หมอธีระชงแนวทางตรวจเชื้อโควิดต่างด้าวย้ำเปิดรับนักท่องเที่ยวไม่คุ้มเสี่ยง


เพิ่มเพื่อน    

 

30ส.ค. 2563 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thira Woratanarat กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด 19 ดังนี้ 
สถานการณ์ทั่วโลกล่าสุด 30 สิงหาคม 2563

ทะลุ 25 ล้านไปเรียบร้อยแล้ว

ติดเพิ่มไปอีก 269,519 คน ตายเพิ่ม 5,404 คน ยอดรวมตอนนี้ 25,141,268 คน

อเมริกา ติดเพิ่ม 44,062 คน ตายเพิ่มเกินพันเช่นเดิม ยอดรวม 6,135,900 คน

บราซิล ติดเพิ่ม 33,548 คน รวม 3,846,153 คน

อินเดีย ติดเพิ่ม 78,472 คน รวม 3,539,712 คน

รัสเซีย ติดเพิ่ม 4,941 คน รวม 985,346 คน

เปรู เพิ่มเกือบหมื่น แซงแอฟริกาใต้ไปแล้ว ในขณะที่แอฟริกาใต้ติดเพิ่มสองพันกว่า เม็กซิโกอีกเกือบหกพัน

สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อิตาลี อิหร่าน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และญี่ปุ่นติดกันหลักพันถึงหลายพัน

หลายประเทศในยุโรป รวมถึงแคนาดา ปากีสถาน และเกาหลีใต้ ติดกันหลักร้อยถึงหลายร้อย

สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย ฮ่องกง นิวซีแลนด์ และเมียนมาร์ ติดกันหลักสิบ ในขณะที่จีนและเวียดนามต่ำกว่าสิบ

...สถานการณ์ระบาดยังอยู่ในอัตราเร็วเช่นเดิม ไม่ลดลง ระบาดรุนแรงกระจายไปทุกทวีป ยุโรประบาดซ้ำขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยมีการวิเคราะห์ว่าต้นเหตุหลักมาจากการเปิดการเดินทางระหว่างประเทศ
บางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น กำลังจะมีนโยบายเปิดให้คนเดินทางเข้าประเทศ โดยกำหนดให้ตรวจไวรัสก่อนเข้า 72 ชั่วโมง แต่ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ อัตราติดเชื้อในประเทศสูง คนที่ไปแล้วอาจมีโอกาสติดเชื้อตอนกลับมาต้นทางด้วย ต้องระมัดระวังให้ดี

สายพันธุ์ไวรัสมีหลายสายพันธุ์ และตอนนี้มีความรู้ทางการแพทย์ที่ชี้ให้เห็นว่าติดเชื้อแล้วสามารถติดซ้ำได้ ยิ่งทำให้น่าวิตก เพราะจะเกิดการแพร่ระบาดต่อเนื่องไปทั่วโลกอย่างคุมได้ยาก

เมียนมาร์ จำนวนการติดเชื้อสูงขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ติดเพิ่มขยับจาก 42 ไป 90 เพิ่มขึ้นสองเท่าตัว...หากยังเป็นไปแบบนี้อีกสักระยะ จะคุมไม่อยู่ หน่วยงานต่างๆ รวมถึงประชาชนที่อยู่ตามขอบชายแดนจำเป็นต้องระวัง ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ป้องกันการลักลอบข้ามประเทศ

...หลายเดือนก่อน ทีมโรงเรียนแพทย์เคยหารือกันเรื่องการเสนอนโยบายที่จะให้นายจ้างของธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีการจ้างแรงงาน ให้ทำการส่งตรวจน้ำลายแบบรวมหลายคนพร้อมกัน (pooled saliva) เพื่อตรวจ RT-PCR หาการติดเชื้อไวรัสโรค COVID-19 ซึ่งสามารถตรวจพร้อมกันทีเดียวได้หลายคน และประหยัดค่าใช้จ่ายในการตรวจคัดกรองเบื้องต้น  หากผลเป็นบวก ค่อยทำการตรวจรายบุคคลในกลุ่ม pooled saliva นั้น...ในเวลานี้ทางรัฐน่าจะนำไปพิจารณาเป็นนโยบาย โดยทำเครือข่ายสถานพยาบาลที่สามารถตรวจได้ในแต่ละพื้นที่ในการช่วยทำการตรวจให้แก่สถานประกอบกิจการต่างๆ อย่างเป็นกิจวัตร...นี่คือการทำ early detection ที่จำเป็นอย่างยิ่ง

ย้ำอีกครั้ง...ยืนยันเช่นเดิม การเปิดประตูประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามนโยบายฟองสบู่ท่องเที่ยว ไม่ว่าจะโมเดลอะไรก็ตาม ถือเป็นความเสี่ยงสูงสุดต่อการระบาดซ้ำ รุนแรง คุมได้ยาก และส่งผลต่อการเปลี่ยนภูมิศาสตร์โรคของประเทศให้กลายเป็นแดนดงโรคในระยะยาวซึ่งยากที่จะเยียวยา

จำเป็นต้องยุตินโยบายฟองสบู่ท่องเที่ยวไปก่อนอย่างน้อย 6 เดือน และใช้เวลาที่มีนั้นปฏิรูประบบธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ต่างไปจากอดีตที่เป็นมา เยียวยาและพัฒนาคนที่ได้รับผลกระทบ และ reskill ให้เหมาะสมกับรูปแบบใหม่ ที่ติดต่อกันน้อยลงสั้นลง เน้นความปลอดภัย ประสบการณ์ และเพิ่มมูลค่า มากกว่าการเน้นปริมาณ

ถ้ายังดื้อดึงเข็นฟองสบู่ท่องเที่ยวตอนนี้...หายนะจะมาเยือน และยากที่จะหวนกลับ

ส่วนประชาชนทุกคน...ขอให้เรารักตัวเองรักครอบครัว ป้องกันตัวอยู่เสมอ ความเสี่ยงตอนนี้สูงมาก 

"โควิด...ติด...ไม่ใช่แค่คุณ"

เราต้องทำได้...
 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"