพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และทางรัฐบาล และสภาผู้แทนฯก็ได้ดำเนินการขับเคลื่อนไปแล้ว ทุกพรรคการเมืองก็เสนอการแก้ไขรัฐธรรมนญ ในสภาฯ และทุกฝ่ายไม่ได้ขัดข้อง 

นายสุภรณ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้นการเจรจากับกลุ่มนักเรียนนักศึกษาทาง รมว.ศึกษาธิการก็ได้พูดคุยกับทุกกลุ่ม รัฐบาลก็เปิดเวทีรับฟังข้อคิดเห็นเช่นเดียวกัน และข้อเรียกร้องต่างๆของนักเรียน นิสิต นักศึกษาเราก็ไม่ปฏิเสธ เรายินดีที่จะรับฟังและทางสภาฯ และพรรคการเมืองต่างๆก็ดำเนินการตามขั้นตอนของระบบรัฐสภาอยู่แล้ว

นายสุภรณ์ กล่าวต่อว่า  แต่สิ่งที่เราไม่เห็นด้วยคือการก้าวล่วงสถาบัน วันนี้ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเราจะต้องช่วยกันปกป้องและรักษาเอาไว้ ไม่ใช่มีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมาคิดที่จะล้มล้างสถาบัน ตรงจุดนี้เราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่การชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.นี้ขอให้เป็นไปอย่างสงบ สันติ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ตามสิทธิเสรีภาพที่สามารถชุมนุมได้ แต่อย่าฝ่าฝืนหรือทำผิดกฎหมาย และสำคัญเรื่องการที่จะปราศรัยที่จะแตะต้องหรือก้าวล่วงจาบจ้วงสถาบันก็ไม่ควรจะทำ

นายสุภรณ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนเองจะต้องขอเตือนไปถึงพรรคการเมืองที่ต้องย้ำไปเลยว่า ตนเองในฐานะที่มีประสบการณ์ในอดีต เรารู้ว่าการชุมนุมที่ผ่านมาในอดีตตั้งแต่ปี 2552-2553 และอีกหลายครั้งจนถึงการชุมนุมในปี 2557 ของ กปปส. ทุกกลุ่ม เรามั่นใจว่ามีพรรคการเมืองหนุนหลัง มีกลุ่มการเมืองหนุนหลัง ดังนั้นการชุมนุมของน้อง นิสิต นักศึกษา การชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยโดยบริสุทธิ์ใจ โดยสิทธิตาม รธน.เราไม่ห้าม เราปฏิเสธน้องๆนักศึกษาไม่ได้ เป็นสิทธิที่น้องๆนักศึกษาสามารถกระทำได้ แต่ก็ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย 

นายสุภรณ์ กล่าวต่อว่า ยังฝากถึงบรรดากลุ่มก้อนการเมืองทั้งหลาย พุดกันตรงๆทั้งพรรคฝ่ายค้านและพรรคฝ่ายแค้น ขอให้หยุดพฤติกรรมในสิ่งที่จะขนคน สนับสนุนด้านการเงิน หรือขนคนขนแนวร่วมเข้ามาชุมนุมในการชุมนุมครั้งนี้ ผมขอร้องอย่าได้ทำพฤติกรรมอย่างนั้น ไม่เหมาะ ไม่ควรอย่ายิ่ง และไม่ควรจะมีนักการเมือง กลุ่มการเมือง พรรคฝ่ายค้าน พรรคฝ่ายแค้น ได้ขนคน ระดมคน จัดรถ จัดเรือนำคนเข้ามาชุมนุม อันนี้ตนเองขอให้เบรกไว้ก่อนว่า อย่าได้ทำพฤติกรรมอย่างนั้นเลย อย่าทำให้บ้านเมืองเกิดความชุลมุนวุ่นวายหรือเกิดความเสียหายย่อยยับไปกว่านี้อีกเลย 

"อดีตหลายปีที่ผ่านมาก็เป็นบทเรียนที่เราควรจะนำมาเป็นบทเรียนว่า การชุมนุมแต่ละครั้งมันสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติบ้านเมืองและระบบเศรษฐกิจ ไม่มีใครแพ้ ไม่มีใครชนะ กลุ่มนักศึกษาก็ไม่แพ้ และก็ไม่ชนะ พรรคการเมืองก็ไม่แพ้และไม่ชนะ แต่สิ่งที่เสียหายย่อยยับคือประเทศชาติและประชาชน คนแพ้คือประเทศชาติ คนแพ้คือประเทศไทย คนแพ้คือเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันวิกฤติโควิด-19 ทำลายประเทศชาติ ทำลายเศรษฐกิจอยู่แล้ว เราจะมาซ้ำเติมโดยการลงถนน ชุมชนบนถนน จนทำให้เศรษฐกิจประเทศชาติเสียหายเพื่ออะไร" นายสุภรณ์ กล่าว