ม็อบใหญ่ เศรษฐกิจทรุด กบฏรัฐบาลรุมเขย่ารัฐนาวาประยุทธ์


เพิ่มเพื่อน    

      กลายเป็นกระแสล้อเลียนในโลกโซเชียลกันสนุกปาก ‘รัฐมนตรี 27 วัน’ พลันที่ ปรีดี ดาวฉาย ยื่นใบลาออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยอ้างถึงปัญหาสุขภาพ ทำเอาบิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลผู้ทาบทามเคร่งเครียด 

      ขุนคลังคนนอก ดีกรีความรู้ความสามารถ ชื่อชั้นเป็นที่ยอมรับ เป็นความหวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มาทิ้ง ครม.บิ๊กตู่กันไปดื้อๆ ทั้งที่เพิ่งปรับ ครม.ประยุทธ์ได้ไม่ถึงเดือน ขุนคลังผู้แบกความหวังจะเข้ามาแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 กลับถอดใจทิ้งกันไปอย่างไม่หวนกลับ 

      รัฐบาลประยุทธ์ จากปัญหาการเมืองรุมเร้าทั้งในสภา นอกสภา อยู่ในภาวะคับขันอยู่แล้ว ยิ่งจมดิ่งลงไปกว่าเดิม แม้เหตุผลลาออก อดีต รมว.คลังจะบอกปัดไม่ได้มีความขัดแย้งระหว่างการทำงานเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงในกระทรวงการคลัง กับ สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ก็ตาม แต่เมื่อตามร่องรอยลงไปคงยากปฏิเสธ เพราะด้วยดีกรีที่เคยบริหารบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ไม่เคยเจอการเมืองแทรกแซงขนาดนี้ ในเมื่อเข้ามาแล้ว นึกว่าจะได้อำนาจเต็มในการคัดเลือกบุคคลที่รู้มือมาทำงาน กลับถูกซีกการเมืองแตะเบรกเสียอย่างนั้น

      ท่ามกลางความเสียดาย แต่ไม่ว่าอย่างไร ครม.ประยุทธ์ยังต้องเดินหน้าต่อไป คงไม่ยอมปล่อยให้กระทรวงการคลังว่างเว้นคนกุมบังเหียนการเงิน ทิศทางเศรษฐกิจเป็นเวลานาน 

      ยังไม่ทันได้ตั้งรัฐมนตรีรายใหม่ ชื่อบิ๊กเนม คนการเมือง คนภายนอก โผล่เข้ามาเป็นแคนดิเดตหลายคน ‘ไพรินทร์ ชูโชติถาวร’ ‘วิรไท สันติประภพ’ ‘กรณ์ จาติกวณิช’ ‘สันติ พร้อมพัฒน์' ถูกโยนหินถามทาง หยั่งกระแส ส่งสัญญาณไปถึงบิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ 

      เช่นเดียวกับสูตรปรับ ครม.รอบใหม่ ที่ร่วมผสมโรง ปล่อยข่าวกันอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าจะเป็นดันสันติขึ้นว่าการ โยกนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ จาก รมช.แรงงาน ข้ามห้วยมานั่ง รมช.การคลังแทน หรือแม้แต่ การตีกันของบางกลุ่มการเมือง อยากจะให้โควตาตกมาอยู่กับคนในเครือข่ายตัวเอง 

      สันติ หนึ่งในตัวเต็ง เมื่อถูกถามย้ำถึงการก้าวขึ้นสู่เบอร์ 1 ในกระทรวงการคลัง ได้แสดงออกมาอย่างไม่มีกั๊ก 

      ‘การทำงานให้บ้านเมืองโดยที่เดินต่อไปได้เลย ไม่ต้องศึกษางานนั้นก็ต้องอยู่ที่นายกฯ และ พล.อ.ประวิตร ในอดีตก็เคยอยู่กระทรวงใหญ่ๆ มาแล้ว เคยเป็น รมว.คมนาคม รมว.การพัฒนาสังคมฯ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและภูมิต้านทานพร้อมรับแรงกดดันในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ได้ หากนายกฯ และ พล.อ.ประวิตรมอบหมายให้ทำงานตรงไหน ก็พร้อมน้อมรับทำงานเพื่อบ้านเมือง’ 

      ไม่ต้องถอดรหัสแปลมากความ ไม่เท่านั้น ก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดงที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับสันติ แม้จะเงียบหายไปนาน ออกมาสนับสนุน ‘ที่ผ่านมานายสันติผ่านการเป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง และกระทรวงที่ผ่านมาล้วนมีศักดิ์ศรีไม่น้อยกว่ากระทรวงการคลัง นายสันติเป็นนายทุนพรรคพลังประชารัฐ ปัจจุบันก็เป็นผู้อำนวยการพรรค และที่ทำการพรรคปัจจุบันยังใช้ตึกของนายสันติอีกด้วย และจะไม่มีปัญหาเรื่องคลื่นใต้น้ำในพรรค หากไม่แต่งตั้งนายสันติ ใครมาเป็นรัฐมนตรีว่าการจะมีปัญหาอีก ใครไม่ฟังนายสันติก็อยู่ยาก และเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นอีก’

      เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข จากค่ายภูมิใจไทย ก็พูดทีเล่นทีจริงถึงคนที่จะเข้ามารับไม้ต่อ แนะนำว่า ‘กระดูกกระเดี้ยวต้องแข็ง ต้องกินแคลเซียมเยอะๆ’

      งานนี้ก็ต้องวัดใจบิ๊กตู่ในการสรรหาคนมาแทน จะใช้สูตรใด ตามใจกลุ่มการเมือง หรือลองไปทาบทามคนนอกที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาอีกสักหน

      การสรรหาผู้ที่มีความเหมาะสมยังพอมีเวลาให้บิ๊กตู่ปรึกษาหารือกับทีมงานหาทางออกที่ดีที่สุด เกิดปัญหาให้น้อยที่สุด แต่ไม่ว่าอย่างไร พรรคฝ่ายค้าน อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ‘ควรมีคำตอบให้กับประชาชน นายปรีดีพยายามสื่อสารคล้ายกับว่าต้องไปคัดง้างกับระบบการเมืองโบราณในพรรคพลังประชารัฐ ในลักษณะคนดีอยู่ไม่ได้ แต่คนมีคดี คนมีปัญหา คนต้นทุนทางสังคมต่ำ กลับอยู่ในพรรคได้ การชิงลาออกของนายปรีดีส่งผลต่อความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลติดลบเสียหายอย่างหนัก อาจไม่ใช่รายสุดท้ายถ้ายังปล่อยให้ปัญหาความขัดแย้งของกลุ่มก๊วนในพรรคพลังประชารัฐ’

      บ้างก็ยุให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไหนๆ เมื่อเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแล้วก็นั่งควบ รมว.การคลังอีกตำแหน่งไปเลย ทั้งตีกิน ยุแหย่ ประชดประชัน ทำให้เกิดความระแวงกันไม่ให้คนนอกเข้ามา เสี้ยมไปถึงเอกภาพภายในพรรคพลังประชารัฐอันเป็นสไตล์การเมืองของกระบอกเสียงเพื่อไทย 

      การปรับ ครม.ยังต้องตามลุ้นกันต่อไป ขณะที่ปฏิกิริยาที่ช่วยเร่งเร้าให้รัฐนาวาสั่นคลอน กลุ่มนิสิตนักศึกษา ประชาชนปลดแอก นัดหมายวันครบรอบรัฐประหาร 19 กันยายน นัดหมายชุมนุมใหญ่ ขับเคลื่อนแสดงพลัง พร้อมประกาศมีเซอร์ไพรส์ให้ได้เห็น ให้ฝ่ายมั่นคงได้ตื่นเต้นเล็กๆ จะออกมารูปแบบไหน จะเป็นในรูปแบบข้อเรียกร้อง การแสดงเชิงสัญลักษณ์ที่ก้าวไปไกล หรือแม้แต่จะยกระดับขยับขยาย ปักหลักพักค้างหรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ต้องตามติด ตามต่อกันด้วยใจระทึก

      ฟากฝั่งในสภา พรรคประชาธิปัตย์ สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และคณะประชาธิปัตย์บางส่วนทั้งที่ยังอยู่ในซีกรัฐบาล ออกมาอ้างถึงสถานการณ์เดือนกันยายนน่าเป็นห่วงจากการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ที่อาจขยายมากขึ้นและอาจไม่ทันต่อสถานการณ์ จึงเห็นว่าควรแยกเรื่องการเมืองออกจากเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์

      ‘เรื่องการเมืองที่สามารถแก้ไขได้ทันที คือการแก้ไขเรื่องการสืบทอดอำนาจ โดยเฉพาะที่มาและอำนาจ ส.ว. โดยมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์อีกจำนวนหนึ่งที่สนับสนุนจุดยืนนี้ ส่วนจุดยืนนี้ใกล้เคียงกับร่างของพรรคก้าวไกลที่จะแก้ไขในมาตรา 272 หากเห็นตรงกันในมาตรา 272 ที่เป็นหัวใจตัดตอนการสืบทอดอำนาจ ก็พร้อมลงชื่อในญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 272 กับพรรคการเมืองอื่นๆ ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคการเมืองฝ่ายค้าน’

      ส่งสัญญาณออกมาชัด กลุ่มกบฏประชาธิปัตย์ในซีกรัฐบาลพร้อมดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไปมากกว่ามาตรา 256 เดิม อันเป็นร่างหลักของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังไม่นับรวมพรรคก้าวไกลที่เตรียมเสนอญัตติแก้รัฐธรรมนูญประกบเข้ามาอีก ที่แก้ไขแยกเป็นรายฉบับให้แก้ไขมาตรา 269 แก้ไขมาตรา 270-271 แก้ไขมาตรา 272 และแก้ไขมาตรา 279 รวมถึงการตั้งท่าเข้าไปแก้ไขหมวด 1-2 อีก ยิ่งเร่งเร้าให้สถานการณ์การเมืองร้อนแรง 

      เพื่อไทยมีธงชัด แก้เพื่อเปิดช่องให้มีการแก้ไขผ่านการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ และอาศัยแนวร่วมจากสมาชิกวุฒิสภาให้ได้ก่อน ส่วนก้าวไกลตั้งท่าเล่นใหญ่ให้สอดการเคลื่อนไหวภายนอกสภาของกลุ่มผู้ชุมนุม 

      ส่วนพรรครัฐบาล แม้ท่าทีการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นหลัก ตามเนื้อหามาตรา 256 ที่ทุกพรรคในพรรคร่วมรัฐบาลเห็นด้วยแล้ว แต่ล่าสุดไปๆ มาๆ ประชาธิปัตย์พร้อมจับมือ ส.ส.ก้าวไกลลุยแหลก อันเนื่องจากทิศทางตรงกัน 

      เล็งเป้าเล่นกล่องดวงใจคณะผู้สืบทอดอำนาจ ส่งสัญญาณชัดๆ คนพร้อมลงชื่อบอกให้ไปดูกลุ่มกบฏในประชาธิปัตย์มีกี่คน เป็นกลุ่มตั้งต้นที่พร้อมลงชื่อในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญแน่ๆ ยังไม่นับรวมกลุ่มขบฏยังเติร์กในพรรคร่วมรัฐบาล ในปีกภูมิใจไทยอีก 2-3 คนที่พร้อมมาเซ็นชื่อสนับสนุน 

      เป็นปัญหาหนักใจในรัฐบาลประยุทธ์ แม้ที่ผ่านมาจะถอดสลักความขัดแย้ง ประเด็นอ่อนไหวไปได้บางส่วน อย่างเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำจากจีน มูลค่า 2.25 หมื่นล้านบาท ที่ขอชะลอไปก่อน แต่ก็มีปัญหาใหม่ที่หนักไม่แพ้กันอย่างคดีเหมืองทองอัครา ที่รัฐบาลไทยตกเป็นจำเลย โดนเรียกค่าเสียหายมหาศาล โดยฝ่ายไทยใช้งบประมาณแผ่นดินแต่งตั้งคณะทนายไปสู้คดีสูงถึง 111 ล้านบาท กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

      คนดีมีฝีมือใน ครม.หนีหาย ไม่ร่วมหัวจมท้ายแก้วิกฤติเศรษฐกิจ กลุ่มการเมืองก็แอบเหล่ อยากขอแจม จ้องเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตาเป็นมัน กลุ่มประชาชนปลดแอกนัดชุมนุมใหญ่ 19 ก.ย. ก็ยั่วยุให้รัฐบาลตบะแตก พร้อมเล่นเกมแรงขึ้นเรื่อยๆ

      พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก รัฐบาลแม้ดวงจะยังแข็ง ยังต้านทานไหว ยังเอาอยู่ ม็อบก็ต้องป้องกันไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์เลือด การเมืองก็ต้องแก้ไข รักษาเอกภาพในรัฐบาล เศรษฐกิจทรุดหนัก ต้องเร่งแก้ปัญหา เรียกความเชื่อมั่น หลายศึกรุมกระหนาบตี ถาโถมใส่รัฐนาวาประยุทธ์อีกระลอก.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"