เผด็จการฟังเสียงประชาชน


เพิ่มเพื่อน    

 

          แอะอะอ้างประชาชนจะไม่ทน

                อ้างประชาชนจะลุกฮือ

                ประชาชนไหน?

                ฝ่ายค้านยุคนี้ดูจะมักง่ายไปหน่อย เล่นการเมืองเพื่อพรรคเท่านั้น ไม่ได้ทำเพื่อประเทศ

                เรื่องเรือดำน้ำ ก็ตัดรำคาญไป

                กองทัพเรือมีหนังสือชี้แจงยังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๖๔ ดังนี้

                "...ตามร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ๒๕๖๓ มีรายการจัดหาเรือดำน้ำ จำนวน ๒ ลำ และตามร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ๒๕๖๔ มีวงเงินงบประมาณสำหรับการจัดหาเรือดำน้ำ ๒ ลำ จำนวน ๓,๙๒๕ ล้านบาท มีสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-๑๙ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ

        กองทัพเรือพิจารณารอบคอบแล้ว เห็นว่าการลดงบรายการนี้ลง ถึงแม้ว่าจะเกิดผลกระทบเป็นความเสียหายต่อการดำเนินการตามแผนงานโครงการของกองทัพเรือ ส่งผลต่อความสำเร็จในการปฏิบัติงานตามภารกิจของกองทัพเรือ ที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย และที่ได้รับมอบหมาย อันจะส่งผลกระทบถึงประโยชน์ของประเทศชาติในภาพรวมอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ด้วยก็ตาม

                แต่เพื่อให้สอดคล้องกับความจำเป็นตามภาวการณ์ของประเทศในปัจจุบัน กองทัพเรือตระหนักถึงประเด็นดังกล่าว และขอปรับลดงบในการจัดหาเรือดำน้ำ จำนวน ๒ ลำ ในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ทั้งหมด คงเหลืองบประมาณในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ จำนวน ๐ ล้านบาท

        ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ กองทัพเรือขอเรียนว่าจะมุ่งมั่นพัฒนาและใช้ขีดความสามารถที่มีอยู่เพื่อลดความเสียหายและความเสี่ยงที่เกิดจากการต้องเลื่อนการจัดหาเรือดำน้ำออกไป ให้มีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ จะปฏิบัติหน้าที่ และภารกิจอย่างเต็มกำลังความสามารถ เป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ..."

                แล้วที่ประชุมกรรมาธิการงบประมาณก็ลงมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง ๖๓ ต่อ ๐ เสียง งดออกเสียง ๓ เสียง

                หลังจากนี้กองทัพเรือต้องไปคุยกับจีน แต่ไม่น่าจะมีปัญหาค้างคาใจกัน

                เป็นอันว่า งบซื้อเรือดำน้ำจะไปโผล่อีกทีในงบประมาณปี ๒๕๖๕

                ถึงเวลานั้นต้องดู การเมืองจะจ้องจมเรือดำน้ำอีกหรือไม่

                นี่เป็นอีกหนึ่งบททดสอบ รัฐบาลที่ถูกด่าว่า เป็นเผด็จการ กลับฟังเสียงประชาชน  

                แต่....วันนี้ดูเหมือน พรรคเพื่อไทยจะไม่ยอมจบ

                "อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด" โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวด้วยถ้อยความที่แสดงให้เห็นธาตุแท้ของพรรคการเมืองนี้ว่า ประชาชนเป็นใหญ่ในยามที่ตัวเองเป็นฝ่ายค้านจริงๆ

            "ถ้าภาคประชาชนไม่ส่งสัญญาณเตือนแรงๆ พล.อ.ประยุทธ์จะถอยหรือไม่ สงสัยว่า เหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์ถอย เพราะจำนนต่อหลักฐาน หรือเดินฝ่าแรงต้านไปไม่ไหว ไม่ใช่การถอยแบบมีสำนึก

            ถ้าสำนึกต้องไม่ใช่แค่เลื่อน หรือชะลอไว้ ๑ ปี แต่ต้องเลื่อนให้นานกว่านั้น หรือยุติการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ ๒ และลำที่ ๓ ไปเลย

            ถ้าประชาชนไม่ลุกฮือ ป่านนี้คงหวานคอแร้งรัฐบาลไปแล้ว หวังว่าเมื่อไม่ซื้อเรือดำน้ำแล้ว คงไม่หันไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ประเภทอื่นทดแทน สภาพวิกฤติเศรษฐกิจหนักขนาดนี้ ประชาชนจะไม่ทนอีกต่อไป"

                น่าจะกลับไปถาม "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" มากกว่านะ

                ทั้งคู่ทำประชาชนทนไม่ไหวจนต้องลุกฮือ

                มีสำนึกบ้างหรือไม่ ทำประเทศเสียหายแล้วหนี ไม่ยอมอยู่รับโทษ

                สันดาน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"