ติดเครื่องทำงานกันแบบรวดเร็ว เพราะนัดประชุมกันต่อเนื่องสัปดาห์ละ 3 วัน จันทร์-อังคาร-พุธ  สำหรับ คณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตอนนี้ได้ประชุมนัดแรก วางกรอบการทำงานไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่ชัดว่ากรรมการจะยกร่างแก้ไขกฎหมายเพื่อส่งให้รัฐบาลและ สนช.ภายในเดือนไหน ทั้งนี้ กระบวนการดังกล่าวเป็นหนึ่งในการ ปฏิรูปสีกากี-ปฏิรูปตำรวจ ที่จะทำผ่าน การแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ที่บิ๊กตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา  มอบดาบให้ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ-บอร์ด คสช.ทำหน้าที่ คุมทิศทางการแก้ไขกฎหมายตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปตำรวจ หลังถูกสังคมวิจารณ์ว่าที่ผ่านมากว่า 3 ปี รัฐบาลและ คสช.รวมถึงบิ๊กตู่ ปฏิลวง-ซื้อเวลาปฏิรูปสีกากี จนเสียรังวัดไปอย่างมาก

      เบื้องต้น มีชัยและคณะ วางเข็มทิศการแก้ไขกฎหมายตำรวจแห่งชาติดังกล่าวไว้บนหลักใหญ่ 6  ประเด็น ซึ่งก็มีแนวโน้มว่าหากเอาตามพิมพ์เขียวนี้หมดทุกอย่างอาจไม่ได้แก้ไข พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติอย่างเดียว แต่อาจต้องแก้กฎหมายอื่นๆ ด้วย เช่นประมวลกฎหมายอาญา

      ด้าน คำนูณ สิทธิสมาน โฆษกกรรมการพิจารณา พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ บอกไว้ว่า กรรมการไม่ได้อิงข้อเสนอรายงานปฏิรูปตำรวจชุดพลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ที่เป็นกรรมการที่ตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญทั้งหมด จะพิจารณาแค่บางประเด็นที่กรรมการเสนอไปยังนายกรัฐมนตรีเท่านั้น โดยทิศทางจะออกมาในลักษณะยกร่างขึ้นใหม่ทั้งฉบับ รวมทั้งแก้ไขกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาด้วย

      ภายใต้เป้าหมายหลักที่กรรมการวางไว้คือ ต้องตอบโจทย์ใหญ่ 2 เรื่อง 1.ความทุกข์ของประชาชน  ทั้งที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ และความคาดหวังที่ต้องการจากตำรวจ 2.ความทุกข์ของตำรวจ ทั้งที่ไม่อาจใช้เพียงความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่เติบโตไปตามสายงานได้อย่างปกติ  และความไม่พร้อมหรือขาดแคลนในด้านต่างๆ

      และทั้ง 2 ข้อจะพิจารณาผ่าน 6 กรอบตามดำริของนายกรัฐมนตรี อาทิ 1.โครงสร้างทั้งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช่งานตำรวจแท้ออกไปให้หน่วยงานอื่นด้วย 2.อำนาจสอบสวนควรอยู่กับตำรวจเต็มเหมือนเดิม หรือควรมีหน่วยงานอื่นมาร่วมในกระบวนการด้วย 3.การแต่งตั้งโยกย้าย รวมถึงการแต่งตั้ง ผบ.ตร.จะต้องกำหนดกฎเกณฑ์การพิจารณาไว้ให้ชัดเจนในกฎหมายหลัก  ไม่ใช่อยู่แต่ในกฎหมายลำดับรองหรืออนุบัญญัติเท่านั้น เป็นต้น

      นับหนึ่งของกรรมการชุดนี้ โดยการนำของ "มีชัย" แม้จะมีหลายเรื่องที่กรรมการจะแก้ไขปรับรื้อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและกรอบการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม แต่เรื่องหนึ่งที่เห็นธงมาแต่ไกลก็คือ มีความเป็นไปได้ที่จะมีการแก้ไข กระบวนวิธีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.-เบอร์หนึ่งรั้วปทุมวัน ที่แตกต่างไปจากระบบปัจจุบัน แต่จะออกมาสูตรไหน คาดได้ว่ายังไง "มีชัยและคณะ" ก็ต้องรอฟังสัญญาณจาก บิ๊กตู่-คสช. เช่นกัน.