สถานการณ์การระบาดของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุดทั่วโลกมีผู้ป่วยแล้ว 25,656,610 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 855,146 ราย
ที่น่าห่วงคือ สถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา ซึ่งพบว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ทางการไทยต้องรีบตื่นตัวในการเพิ่มการเฝ้าระวังตามด่านชายแดนอย่างเข้มงวด
แต่แค่การเพิ่มระดับการคุมเข้มตามด่าน คงจะไม่ใช่คำตอบทั้งหมด เพราะไทยกับเมียนมามีแนวชายแดนที่ติดกันระยะทางยาวรวมกันกว่า 1,800 กิโลเมตร มีช่องทางทางธรรมชาติมากมายที่จะทำให้มีกลุ่มคนแอบลักลอบผ่านแดนแบบผิดกฎหมาย
นี่เป็นจุดเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งในกรณีที่สถานการณ์การระบาดในเมียนมาวิกฤติมากขึ้น อาจจะลุกลามมาที่ไทย และหากมีการระบาดรอบที่ 2 ในไทย เศรษฐกิจไทยไม่สามารถจะรับไหวแน่นอน แค่ในเรื่องของการล็อกดาวน์ รัฐบาลไทยก็คงไม่มีงบจะมาเยียวยาให้กับประชาชนอีกแล้ว
แน่นอนหากต้องมีการล็อกดาวน์อีกครั้ง เศรษฐกิจไทยจะเรียกได้ว่าพังพินาศเลยทีเดียว เพราะการกู้เงินก่อนหน้านี้ 1 ล้านล้านบาท ก็เต็มกลืน ยังไม่รวมกับการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณอีก 2 แสนล้านบาท ซึ่งตอนนี้รัฐบาลและคนไทยก็แบกหนี้กันหลังแอ่นแล้ว
ดังนั้นเรื่องการป้องกันโรคจึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะพลาดไม่ได้อีกแล้ว และมันอาจจะหมายถึงความมั่นคงของรัฐบาลเลยก็ได้
งานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ก็ยอมรับว่ารัฐบาลกลัวการระบาดของโควิดรอบ 2 มาก เพราะกลัวว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดในหลายเดือนที่ผ่านมาจะสูญเปล่า จึงได้สั่งการไปทุกหน่วยงานให้เพิ่มกำลังตามแนวแม่น้ำบริเวณชายแดนทั้งหมด รวมถึงช่องทางเข้า-ออกอื่นๆ ด้วย
นอกจากนี้รัฐบาลอาจจะต้องมาพิจารณาเรื่องการตรวจหาเชื้อในกลุ่มแรงงานต่างด้าวอย่างจริงจัง เพราะไม่มีใครรู้เลยว่ากลุ่มแรงงานที่ทำงานอยู่ในไทยนั้นเข้ามาแบบถูกหรือผิดกฎหมาย และมีการตรวจคัดกรองเชื้อมาหรือไม่
โดยในแง่ของระบบเศรษฐกิจนั้น นอกจากรัฐบาลจะต้องเฝ้าระวังทางฝั่งเมียนมาแล้ว แต่เรื่องการเปิดการท่องเที่ยว ยังเป็นอีกคำถามใหญ่ของรัฐบาลในตอนนี้ว่าจะทำอย่างไร ล่าสุดทาง ธปท.ก็แสดงความเป็นห่วงต่อเศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้า เพราะการจะปิดประเทศ ไม่รับนักท่องเที่ยวในระยะยาว จะทำให้ไทยอาจจะต้องเจอสถานการณ์ที่ต่างประเทศฟื้น แต่ไทยไม่ฟื้น
ธปท.มีประเด็นสำคัญที่ฝากรัฐบาลและประชาชนต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเลขการระบาดของโควิด-19 ที่ไม่ใช่ตัวเลข 0 ราย ที่ผ่านมาหลายประเทศยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อจำนวนมากต่อวัน และอยู่กับสิ่งนั้นได้ กิจกรรมเศรษฐกิจเป็นไปตามปกติ ขณะที่ไทยหากระบาดอีกครั้ง และยอมให้กิจกรรมหายไปเลยเหมือนก่อนหน้านี้ จะกระทบหนัก ดังนั้นต้องหาวิธีเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ภาครัฐต้องมีวิธีให้ความมั่นใจ เพราะไม่รู้สถานการณ์จะดีขึ้นเมื่อไหร่
นี่คือความสมดุลที่รัฐบาลจะต้องชั่งน้ำหนักเลือกระหว่าง การเปิดในเรื่องการท่องเที่ยว เพื่อประคองเศรษฐกิจ และการจ้างงานให้เดินหน้า อย่างที่ทราบตอนนี้ ผู้ประกอบการด้านสายการบินและการท่องเที่ยวต่างก็อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้า คายไม่ออก ยังไม่ทราบชะตากรรมว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ท่ามกลางโควิด-19 ที่ระบาดแบบที่ไม่เห็นอนาคตแบบนี้
แม้ว่าแนวทางของทีมแพทย์ยังคงอยากจะให้รัฐคุมเข้มต่อ แต่ในแง่ของปากท้องก็สำคัญ คุมเข้มจนเศรษฐกิจพังก็ไม่ใช่ทางออก
คงต้องจับตาดูว่า จากสถานการณ์ในเมียนมาที่กำลังน่ากลัว จะทำให้รัฐบาลตัดสินใจต่อเรื่องการเปิดการท่องเที่ยวในประเทศอย่างไรบ้าง.
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |