ส่ง 'อานนท์-ภานุพงศ์' นอนเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลัง 2 แกนนำปลดแอกไม่ขอประกันตัว


เพิ่มเพื่อน    

3 ก.ย.63 - ที่ห้องพิจารณา 712 และ 714 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลไต่สวนคดีเพิกถอนประกัน นายอานนท์ นำภา ทนายความและแกนนำคณะประชาชนปลดแอก (ห้อง 714) และ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง แกนนำกลุ่มเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย (ห้อง 712) สองผู้ต้องหาในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และข้อหาอื่น จากกรณีพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ยื่นคำร้องขอให้ศาลถอนประกันนายอานนท์และนายภาณุพงศ์ เนื่องจากผิดเงื่อนไขประกันที่ทั้งสองยังคงขึ้นปราศรัยที่ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ในลักษณะที่อาจเป็นการกระทำความผิดในลักษณะเดียวกับการปราศรัยในการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2563

โดยก่อนหน้านี้ ศาลอนุญาตฝากขังและปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2563 กำหนดวงเงินประกันคนละ 1 แสนบาท ไม่ต้องวางหลักทรัพย์ประกัน แต่กำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำการใดๆ ในลักษณะเดียวกับการกระทำที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้อีก มิฉะนั้นถือว่าผิดสัญญาประกัน สำหรับในวันนี้ ผู้ต้องหาทั้งสองเดินทางมาศาล ศาลได้ไต่สวนพนักงานสอบสวนผู้ร้องขอเพิกถอนประกันทั้ง 2 ราย, นายอานนท์ และนายภาณุพงศ์ ผู้ต้องหาในฐานะผู้คัดค้าน เสร็จสิ้นในช่วงเที่ยงวัน

ต่อมาเวลา 16.00 น. ศาลได้อ่านคำสั่งในส่วนของนายภาณุพงศ์ พิเคราะห์พยานหลักฐานในการไต่สวนคำร้องและคำคัดค้านของทนายความผู้ต้องหาแล้ว เห็นว่า บทบัญญัติเรื่องการปล่อยตัวชั่วคราวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108 วรรคท้าย นอกจากศาลมีอำนาจพิจารณาอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาได้แล้ว ศาลอาจใช้ดุลพินิจวางข้อกำหนดเงื่อนไขใดให้ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวปฏิบัติก็ได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันภัยอันตรายหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการปล่อยตัวชั่วคราวนั้น

ซึ่งในวันที่ 8 ส.ค. 2563 ผู้ต้องหาได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีเงื่อนไขว่า ห้ามกระทำการใดๆ ในลักษณะเดียวกันกับการกระทำที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้อีก มิฉะนั้นถือว่าผิดสัญญาประกัน แต่ในวันที่ 10 ส.ค. 2563 ผู้ต้องหากลับขึ้นปราศรัยต่อผู้ชุมนุมที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยปรากฏจากพยานหลักฐานของผู้ร้อง โดยที่ผู้คัดค้านไม่มีพยานหลักฐานใดมาแสดงต่อศาลให้เห็นว่าข้อความที่ปรากฏตามคำถอดเทปของผู้ร้อง ไม่ถูกต้องตรงกับข้อความที่ผู้ต้องหาพูดในที่เกิดเหตุ เพราะผู้ต้องหาก็รับว่าตามวันเวลาและสถานที่ตามคำร้อง ผู้ต้องหาได้พูดปราศรัยจริง เพียงแต่จำข้อความที่ตนเองพูดไม่ได้

เมื่อพิจารณาประกอบกับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง นำเหตุแห่งการปราศรัยของผู้ต้องหาในคดีนี้ไปขอหมายจับที่ศาลจังหวัดธัญบุรี จนกระทั่งศาลจังหวัดธัญบุรีได้ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ ตามหมายจับที่ จ.324/2563 ลงวันที่ 14 ส.ค. 2563 โดยมีข้อหาเช่นเดียวกับที่ผู้ร้องกล่าวอ้างเป็นเหตุให้เพิกถอนสัญญาประกัน ปรากฏตามเอกสารเพิ่มเติมคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาฉบับลงวันที่วันนี้ จึงเพียงพอและน่าเชื่อว่าผู้ต้องหาได้ขึ้นปราศรัย โดยมีข้อความตามที่ปรากฏในบันทึกถอดเทปคำปราศรัยกลุ่มผู้ชุมนุมท้ายคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา โดยมีลักษณะเป็นการกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน อันมีลักษณะเป็นการกระทำเดียวกันกับการกระทำที่ศาลพิจารณาออกหมายจับ และเป็นการกระทำที่ผู้ต้องหาถูกกล่าวหาในคดีนี้ เป็นการผิดเงื่อนไขตามสัญญาประกันจึงถือว่าผิดสัญญาประกัน

แต่เมื่อพิเคราะห์ถึงอายุ อาชีพ และพฤติการณ์แห่งการกระทำที่ถูกกล่าวหาให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราว ยังไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่การสอบสวนหรือการดำเนินคดี สมควรให้โอกาสแก่ผู้ต้องหาสักครั้งหนึ่ง แต่มีเงื่อนไขโดยให้มีประกันในวงเงินเพิ่มเป็น 200,000 บาท และให้ผู้ต้องหามารายงานตัวต่อศาลทุก 15 วันนับแต่วันนี้ หากผู้ต้องหาไม่ดำเนินการตามคำสั่งในวันนี้ ให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราว และรับตัวไว้ หมายขัง

จากนั้นในเวลา 16.30 น. ศาลได้อ่านคำสั่งในส่วนของนายอานนท์ พิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนและคำคัดค้านขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวแล้ว ได้ความจากผู้ร้องและผู้คัดค้านเป็นพยานเบิกความไม่โต้แย้งกัน ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค.2563 ผู้ต้องหาร่วมกิจกรรมชุมนุมเชียงใหม่ #คณะประชาชนปลดแอก และกล่าวปราศรัยตามบันทึกถอดเทปคำปราศรัยกลุ่มผู้ชุมนุม และเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563  ผู้ต้องหาร่วมกิจกรรมชุมนุมธรรมศาสตร์จะไม่ทน และกล่าวปราศรัยตามบันทึกถอดเทปคำปราศรัยกลุ่มผู้ชุมนุม คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานีได้รับอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ต้องหาร่วมกิจกรรมชุมนุมธรรมศาสตร์จะไม่ทนและกล่าวปราศรัยตามบันทึกถอดเทปคำปราศรัยกลุ่มผู้ชุมนุม ตามหมายจับของศาลจังหวัดธัญบุรี

เห็นว่า เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 2563 ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา โดยมีเงื่อนไขห้ามกระทำการใดๆ ในลักษณะเดียวกับการกระทำที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้อีก เมื่อผู้ต้องหาเป็นบุคคลคนเดียวกับผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี โดยมีข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน อันมีลักษณะการกระทำใดๆ ในลักษณะเดียวกับการกระทำที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้อีก เป็นการผิดเงื่อนไขการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เพื่อป้องกันผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น กรณีมีเหตุสมควร จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา หมายขังผู้ต้องหาในระหว่างสอบสวน

ต่อมา นายกฤษฎางค์ นุตจรัส หนึ่งในทีมทนายความของนายอานนท์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลอ่านคำสั่งว่า ศาลเห็นว่าทั้งสองผิดสัญญาประกันตามที่ศาลมีเงื่อนไขไว้ ตอนนี้ออกหมายขัง ตามกระบวนการคงคุมตัวไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ศาลไม่ตัดสิทธิ์ที่จะมายื่นประกันตัวใหม่ ทั้งสองถูกจับเป็นกรณีที่ยังไม่ถูกฟ้องคดี พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ขอให้ศาลขังระหว่างสอบสวน ตามอำนาจขังไว้ได้ 48 วัน อาจจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องก็ได้ แต่การยื่นขอปล่อยชั่วคราวสามารถยื่นได้ตลอด ถ้าศาลเห็นสมควรก็จะให้ปล่อย จากที่คุยตอนนี้นายอานนท์ไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้ คิดว่านายอานนท์คงไม่ประกันตัว

“เขาฝากบอกเพื่อนๆ กับสื่อมวลชนว่า เขาเห็นว่ากรณีที่มีการจับกุมนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนจำนวนมากในขณะนี้ เป็นความต้องการที่จะคุกคามเพื่อหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของนิสิต นักศึกษา ประชาชน เขาคิดว่าถ้าเขาขอปล่อยตัวชั่วคราวเขาก็ต้องโดนอีก และเป็นการข่มขวัญคนอื่นๆ เขาก็เลยตัดสินใจ เขาใช้คำพูดต่อหน้าศาลว่าอิสรภาพของเขาสำคัญน้อยกว่าความก้าวหน้าของสังคม และน้อยกว่าประชาธิปไตยของประเทศชาติ” นายกฤษฎางค์ กล่าวถึงสิ่งที่นายอานนท์ฝากบอก

นายกฤษฎางค์ กล่าวถึงความรู้สึกต่อผลคำสั่งในวันนี้ด้วยว่า ไม่เกินความคาดหมาย เช่นกรณีไผ่ดาวดิน การเพิกถอนการประกันตัวเป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนบางยุคบางสมัยใช้กัน วันนี้ทนายความทำงานเต็มที่ ด้วยความเชื่อมั่นของเราว่าน้ำหนักของพนักงานสอบสวนที่มาขอเพิกถอนไม่เพียงพอ ศาลเองก็เคยพูดกับตนว่าการขอปล่อยชั่วคราวนายอานนท์, นายภาณุพงศ์ หรือนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ในอดีต การกำหนดเงื่อนไขของศาลไม่สามารถไปจำกัดสิทธิทางการเมืองได้ ศาลไม่สามารถทำผิดรัฐธรรมนูญได้ พนักงานสอบสวนไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันว่าการไปพูดที่เชียงใหม่และที่ธรรมศาสตร์เกิดความวุ่นวายอะไร ไม่ได้พูดพาดพิงจนน่ากลัว พนักงานสอบสวนบอกไม่อยากคุมขัง แต่ตนก็ไม่เข้าใจเมื่อไม่อยากขังแล้วมาขอเพิกถอนทำไม 

ทั้งนี้ นายอานนท์ฝากทีมทนายความดูแลน้องๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวต่อไปด้วย ตามกฎหมายตำรวจมีสิทธิขังนายอานนท์ไว้ 48 วัน นับแต่วันนี้ ถ้าสอบสวนไม่เสร็จก็ต้องปล่อย ทนายต้องมาคัดค้านการฝากขังทุก 12 วัน

ด้าน นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความของนายภาณุพงศ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ศาลมีคำสั่งวันนี้ได้คุยกับนายภาณุพงศ์แล้ว ยังไม่ขอดำเนินการใดๆ โดยยินยอมที่จะเข้าเรือนจำก่อน ส่วนจะมีการยื่นประกันตัวในช่วงก่อนที่จะมีกิจกรรมของกลุ่มวันที่ 19 ก.ย.นี้ หรือไม่นั้น ยังไม่ได้คุยกับตัวนายอานนท์และนายภาณุพงศ์

จนกระทั่งในเวลา 17.15 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายอานนท์และนายภาณุพงศ์ขึ้นรถส่งตัวไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป โดยมีกลุ่มผู้สนับสนุนตะโกน “ทนายสู้ๆ วันที่ 19 ก.ย. เจอกัน” ขณะที่นายอานนท์มีสีหน้ายิ้มเล็กน้อย พร้อมแสดงสัญลักษณ์ชู 3 นิ้ว ก่อนที่รถยนต์จะเคลื่อนตัว โดยมีรถของ สน.พหลโยธิน นำหน้า
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"