เฝ้าระวังโควิด ‘ชายแดนพม่า’ คุมเข้มแรงงาน


เพิ่มเพื่อน    

 

ศบค.เผยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 1 ราย เป็นหญิงไทยมาจากเนเธอร์แลนด์ ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,411 ราย ขณะที่ชายแดนไทย-เมียนมาเพิ่มความเข้มงวด แม่ทัพภาค 3 บุกด่านแม่สอด ตรวจความพร้อม สตช.คาดโทษ ตำรวจพัวพันแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย สั่งฟันวินัย อาญาทุกกรณี หวั่นเป็นต้นเหตุให้ไทยระบาดรอบ 2

    เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่ามีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 1 ราย ในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,411 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 5 ราย ยอดหายป่วยสะสมรวม 3,242 ราย มีผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 111 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 58 ราย
    ผู้ป่วยรายใหม่มาจากเนเธอร์แลนด์ เป็นหญิงไทย อายุ 30 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงไทยวันที่ 15 ส.ค. เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ จ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 วันที่ 26 ส.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
    สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 24,906,503 ราย อาการรุนแรง 61,188 ราย รักษาหายแล้ว 17,296,990 ราย เสียชีวิต 841,290 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1.สหรัฐอเมริกา จำนวน 6,096,235 ราย 2.บราซิล จำนวน 3,812,605 ราย 3.อินเดีย จำนวน 3,461,240 ราย 4.รัสเซีย จำนวน 980,405 ราย 5.เปรู จำนวน 629,961 ราย
    ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 121 จำนวน 3,411 ราย ส่วนเที่ยวบินนำคนไทยที่ตกค้างกลับประเทศ วันที่ 29 ส.ค. จำนวน 539 คน จากเนเธอแลนด์ ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และฮ่องกง ขณะวันที่ 30 ส.ค. จำนวน 499 คน จากบาห์เรน เนปาล นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และเวียดนาม
    ขณะที่ประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อการระบาดรอบ 2 เพิ่มมากขึ้น เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเมียนมายังคงสูงขึ้นทุกวัน ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 41 คน ขณะเดียวกันยังพบว่ามีแรงงานเมียนมาหลบเข้าไทยอย่างผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลเมียนมาสั่งล็อกดาวน์เมืองซิตตเวอย่างไม่มีกำหนด
    ที่ชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดเมียวดี สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเมืองเมียวดี ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองและฝ่ายสาธารณสุข ที่ประจำอยู่เมียวดีในเมียนมา ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราเฝ้าระวังการเดินทางของประชาชนชาวเมียนมาที่เดินทางไป-มา ยังพื้นที่ต่างๆ เช่น ย่านการค้า ธุรกิจ-ย่านชุมชน สถานที่ราชการ  ศาสนสถาน โดยเจ้าหน้าที่เมียนมาจะบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด     โดยทุกคนต้องให้สวมใส่หน้ากากอนามัย Face Mask และมีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย หากพบมีไข้จะถูกกักตัวทันที และหากพบบุคคลไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยก็จะถูกจับปรับ ถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ซึ่งตามบ้านเรือนหรือในหมู่บ้านชานเมืองเมียวดี จะมีการปิดหมู่บ้าน ห้ามคนต่างพื้นที่เข้า-ออก โดยต้องมีการตรวจสอบบุคคลอย่างละเอียด ซึ่งชาวเมียนมาใน จ.เมียวดี ต่างตื่นตัวในเรื่องโควิด-19 อย่างมาก โดยเฉพาะการบังคับให้ทุกคนต้องสวม Face Mask
    สำหรับในฝั่งไทย ที่ชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก พล.ท.ฉลองชัย  ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 ที่ได้เดินทางลงพื้นที่พร้อมประชุมเจ้าหน้าที่กระชับมาตรการเข้มข้นชายแดนแม่สอดที่ด่านพรมแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียน ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก โดยแม่ทัพภาคที่ 3 ได้ตรวจความพร้อมด่านเอกซเรย์บุคคลเข้า-ออกของหน่วยควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข มี พล.ต.อุกฤษฎ์ นุตคำแหง ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร, พ.อ.ประสาน เห็นประเสริฐ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 แม่สอด, นายวรานนท์ ยิ้มมงคล รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก, เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแม่สอด, หน่วยควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ, เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตาก ศุลกากรแม่สอด ให้การต้อนรับและให้ข้อมูลถึงสถานการณ์โควิด-19  
    พล.ท.ฉลองชัยกล่าวว่า ด้วยความห่วงใยของนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในเมียนมา จึงได้เดินทางมาพบกับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนรวมทั้งฝ่ายความมั่นคง ก็ได้ทราบว่ามาตรการทุกอย่างที่ทาง จ.ตากดำเนินการมา ดูแล้วรัดกุมในทุกจุด มีเพียงว่าด่านขนส่งสินค้าจำเป็นต้องปรับให้รถที่ผ่านเข้า-ออก และมีคนเมียนมาคันละ 2 คนติดรถ จะหามาตรการคุมบุคคลพวกนี้ไม่ให้มีการลงรถ รวมทั้งสามารถตรวจสอบได้ และให้ขนถ่ายสินค้าขึ้นรถแล้วกลับเลย
    ส่วนท่าข้ามธรรมชาติ ก็มีการเพิ่มเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ให้ อสม.เข้ามาร่วม รวมทั้งจัดกำลังลาดตระเวนด้วย นอกจากนี้เรื่องมนุษยธรรม เรื่องการส่งตัวผู้ป่วยของเมียนมา ก็คงต้องมีอยู่ แต่หากพบมีบุคคลต้องสงสัยก็จะต้องมีการกักตัว ทั้งนี้ มีหลายฝ่ายเสนออยากให้มีการปิดด่านทั้งหมด ซึ่งก็ต้องรอดูท่าทีหากถึงเวลาเราจะหามาตรการรองรับ เช่น ให้มีการขนถ่ายสินค้าตามแนวชายแดนหรือขนถ่ายกันหน้าด่านพรมแดน โดยไม่ให้รถเข้ามาในพื้นที่ แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ได้มีการกำชับมาตรการไปทุกจังหวัดที่มีพรมแดนติดประเทศเมียนมา ให้เฝ้าระวังและติดตามข่าวสารในเมียนมาด้วย
    ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงตามแนวชายแดนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพิ่มความเข้มในทุกมาตรการอย่างเข้มงวดรัดกุมในทุกจุดพื้นที่
       โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ขานรับนโยบายและมอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขับเคลื่อนการปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดในจังหวัดชายแดนที่มีพื้นที่ติดต่อกับชายแดนของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยได้เน้นย้ำสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ที่มีพรมแดนติดกับชายแดนติดกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี แม่ฮ่องสอน ระนอง ราชบุรี ประสานการทำงานร่วมกับทหาร ปกครอง กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ดำเนินการตามมาตรการและแนวทางปฏิบัติของการป้องกันโรค ตามคำสั่ง ศบค.อย่างเคร่งครัด ดังนี้
         เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและป้องกันคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ทั้งช่องทางจุดผ่านแดนถาวร, จุดผ่อนปรนทางการค้า, จุดผ่อนปรนพิเศษ และช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดน, สืบสวน หาข่าว การกระทำในลักษณะเป็นขบวนการนำพา เป็นนายหน้า และดำเนินการบังคับใช้กฎหมายและขยายผลไปถึงผู้เกี่ยวข้องทุกราย ทั้งในระดับพื้นที่และทางสื่อโซเชียลมีเดีย เช่น  Facebook, Line และสื่อต่างๆ
        รองโฆษก ตร.กล่าวอีกว่า ได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับตรวจสอบและควบคุมการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด และห้ามมิให้มีกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจในปกครองเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเข้าเมืองผิดกฎหมายของคนต่างด้าว หากพบการกระทำผิด โดยจะพิจารณาดำเนินการทางอาญาและทางวินัยอย่างเฉียบขาดทุกกรณี เพื่อควบคุมและป้องกันความเสี่ยงไม่ให้เกิดการระบาดระลอกใหม่และให้ประเทศไทยปราศจากเชื้อไวรัสโควิดในทุกมิติ
        ทั้งนี้ หากประชาชนพบเบาะแสหรือมีข้อมูลการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หรือขบวนการลักลอบนำพาบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) หมายเลข 1599 หรือสายด่วนแจ้ง เหตุด่วนเหตุร้าย หมายเลข 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ทุกคนจะได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ดูแลประเทศไทยปลอดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19).

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"