กมธ.งบฯชุดใหญ่ ถกเลื่อนซื้อเรือดำน้ำ คาดโยกงบส่วนแรกช่วยสาธารณสุขผลิตวัคซีนโควิด-19


เพิ่มเพื่อน    

31 ส.ค.63 - ที่อาคารรัฐสภา นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 กล่าวว่า ขอบคุณทางรัฐบาล และกองทัพเรือ ที่ให้ความสนใจ ห่วงใยต่อการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ มูลค่า 2.25 หมื่นล้านบาท เพราะขณะนี้ประเทศยังเผชิญกับภัยโควิด-19 และยังไม่รู้ว่าจะยุติเมื่อใด ในการประชุมช่วงบ่ายวันนี้ (31ส.ค.) จะได้นำข้อห่วงใยดังกล่าวหารือต่อที่ประชุมกรรมาธิการฯ โดยจะให้ความสำคัญในทุกมิติ ทำให้เกิดความรอบคอบสูงสุด

ส่วนกองทัพเรือจะมีคณะมาชี้แจงเองหรือจะส่งเอกสารมา ยังไม่ทราบ เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ตนได้พูดคุยกับกรรมาธิการงบประมาณในซีกพรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน ทุกคนต่างเห็นด้วย ประเทศไทยควรจะมีเรือดำน้ำเพราะประเทศเพื่อนบ้านก็มีเรือดำน้ำยกเว้นเพียงกัมพูชาและลาว โดยไทยเองก็ต้องมีเรือดำน้ำ เพื่อเฝ้าระวังทรัพยากรใต้น้ำทั้งในฝั่งอันดามัน-อ่าวไทย เรือดำน้ำก็เหมือนกล้องวงจรปิดที่จะต้องดูแลทรัพยากรธรรมชาติใต้น้ำ บนผิวน้ำ บนอากาศ

การจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ แม้จะมีการอนุมัติมาตั้งแต่ปี 2563 ทางสภาฯก็ได้ผ่านงบประมาณ คณะรัฐมนตรี(ครม.)มอบหมายให้กองทัพเรือดำเนินการ แต่ก็อย่างที่ทุกคนทราบ เมื่อเราเกิดภาวะโควิดและยังไม่รู้ว่าจะยุติเมื่อใด จึงประสานไปยังกองทัพเรือขอเจรจากับจีน เพื่อผ่อนคลายการชำระเงิน ในการประชุมคณะกรรมาธิการงบประมาณ บ่ายนี้ในที่ประชุมคงจะได้พูดคุยกันในเรื่องการชำระเงินที่ต้องแบ่งทยอยจ่าย จะทำอย่างไรต่อไป

เมื่อถามว่าในส่วนของงบประมาณการซื้อเรือดำน้ำงวดแรก จะนำไปใช้ในส่วนใดนั้น นายสันติกล่าวว่า คงอยู่ที่สำนักงบประมาณว่าจะนำไปใช้ในส่วนใด จะนำไปใช้เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาไวรัสโควิด-19 นำไปช่วยด้านสาธารณสุข หรือสนับสนุนการผลิตวัคซีนป้องกันหรือไม่ คงต้องนำมาพูดคุยกันก่อน แต่ตนยังไม่อยากพูดว่าผลการโหวตจะออกมาเป็นอย่างไร ขอหารือกับกรรมาธิการก่อน ยืนยันว่า ในวันนี้ที่ประชุมจะได้ข้อสรุปแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนพักการประชุมกมธ.งบประมาณ ช่วงเช้าที่ประชุมได้พิจารณารายงานของคณะอนุกรรมาธิการฝึกอบรม สัมมนา ประชาสัมพันธ์ฯ เสร็จสิ้นแล้ว โดยมีการพิจารณางบประมาณของกระทรวงอุตสาหกรรม 111 ล้านบาท เพื่อต่อสู้คดีที่บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย บริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี จังหวัดพิจิตร ฟ้องร้องรัฐบาลไทย กรณีหัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 44 สั่งปิดเหมืองแร่ทองคำ

โดยนพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ กมธ.ฯจากพรรคเสรีรวมไทย ใช้สิทธิแปรญัตติตัดงบประมาณทั้งหมด 111 ล้านบาท เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่า หัวหน้าคสช. ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จึงไม่มีสิทธิใช้งบประมาณต่อสู้คดี แต่ในที่สุดที่ประชุมมีมติ 38 ต่อ 21 เสียง ให้ปรับลดงบประมาณเพียง 12 ล้านบาทตามที่อนุกมธ.ฯเสนอมาเท่านั้น ทางนพ.เรวัต และกมธ.ฯที่เห็นตรงกันจึงขอใช้สิทธิสงวนคำแปรญัตติขอให้ตัดงบประมาณทั้งหมด 111 ล้านบาท ในชั้นการพิจารณารายมาตราวาระ 2 ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"