ไม่กี่ชั่วโมงคล้อยหลัง ปรีดี ดาวฉาย ทิ้งเก้าอี้ รมว.การคลัง แบบหลายคนไม่คาดคิด ด้วยเหตุผลเรื่องปัญหาสุขภาพที่หลายคนไม่ค่อยเชื่อ จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงถัดมาก็มีชื่อแคนดิเดตขุนคลังคนใหม่ถูกโยนหินถามทางตามมาทันที ที่จับกระแสได้ว่าตัวเต็ง-แคนดิเดตที่ถูกคาดหมายกันไว้ แยกออกเป็น

                "คนนอก-คนใน"

                คนนอกหมายถึงบุคคลที่ไม่ได้เป็นนักการเมือง-ส.ส.-แกนนำพรรคพลังประชารัฐ แต่เป็นนักบริหาร-เทคโนแครตที่มีชื่อเสียง มีประสบการณ์ในด้านบริหาร เป็นนักบริหารมืออาชีพ

                ชื่อที่ถูกมองว่าเป็นแคนดิเดต ก็มีเช่น "ไพรินทร์ ชูโชติถาวร" อดีต รมช.คมนาคม อดีตผู้บริหารระดับสูง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่ปัจจุบันก็เป็นทีมงาน-ที่ปรึกษาส่วนตัวด้านเศรษฐกิจให้กับพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี อยู่แล้ว เห็นได้จากที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการบริหารเศรษฐกิจภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เป็นเสมือนบอร์ด ศบค.ทางด้านเศรษฐกิจ โดยให้ไพรินทร์เป็นประธาน

                อย่างไรก็ตาม ก็มีการมองกันว่าไพรินทร์อาจมีข้อจำกัด เพราะไพรินทร์มีพื้นฐานการศึกษาและการทำงานมาจากสายวิศวะ-พลังงาน-คมนาคม จนเคยเป็นตัวเต็งจะเป็น รมว.พลังงานในการปรับ ครม.รอบล่าสุด แต่สุดท้ายชื่อหลุดช่วงโค้งสุดท้าย และสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ อดีตบิ๊กเครือ ปตท.เช่นกัน เบียดเข้าวิน หลายคนจึงมองว่าหากจะดันไพรินทร์มาคุมคลังอาจไม่ใช่ตำแหน่งที่ลงตัวสักเท่าใดนัก

            ส่วนจะใช่ "ดร.วิรไท สันติประภพ" ที่กำลังเตรียมลุกจากเก้าอี้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย 30 กันยายนนี้ หลังมีการโปรดเกล้าฯ ให้เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ เป็นผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนใหม่แล้ว แต่ให้มีผล 1 ตุลาคม ก็พบว่าที่ผ่านมาวิรไทไม่เคยแสดงท่าทีใดๆ ให้คนเห็นว่าพร้อมจะเข้าสู่ถนนการเมือง ที่ก็ไม่แปลก เพราะการเป็นผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ เรื่องความเป็นกลางสำคัญมาก จนกระทั่งทำให้ในช่วงการปรับ ครม.รอบที่ผ่านมา พอมีข่าววิรไทมีชื่อเป็นแคนดิเดตรัฐมนตรี ประยุทธ์ 2/2 ทำให้เขาต้องรีบออกปฏิเสธเรื่องนี้แบบทันทีทันใด แต่ก็แสดงให้เห็นว่าเคยถูกทาบทามเช่นกัน                         

                “ตามที่มีข่าวว่าผมถูกทาบทามให้เข้าร่วมทีมเศรษฐกิจของคณะรัฐบาลชุดใหม่นั้น ผมได้เรียนขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีที่ท่านไว้วางใจ และได้เรียนท่านไปตั้งแต่ต้นอาทิตย์ที่แล้วว่าคงไม่สามารถรับตำแหน่งใดได้ครับ” (วิรไท 18 ก.ค.) สำหรับเรื่องคุณสมบัติตามข้อกฎหมายก็พบว่า ตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2551 ก็บัญญัติไว้ในมาตรา 28/20 ว่า "ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งพ้นจากตำแหน่งจะต้องไม่ไปดำรงตำแหน่งใดๆ ในสถาบันการเงินภายในระยะเวลาสองปีนับแต่พ้นจากตำแหน่ง" ที่ก็คือไม่ห้ามในการไปรับตำแหน่งทางการเมืองหลังพ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯ ธปท.         

            จึงต้องดูว่าท่าทีของวิรไทเมื่อตอนกลางเดือน ก.ค. กับท่าทีตอนนี้ หลังตำแหน่ง รมว.การคลังว่างลง ท่าทีของวิรไท ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง จะเปลี่ยนไปหรือไม่ เพราะหากเส้นทางชีวิตการทำงานของวิรไทเป็นทั้งผู้ว่าฯ แบงก์ชาติและ รมว.การคลัง คงทำให้โปรไฟล์อยู่ในชั้นเพอร์เฟ็กต์ไม่ใช่น้อย

                จุดสำคัญของคนนอกหากคิดจะเข้ามาเป็น รมว.การคลัง แทนปรีดี คนที่ถูกทาบทามก็ต้องคิดหนักพอสมควรก่อนตอบรับ เพราะนอกจากภารกิจหนักหนาในการช่วยกอบกู้-พยุงเศรษฐกิจแล้ว ยังต้องมั่นใจว่าเข้าไปแล้วทำงานได้ราบรื่น ไม่ต้องทำงานภายใต้คำสั่งทางการเมืองของบิ๊กๆ ในพรรคพลังประชารัฐจนตัวเองเสียศูนย์ เพราะหากไม่มั่นใจในเรื่องนี้ก็คงไม่อยากเข้าไปให้เปลืองตัว

               แต่ที่มาแบบชัดๆ ไม่อ้อมค้อม ประกาศพร้อมเป็น รมว.การคลัง ก็คือ "แคนดิเดตคนใน" ที่เป็นคนของพลังประชารัฐ ระดับแกนนำพรรคตัวจริง นั่นก็คือ "สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง-ผอ.พรรคพลังประชารัฐ" ที่นอกจากแจงสี่เบี้ยกับสื่อมวลชน ปฏิเสธว่าไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งเรื่องการทำงานกับปรีดี ดาวฉาย จนทำให้ปรีดีทิ้งเก้าอี้ รมว.การคลังอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์แล้ว "สันติ" ยังบอกพร้อมนั่ง "ขุนคลังคนใหม่"

                "รัฐมนตรีคนใหม่ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งต้องรู้สภาวการณ์เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก รวมถึงทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน และสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องเริ่มศึกษางานใหม่ ผมเองก็ทราบถึงสถานการณ์ จากประสบการณ์ทำงานกับ รมว.การคลังถึง 2 คน และรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจอีก 1 คน และทำงานภายใต้ความกดดันมาตลอดระยะเวลากว่า 1 ปี รวมถึงมีประสบการณ์เคยเป็น รมว.คมนาคม และ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

            ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร จะหารือกัน ซึ่งเรื่องการดูแลบ้านเมือง หากนายกรัฐมนตรีไว้วางใจก็พร้อมทำหน้าที่" สันติพูดไว้แบบไม่มีแทงกั๊ก

                อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากเงื่อนไขการเมืองแล้ว เวลานี้พลเอกประยุทธ์ก็เพิ่งปรับ ครม. รัฐมนตรีหน้าใหม่ใน ครม. "บิ๊กตู่ 2/2" ก็ยังทำงานได้ไม่ถึงเดือน บางคนยังเดินสายมอบนโยบายหน่วยงานในสังกัดไม่ครบทุกหน่วย และตอนนี้เก้าอี้รัฐมนตรีก็ว่างแค่ตำแหน่งเดียวคือ รมว.การคลัง ที่ก็มี สันติ พร้อมพัฒน์ นั่งเป็นเบอร์หนึ่งไปพลางก่อน เหมือนกับที่เป็นเบอร์หนึ่งทำหน้าที่ "ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564" แทนอุตตม สาวนายน อดีต รมว.การคลัง ที่ลาออกไปมาได้ร่วมสองเดือนแล้ว

            ผนวกกับถึงตอนนี้ก็ใกล้จะปิดสมัยประชุมปลายเดือนกันยายนนี้แล้ว ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2564 ที่จะเข้าสภาวาระ 2 และ 3 อีกสองสัปดาห์ข้างหน้านี้ก็ใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังไงก็ผ่านฉลุย ทำให้ตัวเร่งทางการเมืองที่จะกดดันให้พลเอกประยุทธ์รีบเดินหน้าตั้งขุนคลังคนใหม่จึงยังไม่มี ระหว่างนี้พลเอกประยุทธ์จึงมีเวลาพิจารณาคัดคนที่ดีที่สุดมาเป็นขุนคลังคนใหม่ในทีมเศรษฐกิจไม่ต้องรีบร้อน

                ท่าทีของพลเอกประยุทธ์ต่อกรณีดังกล่าว ทางนายกรัฐมนตรียืนยันดับกระแสข่าวความขัดแย้งในการทำงานระหว่าง "ปรีดีVSสันติ" โดยเปิดเผยว่า การที่ปรีดี ดาวฉาย ลาออกจากตำแหน่ง รมว.การคลัง เป็นเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องลาออกเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ แต่ยืนยันได้ว่ารัฐบาลทำงานต่อไปได้แน่นอน

                "ผมเป็นคนขับเคลื่อนในฐานะที่เป็นหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจอยู่แล้ว ทำงานร่วมกันมาโดยตลอดตั้งแต่ต้นของทุกโครงการ ทำไมไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลทำงานได้ เราต้องทำงานให้ได้ อย่ายึดติดกับบุคคลมากนัก ในเรื่องการทำงานในระดับปฏิบัติ มีระดับนโยบาย ผมเป็นหัวหน้าทั้งหมด ใน ครม. หรือในการประชุมย่อย สั่งการได้ทั้งหมดอยู่แล้ว" พลเอกประยุทธ์ระบุ

               ขณะที่ความลงตัวว่าเมื่อใดจะได้ รมว.การคลังคนใหม่ พลเอกประยุทธ์ใช้วิธีเลี่ยงที่จะตอบแบบชัดๆ เพราะอาจเป็นการผูกมัดตัวเอง

               ทำให้เมื่อสื่อถามว่าอีกนานหรือไม่กว่าจะตั้ง รมว.การคลังคนใหม่ ช่วงใดเป็นเวลาเหมาะสม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ช่วงเวลาที่เหมาะสม เมื่อถามย้ำว่าจะใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็เหมาะสมไง”

            ส่วนเสียงเชียร์จากบางฝ่าย เช่น พรรคเล็กในรัฐบาล ที่แถลงข่าวเรียกร้องให้บิ๊กตู่ที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจมาควบ รมว.การคลังเสียเอง แล้วคลายเก้าอี้ รมว.กลาโหมให้บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เชื่อว่าแวดวงธุรกิจ-ภาคเอกชน-วงการการเงินการธนาคาร อาจไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่กับสูตรนี้ เพราะคงมองว่าของแบบนี้ไม่ใช่เอาปัจจัยการเมืองมาตัดสินใจ โดยเฉพาะกับวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญอยู่จากผลกระทบโควิด ภาคธุรกิจคงอยากได้มืออาชีพ คนมีประสบการณ์มาเป็นทีมเศรษฐกิจ

            เก้าอี้ขุนคลังจะออกมาสูตรไหน คนนอกหรือคนใน และจะเป็นใคร จะมีเซอร์ไพรส์หรือไม่ อีกไม่นาน บิ๊กตู่ให้คำตอบ.