'วิชา'ชง'นายกฯ' นับหนึ่งบอสใหม่ คดีที่มีอายุความ


เพิ่มเพื่อน    


     “วิชา” ถกคดีบอสกว่า 6 ชั่วโมง เตรียมส่งถึงมือประยุทธ์ 31 ส.ค.นี้ แนะรื้อคดีที่ยังไม่หมดอายุความทั้งกระบิ พ่วงคดีใหม่หากสาวไปถึง เผยมีการทำเป็นกระบวนการต้องให้ ป.ป.ช.-ป.ป.ท.-ดีเอสไอร่วมสางต่อ
     เมื่อวันที่ 30 ส.ค. เวลา 20.00 น. ที่สำนักงานกฤษฎีกา ท่าพระจันทร์ นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสรุปคดีกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 โดยใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง ว่ามีการสรุปรายงานที่จะนำเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันที่ 31 ส.ค. ซึ่งยังไม่ได้นัดเวลา ส่วนการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมที่ขยายออกไปอีก 30 วัน จะแบ่งเป็น 2 แนวทางคือ แนวทางแรก เป็นการสรุปรายละเอียดว่าได้สอบพยานกี่ปาก ใครบ้าง มีข้อมูลอย่างไร รวมทั้งการลำดับเหตุการณ์ว่าเกิดขึ้นอย่างไร ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนมีผู้เสียชีวิตและมีผู้ต้องหา มีการทำสำนวนสอบสวนอย่างไรจนเกิดกรณีข้อสงสัยทั้งเรื่องการสั่งฟ้อง คดีขาดอายุความ 
“แม้ว่าเวลามายาวนาน แต่เรามีเอกสารยืนยันบางเรื่องเปลี่ยนจากที่เคยสอบมาแล้ว ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้ความจริงว่าบางเหตุการณ์ไม่เป็นความจริง เพราะไม่ได้ทำขึ้นในวันที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อให้เห็นว่ามีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนอย่างไรบ้าง ซึ่งผิดพลาดตั้งแต่ทำสำนวน โดยเฉพาะสิ่งที่คณะกรรมการฯ ติดใจมาก คือทำไมถึงเอาผู้ที่เสียชีวิตซึ่งเป็นตำรวจมาเป็นผู้ต้องหา ทั้งที่ตายไปแล้วไม่มีสิทธิ์ต่อสู้ ถือเป็นเรื่องผิดปกติในกระบวนการตั้งรูปคดี ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็เคยสอบว่ามีข้อน่าสงสัยและพิรุธจำนวนมากจำนวนมาก” นายวิชากล่าว
นายวิชากล่าวต่อว่า ในกระบวนการทั้งหมดพบว่าเป็นกระบวนการที่ร่วมมือกันหลายฝ่าย ไม่สามารถเกิดขึ้นจากฝ่ายพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการฝ่ายเดียว ทั้งกระบวนการอัยการและตำรวจไม่ใช่องค์กรไม่ดี แต่ได้รับความเสียหายและผลกระทบจากผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์หรือไม่ทำหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาหรือผู้ทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ผิดพลาดบกพร่อง ซึ่งรายงานจะมีรายละเอียดทั้งหมด แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยเฉพาะชื่อหรือบุคคล 
     “จุดมุ่งหมายของคณะกรรมการฯ คือต้องรื้อคดีนี้ใหม่ทั้งหมด โดยมีแนวคำพิพากษาศาลฎีกาว่าการทำสำนวนคดีในลักษณะสมยอมหรือไม่สุจริตจะเสียกันทั้งระบบ จึงมีข้อเสนอให้เริ่มต้นใหม่ทั้งหมดเพื่อความยุติธรรมและเป็นธรรม แต่คงได้เฉพาะบางข้อกล่าวหาที่ยังไม่ขาดอายุความ หรือยังไม่เคยตรวจสอบ หรือยังไม่จัดการให้ชัดเจน ซึ่งบางประเด็นตำรวจได้พยายามแก้ไขโดยใช้มาตรา 147 แต่คณะกรรมการฯ เห็นว่าต้องยิ่งกว่านั้น ซึ่งกระบวนการที่เสนอมีทั้งในส่วนของอาญา วินัย และจริยธรรม ครบทั้ง 3 ด้านในส่วนบางคดีที่ขาดอายุความไม่สามารถรื้อกลับมาได้ เพราะกฎหมายไม่ได้เขียนไว้ เพราะยังไม่เคยมีกรณีแบบนี้ ซึ่งมันรุนแรง”นายวิชากล่าว
     เมื่อถามว่า บางกรณีที่สามารถรื้อคดีขึ้นมาใหม่ได้จะเอาผิดกับบุคคลที่เกี่ยวข้องได้หรือไม่ นายวิชากล่าวว่า ต้องแยกไปให้กับองค์กรที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ป.ป.ช., สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าองค์กรยุติธรรมทั้งหมดจะต้องมาร่วมกันประชุมปรึกษาหารือว่าจะต้องทำอะไรบ้าง  ทั้งนี้ ในรายงานไม่ได้ระบุถึงตัวบุคคล เพียงแต่บอกว่ามีใครเกี่ยวข้องอย่างไร จุดไหน พร้อมทั้งเสนอว่าควรส่งสำนวนไปให้ใครเพื่อดำเนินการ
     เมื่อถามย้ำว่า ในรายงานที่เสนอต่อนายกฯ จะเอาผิดต่อองค์กรหรือกระบวนการได้หรือไม่ นายวิชากล่าวว่า มีทั้งสามารถเอาผิดได้เลย และมีทั้งต้องไปขยายผล ซึ่งในรายงานเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเรามีเวลาจำกัด ไม่อาจสอบได้ครบถ้วนทุกปาก ซึ่งพยานยังมีอีกที่สามารถชี้ผิดถูกอย่างไร สำหรับความผิดที่ตรวจพบนั้นมีทั้งบุคคลธรรมดา บุคคลผู้ดำรงตำแหน่งในกระบวนการ มีเยอะ ถ้าถึงจุดไหนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลใด ก็ต้องไปดำเนินการให้ชัดว่ามีความผิดพลาดบกพร่องหรือทุจริตประพฤติมิชอบอย่างไร.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"