ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สบช่องหาเสียงโจมตีฝ่ายตรงข้าม จับเหตุการณ์ม็อบปะทะกันที่พอร์ตแลนด์โจมตีโจ ไบเดน คู่แข่งชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี และนายกเทศมนตรีจากพรรคเดโมแครตว่าอ่อนแอไร้ประสิทธิภาพ ส่วนตัวเขาเป็นตัวแทนกฎหมายและความเป็นระเบียบเรียบร้อย ขณะฝ่ายตรงข้ามจวกทรัมป์สร้างความแตกแยกกระพือความรุนแรง
คาราวานสนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สตูดิโอซิตี รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อสุดสัปดาห์
รายงานเอเอฟพีเมื่อวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม อ้างคำแถลงของตำรวจว่า เหตุการณ์รุนแรงที่เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ซึ่งทำให้มีคนโดนยิงเสียชีวิต 1 รายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เกิดขึ้นระหว่างที่ขบวนรถแห่สนับสนุนทรัมป์หลายร้อยคันเคลื่อนขบวนผ่านใจกลางเมืองพอร์ตแลนด์ ออริกอนไลฟ์รายงานว่า มีการปะทะและความตึงเครียดเกิดขึ้นระหว่างผู้ชุมนุมและผู้ประท้วงต่อต้านการชุมนุม
ภาพถ่ายจากที่เกิดเหตุเผยให้เห็นเหยื่อกระสุนสวมหมวกที่มีโลโก้กลุ่ม "แพทริออตแพรย์" ที่สื่อท้องถิ่นกล่าวว่าเป็นกลุ่มขวาจัดที่เป็นศูนย์กลางของการชุมนุมหลายครั้งในเมืองพอร์ตแลนด์ที่จบลงด้วยความรุนแรง
ถึงช่วง 4 ทุ่มของวันอาทิตย์ มีผู้ประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวประมาณ 100-150 คนชุมนุมชูป้ายประท้วงด้านนอกอาคารของตำรวจทางตะวันออกของใจกลางเมืองพอร์ตแลนด์ และขว้างปาสิ่งของ ตำรวจต้องประกาศว่าการชุมนุมเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และสั่งให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ พร้อมทวีตคำเตือนว่าผู้ขัดขืนอาจถูกจับกุมและตำรวจจะใช้แก๊สน้ำตา
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดการชุมนุมประท้วงทั่วสหรัฐ รวมถึงการยกเลิกการแข่งขันกีฬาหลายชนิด สืบเนื่องจากเหตุการณ์ตำรวจผิวขาวในเมืองเคโนชา รัฐวิสคอนซิน กระหน่ำยิงเจค็อบ เบลค ชายแอฟริกันผิวดำ จากด้านหลัง การปะทะที่พอร์ตแลนด์เมื่อวันเสาร์เกิดหลังเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองเคโนชา ที่อัยการกล่าวหาหนุ่มวัย 17 ปีชื่อไคล์ ริตเทนเฮาส์ ว่ายิงชาย 2 คนเสียชีวิต และทำให้อีก 1 คนบาดเจ็บ ระหว่างที่คนเหล่านี้ชุมนุมประท้วงที่ตำรวจยิงเบลค
ประธานาธิบดีทรัมป์มีกำหนดมาเยือนเมืองเคโนชาในวันอังคาร เพื่อพบกับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและดูความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการก่อความไม่สงบสืบเนื่องจากคดีของเบลค แต่โทนี เอฟเวอร์ส ผู้ว่าการรัฐวิสคอนซิน ส่งจดหมายถึงทรัมป์ ร้องขอให้เขาทบทวนการเดินทางมาที่เมืองมิดเวสต์แห่งนี้ ด้วยเหตุผลว่าการเยือนของทรัมป์รังแต่จะขัดขวางการสมานแผลของพวกเรา
ความรุนแรงที่เกี่ยวโยงถึงการประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวกลายเป็นประเด็นสำคัญในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเดือนพฤศจิกายน โดยทรัมป์นำเสนอว่าตัวเขาเป็นตัวแทนของ "กฎหมายและความเป็นระเบียบเรียบร้อย" และโจมตีไบเดนว่า ถ้าได้เป็นประธานาธิบดีจะเปิดทางให้ม็อบฝ่ายซ้ายครองอำนาจ ส่วนไบเดนประณามความรุนแรงและตอบโต้ทรัมป์ว่าเป็นคนกระตุ้นให้เกิดการปะทะกัน เขามีแผนกล่าวสุนทรพจน์ที่รัฐเพนซิลเวเนียในวันจันทร์เพื่อตั้งคำถามต่อคนอเมริกันว่า พวกเขารู้สึกปลอดภัยในอเมริกาของโดนัลด์ ทรัมป์ หรือไม่
ช่วงเช้าวันอาทิตย์ ทรัมป์ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทวีตและรีทวีตโพสต์หลายสิบโพสต์ที่แสดงถึงความรุนแรงในเมืองที่อยู่ภายใต้ผู้บริหารที่เป็นเดโมแครต โดยเฉพาะที่เมืองพอร์ตแลนด์ ที่ทรัมป์ขู่หลายครั้งว่าจะส่งกองกำลังของรัฐบาลกลางเข้าเมืองนี้ ถ้านายกเทศมนตรีเท็ด วีลเลอร์ ไม่ปราบปราม
ทรัมป์โจมตีวีลเลอร์ที่ปฏิเสธรับความช่วยเหลือจากเนชันแนลการ์ด ที่เขาบอกว่าสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง "วีลเลอร์ไม่มีประสิทธิภาพ เหมือนๆ กับโจ ไบเดน ง่วงงุนนั่นแหละ" ทรัมป์ทวีต
ด้านวีลเลอร์แถลงข่าวตอบโต้ทรัมป์ว่า เป็นเวลาเกือบ 4 ปีที่คนอเมริกันต้องทนกับการโจมตีเหยียดผิวของทรัมป์ต่อคนผิวดำ, การพูดจาเหยียดหยามผู้หญิง, การดูถูกคนเข้าเมืองและนักข่าว และตอนนี้ยังรวมถึงการดูถูกนายกเทศมนตรีเมืองใหญ่หลายเมืองด้วย ทรัมป์เคยสงสัยอย่างจริงจังมั้ยว่าทำไมนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่อเมริกาเผชิญกับความรุนแรงระดับนี้ เป็นทรัมป์นั่นแหละที่สร้างความเกลียดชังและความแตกแยก.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |