"วัฒนา" ฉะ "บิ๊กตู่" โง่สมบูรณ์แบบใช้ ม.44 ปิดเหมืองอัครา ลั่นต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายคืนรัฐเหมือนไล่บี้ "ยิ่งลักษณ์" คดีจำนำข้าว เพื่อไทยจ่อตัดงบสู้คดีกับคิงส์เกต
     เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมช.พาณิชย์ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 สัดส่วนของพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีรัฐบาลตั้งงบประมาณเพื่อสู้คดีกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด จำกัด ประเทศออสเตรเลีย บริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เจ้าของสัมปทานเหมืองทองคำ ที่ฟ้องรัฐบาลไทย หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้มาตรา 44 สั่งปิดเหมืองทองคำ ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) ว่าหลายคนถามว่ากรณีรัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ตั้งแต่ปี 2562-2564 รวม 389 ล้านบาท เพื่อใช้ในการต่อสู้คดีที่รัฐบาลถูกคิงส์เกตยื่นฟ้องต่ออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ หากแพ้คดีรัฐบาลอาจจะต้องรับผิดชดใช้เงินหลายหมื่นล้านบาท กรณีนี้จะเอาคืนได้จากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้หรือไม่นั้น 
    "การใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของ พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นความโง่อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะอำนาจดังกล่าวมีอยู่แล้วตามมาตรา 125 และ 126 ของ พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2510 ไม่จำเป็นต้องไปใช้อำนาจของหัวหน้าเผด็จการให้ถูกฟ้อง แต่ความซวยของคนไทยคือนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเขียนรัฐธรรมนูญมาตรา 279 นิรโทษกรรมการกระทำของ คสช.ทั้งหมด ทำให้รัฐบาลไม่อาจไปเรียกร้องค่าโง่คืนจาก พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้า คสช.ได้ แต่การที่มาตรา 44 กำหนดให้หัวหน้า คสช. ต้องรายงานการออกคำสั่งให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และนายกฯ ทราบโดยเร็ว หากบุคคลทั้งสองเห็นว่าเป็นการออกคำสั่งที่ไม่ชอบต้องทักท้วงหรือขอให้แก้ไข แต่การที่บุคคลทั้งสองปล่อยให้คำสั่งดังกล่าวถูกนำไปใช้จนก่อให้เกิดความเสียหาย ประธาน สนช.และนายกฯ จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายคืนให้รัฐตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ.ศาลปกครอง เหมือนที่เคยกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ปล่อยปละละเลยในคดีรับจำนำข้าว" นายวัฒนาระบุ
      เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมว่า ในที่ประชุม กมธ.งบฯ จะพิจารณาอย่างไร นายวัฒนาตอบว่า หากเป็นค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีต้องให้ไป เพราะไม่เช่นนั้นใครจะต่อสู้คดีให้ แต่หลังจากคดีจบสิ้นแล้วใครเป็นผู้รับผิดชอบ ต้องไปไล่เบี้ยกันอีกที     
    ส่วนที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุการใช้มาตรา 44 เป็นเพียงการระงับการทำเหมือง ไม่ใช่การสั่งปิดจนเกิดความเสียหาย นายวัฒนากล่าวว่า การระงับใบอนุญาตก็ทำกิจการต่อไม่ได้เท่ากับการปิดเหมือง ถือว่ามีความหมายเหมือนกัน จึงเป็นเหตุให้เขามาฟ้องเราได้ 
    นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย  และกรรมาธิการฯ งบปี 2564 กล่าวว่า มีกรรมาธิการงบฯ บางคนเสนอให้ตัดงบสู้คดีทิ้งหมดเลย เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีสิทธิ์ตั้งงบประมาณตรงนี้ ตอนปิดเหมืองทองอัคราใช้อำนาจมาตรา 44 ที่พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงถามว่าแล้วจะนำเงินรัฐไปสู้คดีได้อย่างไร              
    เมื่อถามว่า ท่าทีของ กมธ.งบฯ ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไร นายยุทธพงศ์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยตั้งแต่มีการใช้อำนาจมาตรา 44 ไปปิดเหมืองทองอัครา แล้วจะมาเอาเงินค่าต่อสู้คดีได้อย่างไร แต่ขณะนี้คณะอนุกรรมาธิการฝึกอบรม สัมมนา ประชาสัมพันธ์ สภาผู้แทนราษฎร ยังไม่ได้นำเข้ารายงาน กมธ.ฯ งบปี 2564 ที่จะมีการประชุมในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ดังนั้นหากมีการนำเข้า กมธ.ฯ งบปี 2564 ทราบว่าจะมีการตัดงบประมาณส่วนนี้ออก
    พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การนำเงินภาษีอากรไปทุ่มกับ “ค่าใช้อำนาจตาม ม.44 คดีเหมืองทองอัครา” ทั้งที่  พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่า “จะรับผิดชอบด้วยตัวเอง” เป็นการเหมาะสมแล้วหรือ จากข้อมูลวิเคราะห์ของเจ้าหน้าที่สภาฯ พบว่ามีการใช้งบประมาณรายจ่ายแผ่นดิน 2562 และ 2563 ในการต่อสู้คดีส่วนหนึ่งแล้ว คือในปีงบประมาณ 2562 จำนวน 60 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2563 ได้ไปจำนวน 217 ล้านบาท
    กรณีคดีเหมืองทองอัคราเป็นการตอกย้ำว่ามีการเลือกปฏิบัติของรัฐบาล ที่เรียกว่าสองมาตรฐาน เพราะประเทศไทยถูกต่างชาติฟ้องร้องเรื่องทำนองเดียวกันจำนวนหลายคดีในองค์การการค้าโลก ซึ่ง กมธ.งบฯ ปี 2564 ได้ตั้งคำถามกับกระทรวงพาณิชย์ เช่นคดีฟิลลิป มอร์ริส ซึ่งรัฐบาลฟิลิปปินส์ฟ้องร้องประเทศไทย ให้ชดใช้เงินเป็นจำนวนเกือบประมาณ 8 หมื่นล้านบาท แต่ประเทศไทยกลับมีการจ้างทนายอาสา และทนายคนดังกล่าว เคยทำงานอยู่ในสำนักงานทนายความของคู่กรณี และต่อมาประเทศไทยแพ้คดีให้กับคู่กรณี เป็นต้น
    "การใช้เงินภาษีอากรจ่ายจำนวนมากเพื่อเป็น “ค่าใช้อำนาจมาตรา 44” ที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยยืนยันว่า “จะรับผิดชอบด้วยตัวเอง” เพราะดำเนินการมาตั้งแต่ต้นนั้น เห็นว่าเพื่อความชอบธรรมต้องให้ประชาชนและทุกภาคส่วนสามารถตรวจสอบการใช้งบประมาณได้อย่างกว้างขวางต่อไป" พ.ต.อ.ทวีระบุ.