เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2563 ที่ลานกลางเมือง จ.พิษณุโลก ส.ส.พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล, และนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลกพรรคก้าวไกล ร่วมเปิดเวทีกิจกรรม “ก้าวไกลไปด้วยกัน” ในลักษณะของเวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมกันนี้ภายในงานยังมีการเปิดรับสมาชิกพรรคก้าวไกลประจำจังหวัดพิษณุโลก และโต๊ะล่ารายชื่อเพื่อนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
“พิธา”ย้ำจุดยืน “ก้าวไกล” ปิดสวิตช์ ส.ว. - ย้ำต้องไม่ล็อคห้ามแก้หมวดใด
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวเปิดว่าพรรคก้าวไกลวันนี้คือบทที่สองของพรรคอนาคตใหม่ แม้วันนี้จะมี ส.ส.เพียง 54 คน แต่คุณภาพไม่ลดลงไป เรายังคงเชื่อในเรื่องนิติรัฐ สิทธิมนุษยชน ความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การกระจายอำนาจ ความหลากหลาย ระบบเศรษฐกิจเสรีที่ไม่มีการผูกขาด การพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่ต้องทำลายสิ่งแวดล้อม รัฐสวัสดิการ อำนาจอธิปไตยที่เป็นของประชาชน และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิในการกำหนดความเป็นอยู่และอนาคตของตัวเอง ในเรื่องนี้พวกเราพรรคก้าวไกลยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เราจะยังเป็นพรรคที่ขับเคลื่อนด้วยสมาชิก สร้างความเป็นประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง ไม่มีนายทุนมาลงขันเพื่อออกนโยบายเอื้อให้ทุนผูกขาด ไม่ใช่พรรคเพื่อให้ทหารและอภิสิทธิ์ชนบางกลุ่มบอกว่างบประมาณของประเทศควรจะเป็นอย่างไร เอาไปใช้เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มก้อนของตัวเองอย่างไร
ฝ่ายค้านวันนี้เราแตกต่างแต่เราไม่แตกแยก ทุกคนยังเชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นวิกฤติ มันคือระเบิดเวลาที่เราจะต้องไปถอดฟืนออกจากกองไฟ แต่เราพรรคก้าวไกลเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และการมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) โดยไม่จำกัดว่า สสร.จะแก้หรือไม่แก้อะไรได้บ้างคือสิ่งที่ควรจะเป็น เราจึงไม่ได้ร่วมลงชื่อกับพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ แต่โดยจุดร่วมเรายังคงเห็นร่วมกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา
รัฐธรรมนูญมีปัญหาที่บทเฉพาะกาล ในส่วนของอำนาจ ส.ว.ตามมาตรา 269, 270, 271, 272 ที่ให้อำนาจ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งโดย คสช.ยังคงอยู่ และยังสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้หากมีอุบัติเหตุทางการเมือง ดังนั้นมาตรา 272 จะต้องเป็นญัตติด่วนที่เราจะต้องเปิดอภิปรายให้ได้ก่อนปิดสมัยประชุมนี้ เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
“มาตรา 256 กับ สสร.แบบไม่บีบมืออนาคต ปลดล็อคจากรัฐธรรมนูญเก่าไปเป็นพื้นที่ๆปลอดภัยในการพูดคุยกัน ไม่ใช่ปลดล็อคจากรัฐธรรมนูญเก่ามาล็อคที่ สสร.อีกทีหนึ่ง ให้คนที่จะเป็น สสร.ได้มีอายุ 18 ปีขั้นต่ำ เพราะอนาคตที่เรากำลังพูดคุยกันอยู่คืออนาคตของพวกคุณ ไปพูดคุย ไปหาฉันทามติร่วมกันระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ สสร.ไม่มีสิทธิที่จะเป็นที่ผูกขาดความคิดทางการเมืองใดการเมืองหนึ่ง มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง ไม่จำกัดอาชีพและวุฒิการศึกษา นี่คือข้อเสนอของพรรคก้าวไกล เพราะเราเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ถกเถียงกัน สามารถไปเริ่มต้นกันที่ สสร. โดยการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนจริงๆ หลีกเลี่ยงความรุนแรง เอาความเห็นที่ไม่ตรงกันไปคุยกันที่นั่น แล้วหวังว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่มาจากประชาชนจริงๆจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับสุดท้ายของประเทศไทย” นายพิธากล่าว
นายพิธายังกล่าวต่อไป ว่านี่คือวิธีถอดฟืนออกจากกองไฟ สำหรับสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ นี่คือหน้าที่ของผู้แทนราษฎรอย่างตน ไม่ใช่เรื่องของการเอามัน นี่ไม่ใช่เรื่องของวัยรุ่นใจร้อน แต่นี่คือเสียงของประชาชน นี่คือสาเหตุที่เราเสนอวิธีแบบนี้ เงื่อนไขเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ที่เราจะลดอุณหภูมิการเมืองลดลงได้ ให้ทุกคนมาพูดคุยกันอย่างมีเหตุผลและวุฒิภาวะ
เตือนสังคมไทยกำลังจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจใหญ่สุดในรอบ 150 ปี - เสียดายงบซื้ออาวุธมหาศาล เอามาอัพเกรดระบบจัดการน้ำแก้ท่วมได้ถาวร
นอกจากนี้ นายพิธายังได้กล่าวถึงกรณีปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยระบุว่าเรากำลังจะเจอมหาวิกฤติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 150 ปี อยากย้ำอีกครั้งว่าวิกฤติที่ประเทศไทย สังคมไทย และเยาวชนไทยกำลังพบเจอ ยิ่งใหญ่กว่าวิสัยทัศน์แคบๆและใจแคบๆของผู้มีอำนาจในวันนี้
นักศึกษาที่จบใหม่ออกมากำลังจะไม่มีงานทำ ซ้ำเติมกับปัญหาที่กำลังจะมีคนตกงานอีก 8 ล้านคนทั่วประเทศ หนี้สินของประชาชนที่หวังพึ่งสินเชื่อของธนาคารที่ให้อย่างไม่เต็มใจนัก ทุกวันนี้เงินก้อนนั้นกำลังจะหมดลงภายใน 6 เดือน วิกฤติเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน 150 ปีกำลังจะมาถึงเรา
งบประมาณเรือดำน้ำ 2.2 หมื่นกว่าล้านสามารถช่วยเด็กในกลุ่มเปราะบางที่สุดในประเทศไทยที่ไม่มีเงินไปเรียนหนังสือได้ 6.7 แสนคน สามารถสร้างเขื่อนหรือบ่อน้ำขนาดกลาง-ขนาดเล็กได้เป็นจำนวนมาก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาน้ำท่วมในวันนี้ได้
พูดถึงปัญหาน้ำท่วม เมื่อวานนี้ตนลงไปดูไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่จังหวัดสุโขทัยมา ตนเชื่อมั่นอย่ายิ่งว่าด้วยงบประมาณ 2.2 หมื่นกว่าล้านบาทที่นำไปใช้ซื้อเรือดำน้ำ ถ้าให้ตนมาใช้วางระบบบริหารจัดการน้ำ ตนสามารถทำให้สุโขทัยน้ำไม่ท่วมอีกเลยได้
การบริหารจัดการน้ำในวันนี้ต้องเปลี่ยนแปลงให้เป็นแบบลุ่มน้ำ ถ้าตนเป็นผู้บริหาร ตนจะนำระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพกว่านี้มาใช้ มีเซนเซอร์ติดอยู่ที่แม่น้ำต้นน้ำทุกสาย พอระดับน้ำสูงเกินจำนวนที่กำหนดก็ส่ง sms แจ้งเตือนประชาชน เวลาจะเปิดหรือไม่เปิดประตูระบายน้ำ ต้องไม่อยู่ที่อำนาจของคนใดคนหนึ่งที่ใช้ดุลยพินิจโดยลำพัง ใช้กรรมการ 7 คน ประกอบด้วยประชาชน คนจากกระทรวง คนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตัดสินใจร่วมกันเป็นคณะกรรมการ หรือจะใช้ระบบคอมพิวเตอร์เหมือนไต้หวัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ที่มีการคำนวนอย่างแม่นยำมาใช้ ที่อื่นเขาใช้รูปแบบนี้กันหมดแล้วน้ำถึงไม่ท่วมเขามานานมากแล้ว
“ประวัติศาสตร์ชาติไทยของกองทัพเรือ เคยรบครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ใครตอบผมได้บ้าง? แต่ผมบอกคุณได้ว่าพิษณุโลกน้ำท่วมทุกปีถูกหรือไม่? อีกส่วนหนึ่งแล้งซ้ำซากเป็นสิบๆปีถูกไม่ถูก? สุโขทัยน้ำท่วมทุกปีแล้งทุกปีถูกไม่ถูก? ทุ่งเสรี่ยงฝั่งซ้ายแล้ง ฝั่งขวาสวรรคโลกท่วมทุกปี ครึ่งหนึ่งของพิษณุโลกแล้ง ครึ่งหนึ่งของพิษณุโลกท่วมทุกปี พวกคุณมันมีความจงใจที่จะให้ประชาชนไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ ท่วมซ้ำซากทุกปีๆ งบประมาณก็มีให้ใช้ คุณคิดว่าผมรู้ไม่ทันพวกคุณเหรอ? ประชาชนเขารู้ทัน” นายพิธากล่าว
ชี้ประเทศไทยล้มเหลวมานานแล้ว - เมื่อเยาวชนพูดดีๆไม่ฟังจึงต้องตะโกน ย้ำเด็กปราณีผู้ใหญ่มากแล้วที่พูดแค่นี้
หลังจากนั้น นายพิธาได้กล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหวของเยาวชนที่เกิดขึ้นทั่วประเทศในขณะนี้ โดยกล่าวว่าจากการที่ตนได้สัมผัสพูดคุยกับเยาวชนมาหลายคน สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือความรู้สึกว่าเมื่อพูดดีๆแล้วไม่ฟังก็ต้องตะโกน แล้วพอเด็กตะโกนก็ไปหาว่าเขาก้าวร้าว ไปลดทอนสิ่งที่เขาพูด
เรื่องนี้คนรุ่นเราผู้ใหญ่ทั้งหลายควรจะคิดให้ดี ว่าอนาคตของพวกเราอีกไม่นานก็หมดแล้ว แต่อนาคตของพวกเขายังต้องอยู่ในสังคมนี้ไปอีกนาน วันนี้การที่คุณไปบีบคออนาคตของเขาไว้ แล้วเด็กๆออกมาพูดแค่นี้ก็นับว่าปราณีผู้ใหญ่รุ่นเรามากแล้ว ที่เป็นต้นเหตุของความล้มเหลว
พวกเขาเติบโตมากับการรัฐประหาร 2549 และการรัฐประหาร 2557 เขาต้องผ่านรัฐธรรมนูญมากี่ฉบับ เขาต้องเห็นการตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ได้เห็นปรากฏการณ์งูเห่า นิติรัฐที่บิดเบี้ยว ระบบการเลือกตั้งที่ไม่ได้สะท้อนเจตจำนงของประชาชน เขาพูดถึงพวกเราแค่นี้เราต้องขอบคุณพวกกเขาที่ยังปราณีผู้ใหญ่อย่างเราด้วยซ้ำ
มันไม่มีอนาคตในประเทศ มันมีอนาคตสำหรับคนแค่ 1% มั่นคง-มั่งคั่ง-ยั่งยืน ระบบเศรษฐกิจที่มีไว้เพื่อคนรวยอย่างเดียว ระบบกฎหมายที่ทุกคนไม่เสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย มันเป็นรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน ใครมีเงินมีเส้นสายเข้าใกล้อัยการเข้าใกล้ศาลได้ ไม่ว่าคดีจะเลวร้ายแค่ไหนคุณหลุดได้หมด แต่ถ้าเกิดคุณเป็นคนยากคนจนในประเทศไทย คุณแค่เก็บเห็ดคุณก็ไปแล้ว
ทุกวันนี้คดีที่คนจนติดคุกมากที่สุดนอกจากคดียาเสพติดแล้ว ก็คือคดีทวงคืนผืนป่า คดีทวงคืนที่ดิน ต่อสู้เรื่องที่ดินกับกรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ ที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ ที่สาธารณะของกระทรวงมหาดไทยฯ สิทธิมนุษยชนที่สำคัญที่สุดอย่างเรื่องที่ดินยังคงเป็นปัญหาที่คนจนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ยังเข้าไม่ถึง ที่ดิน 80% อยู่ในมือของคนแค่ 10% ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำขนาดนี้จะอยู่กันอย่างไรต่อไป
“ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำขนาดนี้จะอยู่กันอย่างไร? ไม่ต้องไปโทษโควิดเลย ประเทศที่เหลื่อมล้ำมากที่สุดอย่างประเทศไทย ประเทศที่มีการรัฐประหารสำเร็จมากที่สุด ประเทศที่มีรัฐธรรมนูญเยอะที่สุดขนาดนี้ คุณเจอโควิดเข้าไปแล้วคุณจะเหลืออะไร? ประเทศมันล้มเหลวมาตั้งนานแล้ว” นายพิธากล่าว
ยืนยัน “ก้าวไกล” คือบทสองของ “อนาคตใหม่” ย้ำภารกิจร่วมของพรรค-ประชาชนสู่สังคมไทยที่ก้าวหน้า
จากนั้น นายพิธาได้กล่าวปิดท้ายโดยถึงการก้าวต่อไปของพรรคก้าวไกล โดยระบุว่าพรรคก้าวไกลยังเชื่อว่าการเมืองคือเรื่องของความเป็นไปได้ ตั้งแต่ทำการเมืองมาสองปี ตนได้ยินคำว่า “เป็นไปไม่ได้” บ่อยที่สุด ตนได้ยินว่าการไม่มีหัวคะแนนและบ้านใหม่ เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะได้ ส.ส.เขตมา เป็นไปไม่ได้ที่จะได้ ส.ส.มากกว่า 20 คน เป็นไปไม่ได้ ส.ส.ใหม่จะอภิปรายได้ดี เป็นไปไม่ได้ที่จะขับเคลื่อนอะไร แก้ไขปัญหาบ้านเมืองในกรรมาธิการได้ พอยุบพรรคก็บอกว่าพอไม่มีธนาธร-ปิยบุตร เป็นไปไม่ได้ที่จะขับเคลื่อนไปต่อได้ แต่ทั้งหมดนี้เราพิสูจน์มาหมดแล้วว่า “เป็นไปได้”
พรรคเรายังมีดาวกระจายอีกหลายคนที่เมื่อรวมตัวกันเมื่อไหร่ ส่องสว่างไม่แพ้ดาวฤกษ์ของพรรคอนาคตใหม่แน่่นอน เป็นไปได้ที่ประชาชนที่อยู่ที่นี่ถือเทียนคนละเล่ม จะสว่างพอๆกับดาวฤกษ์ของพรรคอนาคตใหม่ที่เขาตัดสิทธิออกไปได้ เมื่อพรรคก้าวไกลกับสมาชิกที่อยู่ที่นี่รวมกันกับประชาชน แสงสว่างในความมืด ในยามที่ประเทศไทยมืดที่สุดยังสว่างขึ้นมาได้
“พวกเราต้องเชื่อแบบนั้น นี่คือการเมืองแห่งความเป็นไปได้ นี่คือการเมืองแบบมีความหวัง ไม่ใช่การเมืองแบบมีความกลัว ตราบใดก็ตามที่ผมหันหลังไป แล้วยังเห็นพวกท่านอยู่ พวกผมไม่มีวันถอย พวกผมไม่มีวันยอมแพ้ เพราะตราบใดที่เราหันไปแล้วเรายังมีกันและกันอยู่ มีพวกผมไม่มีพวกท่านทำอะไรไม่ได้ นี่คือการต่อสู้ของพวกท่านทุกคนด้วย เพราะฉะนั้น มาวันนี้ มายืนยันว่าพรรคก้าวไกลคือบทที่สองของพรรคอนาคตใหม่ ยังเป็นพรรคที่ไม่ใช่พรรคชั่วคราวอย่างที่ใครพูดกัน นี่คือพรรคที่มีความตั้งใจที่จะเป็นสถาบันหลักของการเมืองไทยไปอีกตราบนานเท่านาน เท่าที่ประชาชนยังต้องการเราอยู่ ถ้าพวกท่านยังต้องการผมอยู่ พวกผมก็ยังจะยืนอยู่กับท่าน เป็นสถาบันหลักที่พาประเทศไทยออกจากวิกฤตินี้ ไปสู่อนาคตที่ก้าวไกลกว่า ที่ก้าวหน้ากว่า ที่ประเทศไทยเป็นของคนทุกคน ที่ระบบเศรษฐกิจทำงานให้กับคนทุกคน ไม่ใช่แค่นายทุนอย่างเดียว ที่ประชาชนอยู่เสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย แล้ววันนั้นจะเป็นวันที่เราปลี่ยนประเทศไทยและเปลี่ยนโลกนี้ด้วยกัน” นายพิธากล่าวปิดท้าย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |